ตอนที่29 ทำร้ายตัวเอง
ตอนที่29 ทำร้ายตัวเอง
ตำรวจรีบค้นตามคำให้การของเฉินซงทันที ก่อนจะพบซองบรรจุผงสีขาวเอาไว้สองซองซ่อนอยู่ตามราวม่าน
อู๋เลอวิ่งไปซัดหน้าเฉินซงอย่างแรงจนไปนอนกองกับพื้น ส่วนคนอื่นๆ รีบตรงเข้าไปกระทืบซ้ำทันที แต่ทั้งหมดก็ถูกตำรวจแยกออกในท้ายที่สุด
“เฉินซง! พี่เล่อดูแลราวกับพี่น้องคนหนึ่ง แล้วแกทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง!”
“แกจัดฉากให้พี่เลอต้องติดคุก! นี่แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่า? อีกฝ่ายมันซื้อแกเท่าไหร่กันห๊ะ!?”
เฉินซงหัวเราะเยาะดังลั่นพร้อมตอบไปว่า
“พูดอะไรของพวกแก? พี่เลอดีกับฉันมากก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พอเขาทำเรื่องผิดกฎหมาย เสพยา แล้วฉันจะต้องช่วยเขาปกปิดมันได้! อย่าทำตัวราวกับพวกไม่รู้กฎหมายได้ไหม? พี่เลอเสพยามานานขนาดไหนแล้ว ทำไมพวกแกจะไม่รู้? หรือจะให้ตำรวจลากพวกแกเข้าคุกไปด้วย?”
พวกของอู๋เลอกรนด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน แต่ก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ
ตำรวจเข้ามาแยกระหว่างทั้งสองฝ่ายและจับอู๋เลอล็อกจุญแจมือ และพาไปยังโรงพัก ส่วนเฉินซงก็กลับบ้านอย่างสบายใจ
อู๋ซินระเบิดน้ำตายกใหญ่ รีบถามจ้าวเฉียนทันทีว่า ตอนนี้จะทำยังไงดี
จ้าวเฉียนปลอบใจไปว่า
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไปหาหยางหู่เพื่อขอความช่วยเหลือ เขาเป็นเจ้าของEmgrand KTV มีเส้นสายในทางสีเทาไม่น้อยเลย เขาจะช่วยพี่ชายของเธอออกมาได้แน่”
“แล้ว...คนระดับนั้นจะยอมช่วยนายเหรอ?”
“แค่ใช้เงินก้อนสุดท้ายของฉัน เขาก็น่าจะยอมช่วยแล้ว”
“งั้นเอานี่ไปเผื่อ บัตรของฉันเอง รหัสผ่าน123456 มีเงินที่ได้จากการเซ็นเข้าแพลตฟอร์มเทียนซูวอยู่ก้อนหนึ่ง ตราบใดที่สามารถเอาพี่ให้ออกมาได้ ก็ใช้ได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
จ้าวเฉียนพยักหน้าพร้อมรับบัตรของเธอมา
“มีใครรู้ไหมว่า ครอบครัวของเฉินซงอาศัยอยู่ที่ไหน กับใครบ้าง?”
ทุกคนรีบแห่กันมาให้ข้อมูลของเฉินซงกับจ้าวเฉียนทันที
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเดินทางออกจากอู๋ซ่อนรถทันที เขาโทรเรียกหยางหู่ออกมา ในไม่ช้าทั้งสองก็นัดเจอหน้ากัน
เขาสั่งการหยางหู่ออกไปทันที และเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดฟัง รวมไปถึงส่งคนไปตรวจสอบเฉินซง หยางหู่พยักหน้าและให้สัญญาว่าจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุเ
จ้าวเฉียนหาววอดคำใหญ่และกลับคฤหาสน์เข้านอนทันที เขาไม่ได้กังวลเรื่องของอู๋เลอเลยแม้แต่น้อย รอหยางหู่รายงานกลับมาก็แค่นั้น ในทางตรงข้าม อู๋ซินกังวลจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เธอนั่งเฝ้ารอสายจากจ้าวเฉียนโทรมาหาตลอดยันเช้า
เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา อู๋ซินไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป พร้อมเร่งโทรหาจ้าวเฉียนทันทีและถามว่า เรื่องดำเนินไปถึงไหนแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ฉันจ่ายเงินให้หยางหู่ลงมือจัดการแล้ว ทันทีที่ได้เรื่องอะไรกลับมา พี่ชายของเธอรอดออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้นายต้องเฝ้าให้ดีนะ ต้องเอาพี่ชายออกจากคุกให้ได้โดยเร็วที่สุด”
“อืม ทางเราเองก็ใช้เงินไปหมดแล้ว ทางนั้นก็ต้องทำอะไรเพื่อเราบ้าง”
อู๋ซินวางสายไปพร้อมเสียงครวญครางอย่างวิตกกังวล
ใกล้จะเวลาเที่ยงวัน หยางหู่ก็ต่อสายโทรมาหาจ้าวเฉียน
“คุณชายจ้าว ทางเราได้ข้อมูลของเฉินซงมาแล้ว ประมาณเดือนก่อนเขาเสียเงินกับการเล่นพนันไปกว่า500,000หยวน และเพิ่งหาเงินก้อนไปจ่ายได้เมื่อสองวันที่แล้ว เนื่องจากมีใครบางคนยื่นมือเข้ามาช่วย”
“โอเค นายบุกบ้านไปจับตัวมันไม่ให้ไปไหน แล้วเค้นให้มันสารภาพออกมา”
ผ่านไปประมาณบ่ายสาม หยางหู่โทรเข้ามาหาอีกครั้งและบอกว่า ตอนนี้จับตัวเฉินซงแล้ว แต่ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่ยอมพูด
จ้าวเฉียนตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะว่า
“ผีพนันพวกนี้มันไม่เสียดายชีวิตหรอก แล้วจะยอมบอกง่ายๆ ได้ยังไง? แค่ถามมันไปว่าอยากได้เงินเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันให้มันเอง”
“ทำไมคุณชายจ้าวถึงไม่ให้พวกผม จับคนในครอบครัวของมันมาเป็นตัวประกันสักคนล่ะ?”
“อย่าเลย บางสิ่งถ้าใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็ใช้ไปเถอะ ดีไม่ดีถ้าเล่นไปถึงครอบครัวมัน แล้วดันมีตำรวจมาเกี่ยวข้องเพิ่มอีก ยิ่งไม่เป็นการผูกปมให้แน่นเข้าไปใหญ่? ถ้ามันกล้าขอ ฉันก็กล้าให้ บอกมันไปแบบนี้”
หยางหู่กรนเสียงเย็นคำหนึ่ง และหันไปกล่าวกับเฉินซงว่าต้องการเงินเท่าไหร่ อีกฝ่ายระเบิดหัวเราะลั่นและขอสองล้านโดยตรง ตราบใดที่เงินถึงมือ เขาจะรีบคายความจริงออกมาทันที
หยางหู่โกรธเป็นผืนเป็นไฟ กระชากคอเสื้อเฉินวงขึ้นมาและขู่ว่า
“ไอ้เวร มึงระวังปากหน่อยนะ ระวังจะตายก่อนได้ใช้เงิน!”
เฉินซงไม่ได้รู้สึกนึกหรือรู้สึกกลัวแต่อย่างใด แค่หัวเราะตอบไปว่า
“ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวคนอย่างแก ตอนนี้ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าว่า พวกแกจะดิ้นรนไปได้อีกสักกี่น้ำ? อีกฝ่ายคือหยางหมิง แค่กระดิกมือฉันก็หนีออกไปจากเมืองนี้ได้ไม่ยาก...พร้อมเงินสองล้านในมือ!”
หยางหู่ยกกำปั้นซัดหน้ามันไปหนึ่งที และยกหูรายงานกับจ้าวเฉียนต่อ
จ้าวเฉียนกล่าวตอบทันทีว่าไม่มีปัญหา สองล้านคือสองล้าน และกำลังเดินทางไปหาเฉินหง ขณะเดี๋ยวกันก็โอนเงินสองล้านไปให้อีกฝ่ายทันที เมื่อเฉินซงได้รับข้อความแจ้งเตือนจากธนาคาร หยางหู่ก็บันทึกคลิปให้เฉินซงสารภาพทุกอย่างว่า ทั้งหมดเป็นแผนของหยางหมิง และต้องการใส่คาวมให้อู๋เลอ
หยางหมิงยืนยันกล่าวย้ำจนทุกอย่างเรียบร้อยดี ก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า
“นายคิดไว้แล้วใช่ไหมว่า...วันนี้จะต้องมาถึง? นายยอมขายเขาง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?”
“ฮ่าๆ ...ใครจะไปรู้ว่าหยางหมิงจะเปลี่ยนอารมณ์ตอนไหน ถ้าฉันไม่ถือไพ่สักใบไว้ในมือ บางทีมันอาจจะเชิดเงินฉัน หรืออย่างเลวร้ายสุด อาจจะโยนให้ฉันเป็นแพะรับบาปจริงไหม?”
“ฮ่าฮ่า...แกนี่มันสารเลวได้ใจจริงๆ ยังไม่รีบปล่อยตัวมันอีกเหรอ?”
หยางหู่สั่งลูกน้องให้ปล่อยเฉินซงทันที
“พวกนายกลับไปก่อนเลย ฉันยังมีธุระต้องทำ”
พวกคนของหยางหู่พยักหน้าและแยกย้ายจากไป ส่วนหยางหู่รีบส่งคลิปหลักฐานไปหาจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนที่ดูคลิปวีดีโอดังกล่าวก็ครี่ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ เขาตีรถกลับไปยังสถานทีตำรวจทันทีเพื่อส่งหลักฐานชิ้นสำคัญให้ หลังจากที่ทางตำรวจได้ยืนยันแล้วว่า คลิปนี้เป็นหลักฐานจริง พวกเขาก็เข้าจับกุมหยางหมิงแทน และปล่อยตัวอู๋เลอออกมา
และก็บังเอิญเหลือเกิน ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังพาอู๋เลอออกจากสถานทีตำรวจ ก็ดันสวนเข้ากับหยางหมิงที่กำลังโดนตำรวจกุมตัวเข้าไป
“อ้าว? นายน้อยหยางคนที่ชอบยัดยาให้คนอื่นไม่ใช่เหรอ? ยกหินฟาดตีนตัวเองแท้ๆ ...นี่เรียกว่าโง่หรือโง่ดีนะ?”
หยางหมิงไม่อาจทพคำเยาะเย้ยของจ้าวเฉียนได้เลยแม้แต่น้อย เขาปรี๊ดแตกทันทีที่ได้ยินพร้อมตะคอกสวนกลับมาว่า
“มึงหยิ่งซะให้พอ! ฉันออกมาได้เมื่อไหร่ แกตายแน่!! ตำรวจโง่พวกนี้จับฉันได้ไม่นานหรอกจำไว้!!”
..
“ตายแล๊ว! พูดจาแบบนี้ต่อหน้าคุณตำรวจ แสดงไม่ว่าเห็นกฎหมายในสายตาเลยใช่ไหม? คุณตำตรวจครับ คนร้ายพูดจาดูถูกเจ้าพนักงาน ต้องโดนเพิ่มอีกคดีหรือเปล่าครับ? อ่ะนี่...เงินค่าขนมครับ”
ตำรวจรีบหยุดพร้อมหยิบเงินปึกหนึ่งมาจากมือจ้าวเฉียน และบอกว่าไม่ต้องห่วง โดนเพิ่มอีกหลายคดีแน่นอน ก่อนจะคุมตัวหยางหมิงเข้าไป
ในเวลานี้เอง อู๋ซินก็เพิ่งมาถึง เธอวิ่งเข้าไปโผกอดพี่ชายอย่างมีความสุข และเอ่ยถามเจือสีหน้ากังวลว่า พี่ชายของเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
อู๋เลอยิ้มตอบว่า
“พี่ไม่เป็นอะไร ต้องขอบคุณบอสจริงๆ ที่ช่วยในครั้งนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นคลิปนั้น พี่คงติดคุกหัวโตจริงๆ แน่นอน”
ภายในแววตาดวงสวยของอู๋ซินเปล่งประกายสีหวาน เปี่ยมล้นไปด้วยความขอบคุณที่มีต่อจ้าวฉัยน เธอกล่าวกับเขาว่า
“ขอบคุณนายมากเลย แล้วคืนนี้ว่างไหม? ฉันว่าจะชวนนายมาทานข้าวเย็นที่บ้าน ฉันจะทำสุดฝีมือเลย นั่งทำกินกันที่บ้านก็ประหยัดดีด้วย”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า
“นี่เธอทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? จะกินได้ใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ ฉันเคยทำให้พ่อกับพี่อยู่บ่อยครั้งจะตาย นายจะไปลองชิมไหมล่ะ?”
“ไปสิไป! มีคนมาทำอาหารให้ทั้งที จะไม่ไปได้ไง? รีบไปเถอะ! ฉันหิวจะแย่แล้ว!”
อู๋ซินกับอู๋เลอต่างยิ้มให้กันพลางพยักหน้า จากนั้นก็เดินทางกลับไปพร้อมกับจ้าวเฉียน
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงที่บ้านของอู๋ซิน
“พ่อ พี่ชายกลับมาแล้ว! ครั้งนี้พวกเราต้องขอบคุณจ้าวเฉียนนะ ถ้าไม่ได้เขาช่วย พี่ชายคงไม่ได้กลับมาบ้านอีกแน่นอน”
ทว่าเมื่อได้ยินคำตอบของอู๋เกาฉิง พวกเขาทั้งสองถึงกับยืนอึ้งไปทั้งแบบนั้น ไม่เพียงเขาจะไม่พอใจที่เห็นลูกชายตัวเองกลับมา แต่เขายังไม่ขอบคุณจ้าวเฉียนสักคำ ในทางตรงข้าม เขายิ่งโกรธจัดเมื่อรู้ว่าจ้าวเฉียนยื่นมือมาช่วยเหลือ
“ทำไมพวกแกถึงได้โง่กันแบบนี้! มีใครในเมืองนี้บ้างที่กล้าทำให้หยางหมิงขุ่นเคือง? แล้วแกไปช่วยเลอเอ๋อร์ทำไม? ไม่ปล่อยให้ตำรวจจับมันเข้าตารางไปละ?”
ทั้งสามยืนตัวแข็งราวกับรูปปั้นหิน นี่เป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อควรพูดอย่างนั้นเหรอ?
ต้องการให้ลูกชายที่ถูกใส่ร้ายติดคุก และต่อสู้เพื่อช่วยฆาตกร?