ตอนที่10 พ่อนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง
ตอนที่10 พ่อนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะดังขึ้นด้วยความพึงพอใจมาก เขาหันมาพูดกับหงฝูว่า
“ผู้จัดการ พนักงานขายบอกผมว่าXJเป็นรถหรูระดับไฮเอนด์ เป็นคุณได้ยินแบบนั้นจะขำไหม? เอาเถอะ ขอรุ่นXJตัวท็อปมาสักคัน”
ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยิน ปรากฏว่าชายคนนี้รวยจริงๆ? เอ่ยปากสั่งซื้อกันง่ายๆ แบบนี้เลย? เขาไม่ได้ล้อเล่น?
ในฐานะผู้จัดการมากประสบการณ์ หงฝูย่อมมีชั้นเชิงการสนทนาและยังรู้อีกว่าอะไรเป็นอะไร เขาจึบรีบตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
“ฮ่าๆ นั้นสิครับ เป็นผมคงหัวเราะท้องแข็งไปแล้ว! แต่คุณลูกค้าก็ต้องเข้าใจหน่อยนะครับ เด็กพวกนี้ก็แค่พนักงานกินเงินเดือนทั่วไป แค่รุ่นXJพวกเขาก็ไม่มีปัญญาจะจับต้องแล้ว ก็เลยมองว่าเป็นรถระดับไฮเอนด์เป็นธรรมดา ส่วนพวกแก! รีบขอโทษเขาเดี๋ยวนี้เลย!”
พนักงานพวกนั้นรีบก้มศีรษะขอโทษขอโพยจ้าวเฉียนทันที
“คุณลูกค้าค่ะ ดิฉันต้องขอโทษจากใจจริงที่ทำตัวเสียมารยาทก่อนหน้านี้ อย่างที่ผู้จัดการว่าไปแหละค่ะ พวกฉันก็แค่พนักงานกินเงินเดือนทั่วไป จึงไม่ค่อยรู้อะไร ดิฉันผิดเองที่ตัดสินคนจากภายนอกเท่านั้น นี่ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ต้องขอโทษจริงๆนะคะ... ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ...”
จ้าวเฉียนที่เจอแบบนี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย และสวนตอบด้วยคำถามแทนว่า
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่? ฉันต้องการรถคนนี้ และต้องรีบใช้มัน”
หงฝู่รีบเชิญจ้าวเฉียนมายังมุมหนึ่งของโชว์รูม คลี่ยิ้มบางกล่าวขึ้นว่า
“คุณลูกค้าไม่ต้องอายนะครับ บอกผมได้ตรงๆ เลย หรือถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ค่อยโทรมาบอกหลังจากนี้ก็ได้ครับ ผมเข้าใจนะครับว่า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ต้องพูดเกินจริงไปบ้างเป็นธรรมดา เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะสั่งให้ทุกคนลืมๆ มันไป วินวินกันทั้งสองฝ่าย ดีไหมครับ?”
จ้าวเฉียนอดหัวเราะไม่ได้ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาทราบดีว่าความหมายที่ผู้จัดการกำลังสื่อหมายถึงอะไร และเขากำลังเข้าใจผิดอย่างแรง
“ผู้จัดการ ที่ผมบอกว่าต้องการรุ่นXJคือผมต้องการจริงๆ ไม่ได้จะไว้อวดเบ่งต่อหน้าพนักงานพวกนั้น อ่อ...แล้วอย่าลืม ผมสั่งซื้อในนามพนักงานพวกนั้น พวกเธอควรได้เครดิตไปนะ แต่ถ้า...ผู้จัดการไม่เต็มใจขายให้ผม ผมก็ไปโชว์รูมอื่นก็ได้นะครับ”
“คุณลูกค้า...พูดจริงเหรอครับ?”
“เห็นผมล้อเล่นอยู่รึไง?”
หงฝูหัวเราะครืนเล็กน้อยและตอบไปทันทีว่าไม่มีปัญหา เดี๋ยวเขาจะดำเนินการเตรียมรถให้ทันที
“พวกแกมานี่เลย! รีบๆ ขอบคุณเขาเดี๋ยวนี้ ขนาดพวกแกไปดูหมิ่นเขาขนาดนั้น เขายังยอมซื้อรถคันนี้ในนามพวกแกเลย!”
พนักงานขายพวกนั้นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ฟัง ไม่เพียงจะพบเจอเข้ากับเศรษฐี แต่ยังเป็นเศรษฐีที่ใจกว้างอะไรขนาดนี้!
“คุณลูกค้า...ไม่สิ....คุณพ่อ คืนนี้คุณพ่อว่างไหมค่ะ? พวกเราอยากเชิญท่านไปดินเนอร์เพื่อเป็นการไถ่โทษ ไม่ว่าต้องการไปที่ไหน พวกเรายินดีค่ะ!”
“คุณพ่อ...ดิฉันรู้สึกละอายใจจริงๆ อย่างน้อยโปรดไปทานข้าวเย็นด้วยกันเป็นคำขอโทษนะคะ”
“คุณพ่อค่ะ หลังจากกินข้าวเสร็จ สนใจที่จะไปต่อกับดิฉัน...ไหม?”
พบเจอกับเศรษฐีแบบนี้ สาวๆ เหล่านี้ปรารถนาที่จะหลับนอนกับเขาสักคืน จึงรีบประจบเรียกเขาว่าคุณพ่อทันที ถ้าสามารถเรียกอีกฝ่ายว่า คุณพ่อได้ทุกวัน อย่างน้อยชีวิตการเป็นอยู่ของพวกเธอต้องดีกว่าปัจจุบันแน่นอนจริงไหม?
จ้าวเฉียนหัวเราะแห้ง ตอบกลับไปว่า
“โทษะที คืนนี้ฉันมีธุระสำคัญ แล้วตอนนี้ก็รีบมาก ผู้จัดการเตรียมรถให้ผมเลยครับ”
หงฝูเร่งคนไปเตรียมรถให้ทันที และขึ้นรถไปพร้อมกับจ้าวเฉียนเพื่อทดสอบรถก่อนซื้อจริงด้วยตัวเอง
เป็นเวลาห้าปีแล้วที่จ้าวเฉียนไม่ได้ขับรถ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเหยียบคันเร่งขับเร็วเกินไป แค่วนไปรอบบริเวณนั้นเล็กน้อย ตรวจเช็คฟังชั่นก์ต่างๆ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมรูดแบล็คการ์ดถอยรถคันใหม่เอี่ยมออกมาทันที
พนักงานขายเหล่านั้นรวมตัวกันออกมาส่งเขาราวกับคุณพ่อที่จากลูกๆ ไปทำงาน ก่อนจะทยอยกลับเข้าไปในโชว์รูมอย่างไม่เต็มใจนัก หากพวกเขาไม่ไปดูถูกเขาตั้งแต่แรก ผลที่ได้คงดีกว่านี้?
จ้าวเฉียนขับรถตรงไปยังDMV เพื่อเข้ารับใบอนุญาตทะเบียนชั่วคราว จากนั้นก็ต่อสายตรงไปหาอู๋ซิน
“นี่ผมซื้อรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว สนใจจะมาดูไหม?”
“แน่นอน! ถ้าอย่างนั้นมารับฉันได้เลย ฉันไม่อยากอยู่บ้านแล้ว พาฉันออกไปขับรถเล่นหน่อย!”
“โอเค! ส่งที่อยู่มาให้ฉันเลย จะได้ขับไปรับเดี๋ยวนี้!”
จ้าวเฉียนขับรถตามที่พิกัดชี้ไป ในไม่ช้าก็มาถึงอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เขาจดรถเทียบบริเวณประตู พนักงานอู่คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาทักทายในทันที
“พี่ชาย มาซ่อมรถหรือเปล่าครับ?”
จ้าวเฉียนส่ายหัว เอ่ยตอบไปว่า
“ฉันมาหาอู๋ซินน่ะ”
“อ่อ...พี่เลอ มีคนมาหาเสี่ยวซินครับ”
ทันใดนั้นเองก็ปรากฏชายคนหนึ่งไว้ผมยาวเดินตรงออกมาจากอู่ ดูราวกับชายวัยสามสิบปี
ทันทีที่ได้ยินว่าจ้าวเฉียนต้องการจะพบอู๋ซิน เขาก็ทิ้งงานในอู่และเดินตรงเข้ามาหาทันที
“ทำไมแกถึงมาที่นี่? ค่ารักษาพยาบาลของน้องสาวฉันจ่ายครบรึยัง?”
อู๋เลอเอ่ยปากขู่จ้าวเฉียนต่อว่า
“ไอ้หนู อยู่ให้ห่างจากน้องสาวฉันไว้ พวกเธอสองคนไม่เหมาะสมกันหรอก คิดว่าคนอย่างแกจะทำให้ชีวิตน้องของฉันดีขึ้นได้เหรอ?”
“พี่! ทำไมพี่ชอบทำตัวเหมือนเป็นพ่อหนูตลอด! โชคยังดีนะที่ฉันยังเห็นพี่เป็นพี่! หลบไป!”
อู๋ซินที่ตรงเข้ามาผลักร่างของอู๋เล่อจนเซออกไปอย่างแรง กล่าวทักทายจ้าวเฉียนอยู่หนึ่งคำและขึ้นรถนั่งออกไปทันที
หลังออกจากอู่ซ่อมรถ จ้าวเฉียนก็เอ่ยถามอูซินว่า เกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านเธอกันแน่ อู๋ซินดูลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะยอมปริปากบอก
“หยางหมิง มันมาหาพี่ชายฉันและบอกว่าต้องการจะเป็นสปอนเซอร์ให้เขาเข้าร่วมวงการแข่งรถ แต่มีเงื่อนไขคือ ฉันต้องไปเป็นแฟนกับเจ้านั่น แต่เดิมพี่ชายของฉันก็ไม่ยอมหรอก แต่พอรู้ว่าพ่อของหยางหมิงเป็นประธานบริษัทเฟยอวี้ เอนเตอร์เทนเมนต์ พี่ชายของฉันก็ตามตื้อขอให้ฉันเป็นแฟนกับมันไม่หยุด เฮ้ออ...น่ารำคาญจริงๆ”
“พี่ชายของเธอเป็นนักแข่งรถ?”
“ใช่ เขาไปแพ้การแข่งครั้งใหญ่เมื่อสามปีก่อนและสูญเสียทุกอย่างไป ดังนั้นเขาจึงต้องการหวนคืนสู่สนามแข่งอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็อย่างว่า...วงการแข่งรถต้องมีทุนสนับสนุนค่อนข้างหนา แล้วครอบครัวของเราก็ไม่มีปัญญาจะไปสนับสนุนเขาได้”
จ้าวเฉียนพยักหน้าหลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก ก่อนจะพูดกับอู๋ซินขึ้นว่า
“ฉันรู้สึกว่าเร็วๆ นี้จะโชคดีอีกครั้งแน่นอน รางวัลที่1ของงวดนี้อาจตกเป็นของฉันอีกก็ได้ใครจะไปรู้? คืนนี้ประกาศผลรางวัลแล้วด้วยหนิ? ถ้าฉันชนะอีกก็จะนำเงินก้อนนี้ไปสนับสนุนให้พี่ชายของเธอได้หวนคืนสู่สังเวียน!”
อู๋ซินกลอกตามองบนอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ จ้าวเฉียนเพ้อฝันเกินไป
จ้าวเฉียนพาเธอขับไปรอบเมือง และจบลงที่การรับประทานอาหารค่ำกันในโรงแรมตงไห่
ทันทีที่มาถึงที่นี่ อู๋ซินถึงกับผงะและเอ่ยปากขึ้นว่า
“ที่นี่ค่าอาหารมันแพงเกินไป เปลี่ยนไปกินที่อื่นกันเถอะ นายไม่ได้ถูกล็อตเตอรี่ตลอดไปสักหน่อย หัดเก็บเงินบ้าง!”
“ไม่ ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอด (ในช่วงห้าปี) ตอนนี้เมื่อมีเงินก้อนอยู่ในมือก็อยากเติมเต็มในส่วนนั้น ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
อู๋ซินถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงลงจากรถและติดตามอีกฝ่ายเข้าโรงแรมไปด้วยกัน
จ้าวเฉียนพาอู๋ซินไปเที่ยวเล่นตลอดทั้งวัน พอกลับมาถึงบ้านในช่วงหัวค่ำ เขาก็โทรหาพ่อของตนทันทีที่ตอนนี้อยู่ในแดนไกล
“นี่พ่อ ผมได้ยินมาว่า พ่อจะเข้ามาลงทุนในตลาดไลฟ์สตีมออนไลน์เหรอ?”
“เออใช่! แกมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าๆ แค่อยากจะถามว่า อนาคตพ่อตั้งใจจะซื้อบริษัทต่อมาโดยตรงหรือคิดสร้างแพลตฟอร์มใหม่?”
“ก็ต้องซื้อต่อมาสิ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเม็ดเงินสักน้อย การจะสร้างแพลตฟอร์ใหม่ต้องใช้เวลารวบรวมฐานลูกค้าใหม่อย่างน้อยก็ตั้งสามปี สู้ซื้อต่อมาสร้างกำไรได้ทันทีไม่ดีกว่าเหรอ แค่ไม่นานก็คืนทุนแล้ว”
จ้าวเฉียนถามพ่อต่อทันทีว่า เขาเล็งบริษัทไหนไว้อยู่ และปรากฏว่าเป้าหมายของพ่อเขาคือ บริษัทเฟยอวี้ที่กำลังจะร่วมทุนด้วย อย่างไรก็ตามแต่ก็ต้องดูสถานการณ์หน้างานอีกทีหนึ่ง
“พ่อ ให้ผมมาบริหารแพลตฟอร์มไลฟ์สตีมดีไหม? คิดว่ายังไงบ้าง? ผมก็ทำงานอยู่ด้านนอกมานานแล้ว คงถึงเวลาลงสนามจริงแล้วแหละ?”
จ้าวฝูที่ได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกเช่นกันว่า ลูกชายของตนพูดถูกต้องแล้ว ในไม่ช้าก็เร็วอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวก็ต้องถูกส่งต่อให้จ้าวเฉียนอยู่ดี หากไม่มีประสบการณ์ตั้งแต่เนินๆ แล้วเขาจะรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตต่อไปได้ยังไง?
“เออได้เลย! สำหรับเรื่องนี้ถ้าขาดเหลือยังไงก็รูดไปเลย แบล็คการ์ดของแกก็วงเงินไม่จำกัดอยู่แล้ว ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไอ้ลูกชาย!”
“พ่อ ลูกคนนี้มีหนึ่งบทเรียนอยากร้องให้ฟัง”
“อะไรของเอ็งวะ เพลงอะไร?”
“พ่อนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง…”
“ฮ่าฮ่าๆ ...วางสายไปได้แล้ว! ฉันจะไปทำงานต่อ!”
จ้าวฝูวางสายโทรศัพท์ไปพร้อมรอยยิ้มอย่างสุขใจ ดูเหมือนว่าลูกชายของเขาจะโตขึ้นแล้วจริงๆ
ส่วนจ้าวเฉียนเองก็ถอนเสื้อผ้าไปอาบน้ำด้วยความรื่นรมณ์เหมือนกัน และดูหนังก่อนเข้านอน
เกือบจะเวลาเที่ยงคืน จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จ้าวเฉียนหยิบขึ้นมารับสาย ปรากฏว่าเป็นหยางหู่ที่โทรเข้ามา
“คุณชายจ้าว มีคนมารายงานเมื่อกี้ว่า พบเฉินซิงกับพี่สะใภ้เข้าเปิดห้องพักกันที่โรงแรม ผมคิดว่าข้อมูลนี้ต้องเป็นประโยชน์แน่นอน”
“ฮ่าฮ่า...นั้นแหละที่ต้องการ! เปิดห้องกันที่โรงแรมไหน ผมจะรีบไปทันที!”
“โรงแรมเชอราตันครับ”
“โอเค พี่หู่พาคนไปรอที่นั่นก่อนเลย เดี๋ยวผมจะรีบตามไป!”
“ครับ”
วางสายเสร็จ จ้าวเฉียนรีบขับรถบึ่งออกไป
ตราบใดที่เขากุมไพ่เหนือกว่า เฉินซิงจะต้องยอมปริปากพูดทุกอย่างออกมาแน่นอน