Ep.998 - การทดลองของชูฟ่าน
Ep.998 - การทดลองของชูฟ่าน
มันก็จริง ยาปลุกพลังรุ่นใหม่นี้ หากฉีดมัน จะช่วยให้ฉินเฟิงได้รับผลประโยชน์มหาศาล แต่หลังจากที่เขามาถึงเลเวลนี้ ผลประโยชน์ที่ว่ายังคงมีความสำคัญอีกหรือไม่? ที่จริงแล้วมันไม่สำคัญอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น แม้เอ่ยว่ามันจะช่วยให้ฉินเฟิงได้รับผลประโยชน์ ขณะเดียวกันก็ชักนำปัญหามาสู่เขาเช่นกัน
ปัญหาที่ว่ามิใช่คนใน แต่เป็นคนนอก
อย่างเช่นเลเวล SSS ของตระกูลหลี่หายไปแล้วจริงๆหรือ? ท่ามกลางมิติโลกมนุษย์แห่งนี้ ไม่มีการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วหรือไร?
หากฉินเฟิงยังไม่ถึงขั้นเอ่ยเพียงคำเดียวก็สามารถสะกดผู้คนทั้งมิตินี้ได้ เขาก็ไม่มีความคิดที่จะประกาศเรื่องนี้ออกไป
“งั้นผมจะเก็บผลงานวิจัยนี้เอาไว้ก่อนชั่วคราว ยังไม่ผลิตออกเป็นจำนวนมาก ส่วนผลิตภัณฑ์ล็อตแรกที่ทำสำเร็จแล้วชิ้นนี้ ขอมอบให้คุณ” ว่าจบ ชูฟ่านก็ยื่นหลอดยาสีทองให้แก่ฉินเฟิง
ตัวยาในหลอดมีสีสันสวยสดงดงาม เกรงว่าวัสดุที่ใช้สร้างมัน คงเป็นวัสดุชั้นเลิศที่สุดเท่าที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นความทุ่มเททั้งกายใจของชูฟ่าน ฉินเฟิงปฏิเสธเผยแพร่ผลงานชิ้นนี้ สำหรับชูฟ่านแล้ว เท่ากับเป็นการปฏิเสธความพยายามและความสำเร็จของอีกฝ่าย
“วางใจเถอะ ขอเวลาแค่ไม่นานเท่านั้น” ฉินเฟิงกล่าวหนักแน่น
ชูฟ่านยิ้มเล็กน้อย คล้ายไม่ค่อยเชื่อในคำพูดนี้
“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องสัญญากับผมก็ได้ อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ค่อยอยากค้นคว้าเรื่องนี้เท่าไหร่นักเหมือนกัน เพราะยังมีโปรเจ็คอื่นๆ อย่างเช่นการทับซ้อนของมิติ หรืออะไรทำนองนั้น--”
“--อุปกรณ์ชิ้นล่าสุดที่ผมร่วมมือกันสร้างกับเทพหมาป่า สามารถตรวจจับได้ ว่าช่วงนี้เกิดความผันผวนที่ผิดปกติขึ้นบ่อยครั้งในทะเลนรก จู่ๆก็มีพลังงานบางอย่างเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ความเข้มข้นของรูนก็เพิ่มขึ้นตามเช่นกัน มีโอกาสเกิดมิติทับซ้อนขึ้นที่นั่น ถ้าคุณสนใจ สามารถไปสำรวจดูได้”
อธิบายมาพักหนึ่ง ชูฟ่านคล้ายฉุกคิดได้อีกเรื่อง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เทพหมาป่าเป็นฉายาที่หมาจักรกลตั้งให้ตัวเอง ฮ่าฮ่า! เป็นชื่อที่ฟังดูทรงพลังมากเลยใช่ไหม?”
ฉินเฟิงไม่สนใจว่าหมาจักรกลจะอยากให้คนอื่นเรียกตนเองว่าอะไร แต่เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ชูฟ่านสามารถทำเช่นนี้ได้
เพราะในอาณาเขตของทะเลนรก มันกำลังปรากฏมิติทับซ้อนขึ้นจริงๆ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี ไกลเข้าไปในทะเลนรก สถานที่แห่งนั้นได้กลายเป็นตำแหน่งที่ผู้ใช้พลังเลเวล S แวะเวียนไปบ่อยๆ ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล A สำรวจอยู่รอบนอกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่นั่นคือสวรรค์สำหรับผู้ใช้อบิลิตี้ ฉินเฟิงทราบข้อมูลจากในชีวิตก่อน แต่เขายังไม่เคยมุ่งหน้าไปถึงขนาดนั้น
ไม่คาดฝันเลย ว่าอุปกรณ์ของชูฟ่านจะสามารถตรวจสอบมันได้!
“ได้ ฉันจะลองแวะไป ฉันคิดว่าการทดลองนี้น่าสนใจมากจริงๆ ขาดเหลืออะไร นายสามารถเบิกกับซูซิงฝูได้โดยตรง!” ฉินเฟิงกล่าว
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้หุ่นยนต์ที่ทางผมกำลังวิจัยสามารถทำเงินได้มหาศาล ขอแค่เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานวิจัย ซูซิงฝูไม่มีทางปฏิเสธผม”
ฉินเฟิงยิ้ม แน่นอนเขาหวังว่ากลุ่มเฟิงหลีจะทรงกำลังขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อทรงพลัง ก็ย่อมดึงดูดผู้คนมากมายมาเข้าร่วม ฉินเฟิงไม่ต้องการให้ใครบางคนเข้ามาแล้วก่อความขัดแย้ง
สิ่งที่โชคดีก็คือ แม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะมีความสามารถแตกต่างกันไป แต่นิสัยไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก
นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่ชูฟ่านต้องการสาธยาย ว่าจบเขาก็เดินจากไป เจ้าตัวยังเหลือการทดลองอีกมากมายให้วิจัย นอกจากนี้ยังให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับมิติทับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเฟิงหลีในมิตินี้ มีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่กองกำลังอื่นไม่มี
นั่นคือพวกเรามีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีมิติขั้นสูง บางทีเมื่อฉินเฟิงได้กลายเป็นจ้าวเหนือหัว มิติแห่งนี้อาจได้รับการยอมรับจากพันธมิตรมนุษย์ สร้างประตูมิติเชื่อมต่อหากันได้
“ในเมื่อชูฟ่านได้ทำการค้นคว้ามันมาก่อนแล้ว งั้นถ้าฉันลงมือเร็วกว่าที่กำหนดคงไม่เป็นไร”
เพราะการรู้ความลับของชีวิตก่อนน่ะมันช่างน่ากลัว เรื่องนี้ฉินเฟิงไม่เคยเอ่ยถึง กระทั่งไป๋หลีที่ใกล้ชิดที่สุด เขายังไม่ยอมปริปากบอก
เอาจริงๆเลยนะ ฉินเฟิงไม่ต้องการให้คนอื่นสงสัยในเรื่องนี้ มันต้องมีคนตะหงิดใจบ้างแหละที่เห็นว่าเขาสามารถคว้าเนื้อก้อนโตไปได้ทุกรอบ แต่บางครั้ง เพื่อก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางของความแข็งแกร่ง ทรัพยากรบางอย่างจะต้องตกเป็นของตน บางเรื่องที่ไม่ดีก็จำเป็นต้องทำมัน
ไม่ว่าจะเป็นในมิติธารโลหิต หรือมิติของพระเจ้า แผนการของฉินเฟิง ล้วนเกิดจากการรู้อนาคตล่วงหน้า
อย่างในครั้งนี้ เดิมทีฉินเฟิงวางแผนที่จะกลับไปที่นั่นอีกครั้งเมื่อรอยแตกเปิดออก แต่ด้วยงานวิจัยของชูฟ่าน ที่สามารถตรวจจับความผิดปกติของมิติได้ล่วงหน้า มันช่วยให้ฉินเฟิงไม่ต้องเสียเวลาหาเหตุผลอื่นๆมายกอ้างอีกต่อไป นับจากนี้ หากเขาอยากไปสำรวจรอยแยกมิติที่มีข้อมูลจากชีวิตก่อน ก็สามารถพูดเรื่องอุปกรณ์ของชูฟ่านขึ้นมาเป็นโล่กำบังได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยงานวิจัยของชูฟ่าน ยังมีแนวโน้มที่จะช่วยให้ฉินเฟิงได้รับผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น มันอาจช่วยให้เขาทราบถึงข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อนของชีวิตที่แล้ว!
ด้วยเหตุนี้ หลังจากพักผ่อนจนเต็มที่ ฉินเฟิงก็พาไป๋หลีมุ่งหน้าสู่เมืองตงไห่
เมืองตงไห่ได้รับการพัฒนาเป็นท่าเรือแห่งที่สองของกลุ่มเฟิงหลี ที่นี่มีเรือดำน้ำจำนวนมาก
กลุ่มอื่นๆต้องการเอาชนะฉินเฟิง แต่ในส่วนของวัสดุเช่นเครื่องจักร จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถดัดแปลงให้ทัดเทียมได้ อีกอย่างทุกคนทราบดี ว่าเมื่อปีก่อนฉินเฟิงได้เดินทางไปยังดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ น่ากลัวว่าเทคโนโลยีที่นำกลับมา จะล้ำหน้าจนพวกเขามิอาจจินตนาการถึง
เป็นเพราะสาเหตุนี้เอง ทำให้หลายกลุ่มถอนตัวออกจากเมืองตงไห่ ขณะเดียวกัน ก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับฉินเฟิง
ในฐานะจอมพลแห่งพันธมิตรหัวเซี่ย และเคยได้เข้าร่วมการปราบปรามเผ่ามังกรเลเวล S ในเมืองหลวงมังกร ทำให้ทัศนคติของคนเหล่านี้ที่มีต่อฉินเฟิง ไม่กล้าที่จะล่วงเกินอีกต่อไป
ภายในท่าเรือ หนึ่งในผู้ใช้พลังของกลุ่มเฟิงหลี กำลังยืนอยู่ต่อหน้าฉินเฟิง คอยตอบเขาด้วยความประหม่า
“ท่านประธาน หรือผมควรติดต่อพวกเขา ว่าให้กลับมาที่ท่าเรือเดี๋ยวนี้!”
“ไม่จำเป็น คุณไปเตรียมเรือดำน้ำมาซักลำก็พอ ไม่จำเป็นต้องเป็นเขมือบฟ้าก็ได้”
เดิมฉินเฟิงคิดขับเขมือบฟ้าออกท่องทะเล แต่ไม่ทันนึกมาก่อนเลย ว่าเขมือบฟ้าจะถูกเช่าออกไป
หากเป็นคนอื่น แน่นอนว่าคงไม่สามารถเช่าได้ แต่คราวนี้ผู้ที่เช่าเขมือบฟ้า ดันเป็นตงหยาง
ตงหยางดำรงตำแหน่งเป็นจ้าวพรมแดนภูมิภาคตะวันออก แม้เขาจะไม่ได้ติดต่อกับฉินเฟิงนานแล้ว แต่อย่างไรถือเป็นผู้รับผิดชอบดูแลในเขตนี้ ซึ่งในทางทฤษฏี ถือว่าสามารถเช่าเขมือบฟ้าได้
แล้วอีกอย่างตงหยางไปแค่ไม่นาน เพียงครึ่งวันเท่านั้น
สัญญาเช่าได้รับการลงนามแล้ว ฉินเฟิงไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่ไม่มีความซื่อสัตย์ และอีกอย่าง เอาจริงๆเรือดำน้ำไม่ค่อยสำคัญกับเขามากนัก แค่ถ้าเป็นเขมือบฟ้า มันจะช่วยเขาประหยัดเวลาได้กว่าลำอื่นๆก็เท่านั้นเอง
“ขอรับ ท่านประธานเชิญทางนี้ เรือลำนี้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว สามารถออกทะเลได้ทันที!”
ชายคนนั้นนำฉินเฟิงไปข้างหน้า หัวใจที่เต้นตึกๆค่อยลดความถี่ลง อำนาจบารมีของฉินเฟิงในกลุ่มเฟิงหลีสูงเกินไป ชวนให้ลูกน้องที่พบเจอรู้สึกกดดัน แต่โชคดีจริงๆ ที่ท่านประธานเหมือนจะใจดีกว่าที่คิดไว้
ฉินเฟิงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่ในใจของเขากำลังครุ่นคิดถึงเหตุผลที่ตงหยางเช่าเรือออกไป
‘ตงหยางออกไปล่าสัตว์ร้ายงั้นหรอ? หรือว่าเขาไปรู้อะไรบางอย่างมากันแน่?’
เป็นเพราะฝีมือของฉินเฟิง การดำรงอยู่ระดับสัตว์เทวะเลเวล A จึงหายไป ทว่าทะเลนรกเป็นเพียงขอบเขตการสำรวจของมนุษย์เท่านั้น ลึกเข้าไปในทะเลนรก ยังมีมหาสมุทรตะวันออกที่ยิ่งใหญ่กว่า และที่นั่นแทบจะเป็นเขตหวงห้ามสำหรับมนุษย์
หากแค่เดินทางสำรวจในเขตทะเลนรก ด้วยความแข็งแกร่งของตงหยาง อีกฝ่ายไม่ถึงขั้นต้องเช่าเขมือบฟ้า!
เมื่อลองขบคิด ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างเดียว นั่นคืออีกฝ่ายกำลังคิดสำรวจลึกเข้าในนอกเขตทะเลนรก
และเกรงว่าอาจมีการดำรงอยู่ของสัตว์ทะเลเลเวล S อยู่ที่นั่น ตงหยางเลยต้องระมัดระวังตัวเอาไว้
ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของฉินเฟิง เขายังไม่ด่วนสรุป เรือดำน้ำของเขายังไม่จมลงสู่ก้นทะเล เพียงลอยลำอยู่ในระดับใต้ชั้นผิวน้ำ ด้วยการปกคลุมจากอบิลิตี้มืดของฉินเฟิง ทำให้ไม่มีสัตวร้ายตัวใดเข้ามาโจมตี
ติ๊ดๆๆ! เสียงเรดาร์บนเรือดำน้ำแจ้งเตือน
“ตรวจพบรอยแยกมิติ เตือนภัย เตือนภัย!”
ณ จุดนี้ บนหน้าจอขนาดใหญ่ เกิดแสงสว่างสดใสโผล่ออกมาทันที มันมีสีสันสดใส อันประกอบไปด้วยสีฟ้า , เขียว , เหลือง ฯลฯ จากนั้นไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีแดง , ม่วง และทอง สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ประเด็นก็คือมันมีรัศมีกว้างไกลมาก ในเวลานี้ ไม่ต้องกล่าวถึงสัญญาณเตือนภัยของเรดาร์หรือการรับรู้ผ่านพลังสมาธิ อาศัยแค่ตาเปล่า ก็สามารถมองเห็นมันได้โดยตรง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตงหยางมาที่นี่ เพราะสถานการณ์มันชัดเจนมาก ตงหยางจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร!