[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 20 อาหลงในซงเจียง
บทที่ 20 อาหลงในซงเจียง
สองชั่วโมงต่อมา ในห้องทำงานของผู้กำกับหลี่
ผู้กำกับหลี่ตบโต๊ะและคำรามอย่างเดือดดาล “หยวนเค่อ! นายกำลังทำอะไรอยู่? ฮึ่ม! การจับกุมอย่างเป็นระเบียบ แล้วทำไมผลลัพธ์เป็นยังงี้?! นายเบิ่งตาดูรายงานซิ มีพวกคนร้ายเพียงไม่กี่คน แต่สมาชิกในทีมของนายทำด้วยตุ๊กตากระดาษเรอะ? หา?! หน่วยจู่โจมมีอุปกรณ์ครบเครื่อง แต่กลับทำให้เราเสียคนไปสี่คน! นายจะให้ฉันไปรายงานกรมตำรวจว่ายังไง ฮึ่ยย…”
หยวนเค่อก้มหัวลง “ผู้กำกับครับ ฉันกำลังทำอีกคดีหนึ่ง เรื่องนี้... ลืมมันไปก่อน ฉันจะไม่อธิบายให้คุณฟังในตอนนี้ บอกได้แค่ว่า ฉันยินดีที่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลาดครั้งใหญ่อย่างนี้”
“รับผิดชอบงั้นเหรอ? กัปตัน! หยุดทำแล้วปล่อยให้คนอื่นมาทำดีกว่า ฮึ่ม!” ผู้กำกับหลี่คำรามด้วยใบหน้าไม่พอใจอย่างมาก
หยวนเค่อเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน จ้องไปที่ผู้กำกับหลี่โดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ให้ตายเถอะ!” ผู้กำกับหลี่หันหลังไปและยังคงบ่นด่าทออย่างโกรธเคือง “ฉันอ่านรายงานแล้ว เจ้าฉีหลินนี่ไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์ แต่ยังมีปัญหาอีกด้วย จัดการควบคุมเขาไว้ก่อน”เขาอาจมีความเกี่ยวข้องกับคนร้ายก็ได้ ไม่อย่างนั้นทำไมไม่ยิง เราต้องสืบสวนอย่างเข้มงวด เค้นคำตอบออกมาให้ได้!”
หยวนเค่อยืนตัวตรงและตอบโดยไม่ลังเล “เขาถูกควบคุมแล้วครับ ฉินหยู่กับแมวแก่กำลังสอบปากคำผู้ถูกจับกุมทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้”
ผู้กำกับหลี่เริ่มคลายความโมโหลง แต่ยังมีสีหน้าบูดบึ้งและเดินไปมารอบๆ ห้องเหมือนยังมีเรื่องค้างคาอยู่ในใจ
เขาหันกลับมามองหยวนเค่ออย่างฉับพลัน “ฉันกำลังจะบอกนายว่า ในสภาพแวดล้อมทุกวันนี้ ทุกคนมีความคิดนอกลู่นอกทางเกิดขึ้น คนที่ต้องการหาเงินและต้องการได้รับการเลื่อนขั้น กองกำกับการตำรวจจะจับใครก็ตามที่ต้องการพึ่งพาสิ่งเหล่านั้น ณ จุดนี้แม้แต่ฉันก็ไม่ได้รับการยกเว้น ไม่ว่ายังไงก็ตาม ความคิดนอกลู่นอกทางของนายต้องไม่ไปแตะต้องผลประโยชน์ของผู้อื่น นับประสาอะไรกับการใช้กองกำกับและบางคนเป็นอาวุธ ไม่อย่างงั้นมันจะกลายเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาและหลายคนในเครื่องแบบจะดูไม่ดีไปด้วย”
หยวนเค่อผงะเมื่อได้ยินเช่นนี้ และตอบกลับทันทีพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง “ผู้กำกับหลี่ ข่าวลือข้างนอกอาจไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ ฉันคิดว่าคุณอาจเข้าใจฉันผิดไปนะ”
“ความเข้าใจผิดหรือ? นายซ่อนมันไว้ไม่มิดหรอก ฉันไม่ได้ตาบอด แต่เอาไว้ค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” ผู้กำกับหลี่เดินไปมองออกนอกหน้าต่างและพูดว่า “คุณเขียนรายงานไปที่กรมตำรวจ มันจำเป็นต้องมีรายละเอียด...สำหรับผลที่ตามมา นายจะต้องจัดการเอง และเงินที่ต้องใช้จะถูกรายงาน และฉันจะเซ็นอนุมัติให้ตามดุลยพินิจของฉัน”
“ครับผม!” หยวนเค่อทำความเคารพ
...
เป็นเวลาเพิ่งหัวค่ำ กลุ่มบุคคลผู้ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงประมาณยี่สิบสามสิบคนที่อยู่ในพื้นที่ของเฮ่ยเจีย และจากพื้นที่อื่นๆ ได้มารวมตัวกันในงานเลี้ยงที่หยวนเค่อเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารพี่สาวคนรอง
ในห้องโถงบนชั้นสอง หลังจากดื่มไวน์สามแก้วให้ทุกคนด้วยรอยยิ้มแล้ว หยวนเค่อก็เริ่มกล่าวว่า “ผู้อาวุโสและพี่น้องทุกคน น่าจะได้ยินเกี่ยวกับการจับกุมโดยทีมกองปราบพิเศษของเราบนถนนวงแหวนที่สามเมื่อคืนนี้ แก๊งคนร้ายฆ่าเจ้าหน้าที่ของเราสี่คน ผู้ใหญ่ข้างบนโกรธมาก แทบจะบีบคอฉันตายคามือเลย หึหึ ในที่นี้ไม่มีคนนอก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อม... พวกค้ายาเหล่านี้ ฉันต้องกำจัดพวกมันออกไปจากที่นี่ ถ้าทุกคนเห็นด้วยโปรดยกมือขึ้น ถ้าช่วยฉันในวันนี้ ฉัน หยวนเค่อ จะร่วมมือช่วยเหลือกันในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ถ้าใครต้องการปกป้องพวกเขา และช่วยพวกเขาอย่างลับๆ ให้หลีกเลี่ยงการจับกุม มันจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นต่อฉันและผู้กำกับ เพราะปีหน้า งานหลักของฉันคือกวาดล้างพวกมัน”
“กัปตันหยวน พูดอะไรของคุณ? ถ้าคุณส่งเสียงขึ้นมา ใครจะเสียหน้าได้”
“โธ่ เรื่องใหญ่จัง ไม่ใช่แค่คนขายยาไม่กี่รายหรอกเหรอ? เราจะหาคำตอบให้คุณในไม่ช้า หลังจากที่เราข้อมูลพวกมันแล้ว”
“...!”
ทุกคนไม่โกรธเมื่อได้ยินคำพูดของหยวนเค่อ และดูเหมือนจะเห็นพ้องกันเป็นส่วนมาก
หยวนเค่อโค้งคำนับและรินไวน์ เขากล่าวกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับทุกคนที่มาครับ ขอบคุณ”
หลังจากนั้นไม่นาน ธุรกิจและงานเลี้ยงก็จบลง ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่มาร่วมงาน เข้าไปในรถเตรียมตัวกลับ แล้วก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“สวัสดี ผู้เฒ่าหม่า!”
“ฉันมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อย ช่วยพาคน 2-3 คนออกจากเขตพิเศษได้ไหม” เสียงของผู้เฒ่าหม่าดังขึ้น
ชายฉกรรจ์ยิ้ม “ฉันจะไม่ถามว่าคือใคร แต่ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกตอนนี้”
“คุณขาดเงินเหรอ?”
“กัปตันหยวนเค่อแห่งกองกำกับการตำรวจ เชิญเราไปทานอาหารเย็นพร้อมกับปืนกลในมือ คุณว่าเขากำลังขู่เราอยู่หรือเปล่า?” ชายฉกรรจ์พูดด้วยเสียงต่ำ “ผู้เฒ่าหม่า แม้ว่าฉันจะไม่กลัวเขา แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขัดใจทางการ คุณเข้าใจไหม?”
“โอเค คิดซะว่าฉันไม่เคยโทรหาก็แล้วกัน”
“อ้า นั่นสินะ”
หลังจากสิ้นเสียง ทั้งสองก็วางสาย
...
ในตอนเช้า เวลาแปดโมงครึ่ง
กรมตำรวจออกหมายจับพิเศษอาหลง ถูกส่งไปยัง 6 เขตของเมืองซงเจียง หลังจากได้รับคำสั่ง หัวหน้าตำรวจของสถานีท้องที่แต่ละแห่ง สั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ร่วมกันดำเนินการสืบสวนทันที
ในขณะที่อาหลงซึ่งไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน กลายเป็นที่นิยมในซงเจียง และยังได้รับชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วทั้งถนน เพราะทุกคนรู้ว่า คือกรมตำรวจที่สั่งประหารบุคคลนี้เป็นการส่วนตัว
ในตอนเริ่มต้น เมื่อฉินหยู่เพิ่งรับช่วงต่อคดีจากหยวนเค่อ เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่แล้วทุกอย่างกลับพลิกผันในทันทีทันใด สถานการณ์ดูเหมือนจะเกินควบคุมและคอขาดบาดตาย และเขาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกราวกับว่า ถูกผลักออกไปตลอดเวลา
ในห้องทำงานของกัปตัน
ฉินหยู่ขมวดคิ้วและพูดกับหยวนเค่อ “ฉันคิดว่าการจับกุมเป็นเรื่องง่าย”
“ฉันรู้ว่าปัญหาคืออะไร” หยวนเค่อโบกมือ “นายมีหน้าที่รับผิดชอบ แต่เราก็มีเงื่อนไขจำกัดเหมือนกัน หัวหน้าพ่อค้ายาจะต้องตายหากเขาถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงต้องสู้อย่างไม่คิดชีวิต แต่ตำรวจของเราบางคนคิดว่า ถ้าไม่จับคน ก็ยังจะได้เงินเดือนทุกเดือน คนเรามีจุดเริ่มต้นต่างกัน วิธีคิดก็ต้องต่างกัน นี่คือ เงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม และฉันรู้ดี”
ฉินหยู่ ไม่ตอบหลังจากได้ฟังเช่นนั้น
“นายจะถูกลงโทษหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าสามารถคดีปิดได้หรือไม่ ในระดับใด และผู้บัญชาการระดับสูงพอใจหรือไม่” หยวนเค่อพูดสมเหตุสมผลทุกอย่าง “เรื่องนี้ยังไม่จบ และนายทำมันด้วยใจ นั่นทำฉันชอบความทุ่มเทของนาย ฉินหยู่”
“ขอบคุณครับกัปตัน” ฉินหยู่ครุ่นคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์เมื่อคืน เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่างานจบลงได้ไม่สวยเลย และผู้ใหญ่อาจสั่งลงโทษเขาอย่างรุนแรงก็เป็นได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนคือ หยวนเค่อยังคงช่วยกลุ่มที่สามและแมวแก่ทำงาน และสนับสนุนฉินหยู่ให้ตั้งใจไขคดีให้ได้ต่อไป
“ก๊อก ก๊อก!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา!” หยวนเค่อตะโกน
ประตูสำนักงานเปิดออก ตำรวจหนุ่มในชุดธรรมดาทำความเคารพและพูดว่า “คำสารภาพออกมาแล้วครับ
เด็กหนุ่มหมาจื่อที่ถูกจับ สารภาพว่าพวกเขาไม่มีการติดต่อกันลับๆ หรือเขาได้ทิปอะไรเลย...”
หยวนเค่อขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “นายแน่ใจใช่ไหม?”
“และคำสารภาพของเด็กหนุ่มสองคนนั้นก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้โกหกครับ”
“งั้นการควบคุมตัวฉีหลิน ก็ควรถูกยกเลิก” หยวนเค่อตอบหลังจากพิจารณาแล้ว
ตำรวจหนุ่มลังเลและถามอีกครั้ง “แล้วการลงโทษเขา...?”
หยวนเค่อตอบโดยไม่ลังเล “ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่เหมาะกับทีมปราบปรามพิเศษทีม 1 ที่จัดการคดีนี้ ขั้นแรกให้ย้ายเขาไปยังแผนกพลาธิการ แล้วค่อยแจ้งเขาหลังจากผลการลงโทษ”
“ครับผม!” ตำรวจหนุ่มทำความเคารพแล้วจากไป
เมื่อฉินหยู่ได้ยินเรื่องนี้ เขาก็แอบถอนหายใจและไม่ได้พูดกับหยวนเค่อให้ฉีหลินแต่อย่างใด เพราะไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ ว่าเขาจะสามารถอยู่รอดในทีมชุดแรกได้หรือไม่
...
ไม่กี่นาทีต่อมา
ฉินหยู่เดินออกจากออฟฟิศกัปตันหยวน และกำลังจะกินอาหารเช้า เมื่อเขากลับมา ยังมีงานจัดการเรื่องรายงานการตายของเหล่าเฮยรออยู่ ขณะเดินลงบันไดระหว่างชั้น เสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรงของแมวแก่กับฉีหลินก็แว่วมาให้เขาได้ยิน
ในขณะเดียวกัน ที่ชั้นล่าง
หลินเนี่ยนเหล่ยในชุดเสื้อโคตขนสัตว์ มีผ้าพันคอสีชมพูน่ารักพันรอบคอ และผมที่ยุ่งเหยิงของเธอตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ว่า “ฉันต้องการรายงานอาชญากรรมค่ะ!”
…………………………………………………………