[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 19 ฟ้าคำรามผู้โหดร้าย
บทที่ 19 ฟ้าคำรามผู้โหดร้าย
ภายในอาคาร บนชั้นสอง
ทันทีที่ฉินหยู่ลุกขึ้นจากพื้นแล้วสะบัดหัวไล่ความมึนงง ตำรวจทีมหน่วยซุ่มภายนอกกลุ่มที่สองตะโกนบอกมาในชุดหูฟัง “คนสองคนรีบออกจากบังกะโลสลัมและวิ่งไปที่ถนนเฟิงหลิน ตำแหน่งของเราอยู่ค่อนข้างไกล ยากที่จะไล่ตามครับ”
“นายแน่ใจนะ ว่ามีเพียงสองคน” ฉินหยู่ถามแฝงความรู้สึกโกรธ
“มีแค่สองคนแน่นอนครับผม”
“ทุกคนฟังทางนี้ มุ่งไปทางถนนเฟิงหลิน” ฉินหยู่กัดฟันและคำราม “หากมีความสูญเสีย คุณต้องจับกุมอาชญากรหลัก ไม่อย่างนั้นก็เปล่าประโยชน์”
“ทราบแล้วครับ!”
“รับทราบครับ!”
“...!”
ทุกหน่วยตอบกลับมาทางวิทยุรับส่งอย่างรวดเร็ว ฉินหยู่ชักปืนออกมาและตะโกนทันที “ใครที่ไม่บาดเจ็บ ตามฉันลงไปข้างล่าง เร็วเข้า!”
...
ในเวลาไม่ถึงนาที ทุกคนก็รีบลงมาชั้นล่าง ฉินหยู่วิ่งไปที่ด้านหน้าของฝูงชนและตะโกน “กลุ่มที่สอง นายจับตามองพวกมันอยู่ไหม? ขอตำแหน่งคนร้ายให้ฉันด้วย”
“พวกเขามาถึงถนนเฟิงหลินแล้วและยังคงวิ่งไปข้างหน้า เดี๋ยวพวกเขาจะเข้าใกล้สี่แยกของถนนวงแหวนที่สามครับ” หัวหน้าทีมของกลุ่มที่สองตอบด้วยเสียงต่ำ “เราเจอพิกัดแล้ว แต่ระยะทางค่อนข้างไกล และเรากำลังไล่ตามครับ”
ฉินหยู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อเขาได้ยิน เพราะจำได้ทันทีว่าฉีหลินอยู่ทางนั้น เขาตะโกนใส่วิทยุรับส่งทันที
“รถหมายเลข 2 ตอบด้วย รถหมายเลข 2”
“รถหมายเลข 2 ทราบแล้วเปลี่ยน” เสียงของฉีหลินดังขึ้น
“พวกคนร้ายสองคนกำลังไปในทิศทางของนาย” ฉินหยู่สั่งอย่างรวดเร็ว “นายหยุดพวกเขาได้หากนายมั่นใจในความปลอดภัยของนายเอง เรามีผู้เสียชีวิตบางส่วน ตราบเท่าที่นายสามารถตั้งรับพวกมันเกินสิบวินาที เราจะเข้าไปช่วยนายทันที”
ฉีหลินตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นายได้ยินไหม” ฉินหยู่ตะโกนอีกครั้ง
“ได้ยิน… ได้ยินแล้ว” ฉีหลินตอบอย่างกระวนกระวาย
“คอยรายงานมา เราจะไปถึงที่นั่นโดยเร็ว” ฉินหยู่รีบออกจากตรอกในขณะที่พูด วิ่งไปขึ้นรถตำรวจกับแมวแก่ แล้วขับออกไปทันที
ในขณะเดียวกัน เหล่าเฮยและสมาชิกสองคนในทีมแมวแก่ ได้ขึ้นรถคันอื่นและรีบไปที่สี่แยกถนนวงแหวนรอบที่สามซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกิน 500 เมตร
ในรถตำรวจ แมวแก่ตะโกนใส่วิทยุรับส่ง “ฉีหลิน นายเห็นใครเดินผ่านมาหรือเปล่า”
...
ตรงทางแยกของถนนวงแหวนรอบที่สาม
ฉีหลินลงจากรถด้วยความกระวนกระวายจนลืมหยิบวิทยุรับส่งไว้ในรถ เขาดึงปืนออกมาจากเอวด้วยมือที่สั่นเทา และซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหน้าของรถ สายตาจับจ้องไปที่ทิศทางของถนนเฟิงหลิน
เป็นความจริงที่ฉีหลินไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าพวกฟ้าคำรามผู้สิ้นหวังคนนี้จะวิ่งเข้ามาหาเขา เขากระวนกระวายใจ และคิดถึงการระเบิดที่ชั้นบนเมื่อกี้โดยไม่รู้ตัว เพื่อนร่วมงานที่ต้องเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ทันตั้งตัว ฉีหลินรู้สึกกลัว ขณะหลบอยู่หลังรถ มันเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่รู้สึกเหมือนยาวนานหลายปี เขาแตกต่างจากตำรวจคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ในใจของเขาไม่มีแนวความคิดเรื่องการเสียสละเพื่อส่วนรวม มีแต่ความขี้ขลาดล้วนๆ
ด้วยลมหนาวที่พัดมา อาหลงกับลูกน้องของเขาเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็ว มือถือลูกซองลำกล้องขนาดใหญ่ส่องแสงแวววาวและปืนพกไว้ในมือ
เสียงแมวแก่ดังมาจากเครื่องส่งรับวิทยุในรถ “ฉีหลิน นายได้ยินฉันไหม มีพวกมันผ่านไปหรือเปล่า ตอบด้วย ตอบด้วย...!”
ฉีหลินเหงื่อออกที่หน้าผากขณะจ้องมองไปยังทิศทางของอาหลง หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็กัดฟันและยกปืนขึ้นพร้อมที่จะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
ภายใต้แสงสลัว อาหลงหันไปหาลูกน้องของเขาแล้วถามว่า “เซี่ยผาจื่อบอกว่าไงนะ?”
“ถึงแล้ว” ลูกน้องหอบและชี้ไปข้างหน้า “ผ่านบังกะโลข้างหน้า”
“อย่าขยับ มีรถตำรวจ” ทันทีที่อาหลงหันกลับมา เขาก็สังเกตเห็นรถตำรวจหมายเลข 2 ของฉีหลินที่สี่แยก
“ปัง ปัง ปัง...!”
ลูกน้องมีท่าทีตึงเครียด เมื่อเขาหันกลับมาเห็นรถตำรวจ เขาก็เหนี่ยวไกปืนโดยไม่ลังเลพร้อมตะโกนว่า “ลูกพี่ ไป!”
กระสุนถล่มกระจายไปทั่วรถตำรวจ ฉีหลินนั่งหลังค่อมหลบลูกปืนอยู่ด้านข้างส่วนหน้าของรถ ไม่กล้าโผล่หัวออกมา
ในรถ แมวแก่ในเครื่องวิทยุรับส่งตะโกนต่อไป “ฉีหลิน มีเสียงปืนอยู่ตรงนั้น นายปะทะกับมันใช่ไหม!”
ฉีหลินได้ยินเสียงแว่วๆ มาจากในรถ จึงคลานไปที่ประตูที่นั่งข้างคนขับ และยื่นมือไปที่ประตูรถ
อาหลงออกวิ่งอย่างดุเดือดไปตามข้างถนนพร้อมกับลูกน้องวิ่งตามมาห่างๆ และยิงคุ้มกันจากด้านหลัง อาหลงวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เตรียมที่จะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณบังกะโล ซึ่งอยู่ห่างจากฉีหลินไม่เกินสามสิบเมตร
มือของฉีหลินวางบนที่จับประตูรถ และกำลังจะเปิดออก เขาหันไปเห็นอาหลงเข้าไปในซอย จากนั้นเขารู้สึกถูกบังคับให้ยกปืนขึ้นและอ้าปากตะโกน
ที่สี่แยกของถนน อาหลงวิ่งไปคอยหันหน้ามองทิศทางของรถตำรวจขณะที่วิ่งไปด้วย เมื่อเขาหันกลับมาอีกที เขาก็เผชิญหน้ากับฉีหลินทันที
ทั้งสองตกใจ อาหลงเขายกปืนลูกซองฟาดวางไปที่ด้านหน้ารถคันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้เตรียมยิงใส่ฉิหลินโดยสัญชาตญาณ
“โครม!”
ฝาครอบเครื่องบุบลง ส่วนฉีหลินก็หลบตัวแข็งอยู่กับที่ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอาหลง
“บรื๊นน!”
รถของเหล่าเฮยกำลังเร่งความเร็วเข้ามาใกล้ และเขาคว้าวิทยุรับส่งและสั่งว่า “ฉีหลิน ยิง! หยุดมัน! อย่าให้มันหนีไปได้”
ฉีหลินซ่อนตัวอยู่หลังรถตำรวจและไม่ขยับ มองไปที่สี่แยกด้วยสายตาสยองขวัญและหน้าซีดเผือด
“ให้ตายสิวะ!” เมื่อเห็นว่าฉีหลินไม่ตอบ เหล่าเฮยก็ตะโกนทันที “รีบไป มันมีแค่สองคน”
รถพุ่งไปข้างหน้าเหมือนมันบินได้ และในขณะที่พุ่งผ่านตำแหน่งที่ฉีหลินหลบอยู่
“ปัง ปัง!”
เหล่าเฮยโผล่หัวออกมาจากรถ และยิงไปที่ลูกน้องของอาหลง 2 นัดที่กำลังเปลี่ยนแมกาซีน เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากร่างของลูกน้อง และล้มลงกับพื้นไป
“ไอ้ระยำ ฉันปล่อยให้แกไล่ล่าพอแล้ว!” อาหลงสบถด้วยความโกรธ หันกลับมาและยกปืนขึ้นแล้วเหนี่ยวไก
“บึม บึม!”
ปืนลูกซองลำกล้องโตส่งเสียงคำรามและยางของรถยนต์ไฟฟ้าของเหล่าเฮยระเบิดทันที รถเสียหลักพุ่งเข้ากระแทกเข้ากับกำแพงข้างร้านค้าตรงสี่แยก หน้ารถยุบหายไปครึ่งหนึ่งและควันสีขาวก็ลอยขึ้น
เหล่าเฮยสะบัดหัวไล่ความงุนงง ยื่นมือไปเปิดประตูรถแล้วตะโกน “มันอยู่คนเดียว ลงไปจับมันไว้”
ทุกคนลงจากรถเมื่อได้ยินเสียง และรีบเดินเข้าไปหาอาหลงพร้อมปืนในมือ
“เอี๊ยดด!”
เสียงเบรกบนถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ และชายฉกรรจ์ 4 คนก็ลงจากรถ ทั้งสองคนถือปืนไรเฟิลอัตโนมัติและเริ่มยิงไปทางเหล่าเฮย
บนถนนวงแหวนรอบที่สาม ฉินหยู่เพิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ และเห็นคนคนหนึ่งรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของอาหลงอย่างรวดเร็ว ฉินหยู่รีบตะโกนใส่วิทยุรับส่ง “เหล่าเฮย ถอยกลับไป มันมีพวกมาช่วย”
มันสายเกินไปแล้วที่เหล่าเฮยจะถอยออกมาในตอนนี้ เขาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหาอาหลง แต่แล้วต้องพุ่งหลบไปด้านข้างทันทีที่กระสุนถาโถมเข้ามา เขาเข้าไปหลบที่ซอกหลืบประตูร้านค้า แต่อาหลงซึ่งลูกน้องเสียชีวิตจนทำให้เขาโกรธจนหน้าแดง วิ่งมาพร้อมกับปืนลูกซองแล้วตะโกนว่า “ไล่ล่าหาแม่งรึไงวะ? เข้ามาเลย ข้าอยู่นี่แล้ว!” เขาพูดแล้วยิงลูกซองไปตรงที่เหล่าเฮยหลบอยู่
“บึม!”
เหล่าเฮยก้มๆ เงยๆ เกาะประตูกระจกของร้าน ไม่กล้าโผล่หัวออกมาดูข้างนอก เขายิงปืนสวนออกไป แต่อาหลงก็หลบกระสุนและพุ่งเข้ามาชนกำแพงร้านอย่างบ้าบิ่น และเข้าประชิดตัวเหล่าเฮยพร้อมเอาปืนสั้นจ่อเหล่าเฮยไว้
เงียบ… ความเงียบในช่วงสั้นๆ เกิดขึ้น
“อย่าขยับ!”
ตำรวจ 2 นายที่ติดตามเหล่าเฮยซึ่งที่หลบอยู่อีกมุมกำลังเล็งปืนไปที่อาหลงและไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทันใดนั้น
“แทร่ดๆๆๆ!”
เซี่ยผาจื่อโผล่มาพร้อมกับปืนกลมือยิงกราดรัวผลักตำรวจทั้งสองวิ่งกลับไปที่กำบังมุมหนึ่ง
หน้าผากของเหล่าเฮยมีเหงื่อออก และริมฝีปากหนาของเขาก็สั่นระริก “...อย่า...อย่าฆ่าฉัน...ฉัน....”
“ฆ่าคนของฉันไปเปล่าๆ ใช่ไหม หา? เปล่าประโยชน์เหรอ!” อาหลงคำรามด้วยความโกรธ
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้น และเหล่าเฮยก็ล้มลงกับพื้น
“ถ้าแกยังไล่ตามฉัน ฉันจะส่งระเบิดไปหาผู้กำกับของแกสักวัน”
“ปัง ปัง ปัง!”
อาหลงลดปืนลงและยิงปืนใส่ร่างของเหล่าเฮยอีกสามนัด ก่อนที่เขาจะถูกเซี่ยผาจื่อดึงออกไป และโยนทุ่นระเบิดไปสองลูกบนถนนเพื่อถ่วงเวลา
“บูมมม!!”
แล้วพวกเขาก็หายไปกับควันระเบิดที่ฟุ้งกระจายในบรรยากาศตามถนนยามราตรี
หลังรถตำรวจที่สี่แยกถนน ฉีหลินเฝ้าดูเหล่าเฮยถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาของเขาเอง ท่ามกลางหลุมระเบิดขนาดใหญ่ 2 หลุมบนถนน เขายังคงนิ่งเฉยราวกับรูปปั้น
รถตำรวจเข้ามาหยุดนิ่ง ฉินหยู่รีบวิ่งลงมา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เขายื่นมือออกและดึงเหล่าเฮย “พี่ชาย พี่ชาย... นายอดทนไว้...”
“ตาย... ตาย... ให้เราตาย... การมีชีวิตอยู่มันทรมาน...” เหล่าเฮยเอื้อมมือไปจับข้อมือของฉินหยู่ และพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ฉัน... ฉันไม่มีญาติ…ฉันอยู่คนเดียว...ในเขตใหม่...เลี้ยงลูกสองคนจากบ้านเกิด...นาย...นายให้เงินบำนาญฉันกับพวกเขา”
ฉินหยู่กำมือแน่นและพยักหน้าอย่างมั่นคง “ไม่ต้องห่วง”
บนถนน
แมวแก่รีบวิ่งออกจากรถด้วยความโกรธสุดขีด รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของฉีหลิน ด้วยความงุนงง ยื่นมือออกไปแล้วตะโกน “เอาปืนมาให้ฉัน”
ดวงตาของฉีหลินว่างเปล่า และเงยหน้าขึ้นมองแมวตัวเก่า
“ฉันขอให้นายส่งปืนให้ฉัน!” แมวแก่คว้าปืนของฉีหลินพร้อมกับคำราม และดึงแมกาซีนออกมาเช็กจำนวนกระสุนอย่างชำนาญและนิ่งอึ้งไป
“ได้... ได้... ขอโทษ...” ฉีหลินตะกุกตะกัก
แมวแก่มือสั่นและเขาชี้ไปที่กระสุนในแมกาซีนและตะโกน “แก... แกไม่ได้ยิงปืนแม้แต่นัดเดียว แกได้ยิงสักนัดไหม หา?! ถ้าแกยิง ไอ้เหล่าเฮยจะไม่ตาย พวกฟ้าคำรามจะหนีไปได้ไหม! ไอ้ระยำ แก ไอ้คนไร้ค่า!”
สามคนที่เพิ่งเสียชีวิตบนชั้นสองเป็นสมาชิกของทีมแมวแก่ทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาและแมวแก่จะไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่เข้ากันได้ดีตลอดมา
แมวแก่กระโดดขึ้นเตะหัวของฉีหลินด้วยความโมโหสุดขีด “ทำไมแกไม่ยิง!? แกกลัวตายใช่ไหม!? ทำไมแกถึงครองส้วมแต่ไม่ขี้! ให้ตายห่าเถอะ! ฉันจะกระทืบแกให้ตาย ไอ้คนไร้ค่า…!”
…………………………………………………………..