ตอนที่ 172 : จักรพรรดิกระบี่ ตู่ซวนห่าว
มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับจักรพรรดิสิบคนในนครขอบนภา ซึ่งไม่ใช่จักรพรรดิทั่วไป แม้แต่ในหัวเมืองมังกรทะยาน พวกเขาก็เป็นจักรพรรดิชั้นแนวหน้า
ทะเลทรายตะวันตกเป็นชื่อของแคว้นที่กว้างใหญ่ แคว้นซึ่งมีประชาชนอาศัยกว่าล้านล้านคน มีหลายองค์กรทั่วทั้งแคว้น และยังมีอัจฉริยะมากมายเช่นกัน หัวเมืองมังกรทะยานเป็นเพียงหัวเมืองเล็กในแคว้นเท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังผู้อาศัยอยู่ถึงหมื่นล้านคน
อาจกล่าวได้ว่านครขอบนภามีสิบจักรรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางหัวเมืองทั้งหมด ชายผู้ที่กล่าวให้เซี่ยงเส้าหยุนฟังมิใช่ใครอื่น เขาคือจักรพรรดิกระบี่ ‘ตู่ซวนห่าว’ ผู้เป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิที่อันดับสูงที่สุด
จักรพรรดิกระบี่ ‘ตู่ซวนห่าว’ เป็นตำนาน เมื่อครั้งเริ่มฝึกยุทธ์ เขาได้ทลายเส้นทางสู่จักรพรรดิด้วยกระบี่ของตน และได้รับชื่อเสียงมากมายที่หัวเมืองมังกรทะยาน ด้วยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้เวลาฝึกฝนน้อยจักรพรรดิคนอื่น เขาจึงมีระดับที่สูงมาก
เหตุใดจักรพรรดิกระบี่จึงอยู่ที่นี่ นั่นเพราะเซี่ยงเส้าหยุนสามารถเข้าใจเจตนากระบี่ที่สถาบันไผ่เขียวได้นั่นเอง ซึ่งนั่นเป็นเจตนากระบี่ที่เขาได้ทิ้งไว้ ครั้งหนึ่งได้เคยวางแผนรับผู้ที่เข้าใจในเจตนากระบี่มาเป็นศิษย์ของตน หลังจากรอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็มีผู้ที่เข้าใจในเจตนากระบี่นั่น
ทว่า เขาไม่ได้เผยตนเอง และรับเซี่ยงเส้าหยุนเป็นศิษย์ในทันที ด้วยสังเกตเห็นธรรมชาติกันมืดมิดของเซี่ยงเส้าหยุนก่อนจะตัดสินใจ หรืออาจกล่าวได้ว่า นับจากเซี่ยงเส้าหยุนเข้าใจเจตนากระบี่ ตู่สวนห่าวได้คอยสังเกตการณ์อย่างลับ ๆ เพื่อเฝ้าดูทุกสิ่งที่เด็กหนุ่มกระทำ
เซี่ยงเส้าหยุนไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ทราบคือ แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่สมควรมาเป็นเจ้านายของตน
“ท่านล้อเล่นอยู่หรือ ศิษย์พี่ ผู้เยาว์เช่นข้าจะกล้าหมิ่นท่านได้เช่นไร?” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับอย่างเลื่อนลอย เขาหยุดก่อนจะกล่าวอีกครั้ง ทำให้เกิดความสง่างามไม่เหมือนผู้ใด “แม้ว่าผู้เยาว์ผู้นี้จะมีระดับยุทธ์ที่ต่ำ แต่ก็ม่ไม่กี่คนที่สามารถเป็นอาจารย์ของข้าได้”
สิ่งที่เขากล่าวนั้นถูกต้อง ด้วยร่างกายที่ท้าทานสรวงสวรรค์ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหัวเมืองเก้าเทพก็ยังอยากรับเขาไปเป็นศิษย์ แม้ว่าจักรพรรดิจะแข็งแกร่ง แต่ก็มิได้อยู่ในสายตาเด็กหนุ่มผู้นี้
เขาไม่ใช่เซี่ยงเส้าหยุนคนเดิมอีก ผู้ที่ทำตัวไร้ยางอายเพื่อที่จะได้รับการยอมรับสู่ตำหนักยุทธ์ เขาได้สร้างรากฐานการฝึกยุทธ์ของตนเอง และมีเส้นทางอันมุ่งมัน ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงสามารถฝึกฝนได้เมื่ออยู่เพียงลำพัง หลังจากทั้งหมด และด้วยวิชายุทธ์ที่ไม่อาจจินตนาการได้ภายในหัว สิ่งสำคัญกว่านั้นคือความสามารถในการเข้าใจที่เหนือกว่าผู้อื่นมาก ซึ่งจะสามารถเข้าใจความซับซ้อนของการฝึกยุทธ์ได้แม้แม่ต้องมีผู้ใดแนะนำ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยังไม่มีความตั้งใจจะหาอาจารย์ในขณะนี้
เมื่อตู่สวนห่าวได้ยินคำของเซี่ยงเส้าหยุน เขาระเบิดเสียงหัวเราะ และกล่าว “ช่างเป็นเด็กอวดดีนัก เจ้าคิดว่าสามารถดูถูกผู้อื่นได้เพียงเพราะตนเองมีพรสวรรค์งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นจักรพรรดิธรรมดาหรือไร?”
จากนั้น พลังสูงสุดก็ได้ปะทุออกมาจากร่างกายของตู่สวนห่าว ก่อนจะกดลงบนตัวของเซี่ยงเส้าหยุน เซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้นับอันตรายใด แต่ก้อนหิน และก้อนรวดโดยรอบทั้งหมดถูกกดลงจนเป็นผุยผงด้วยแรงกดดันนั่น ช่างเป็นการเผยตัวอันพลั่นพรึงซึ่งราชาทั่วไปไม่อาจปลดปล่อยมันได้
เซี่ยงเส้าหยุนพยายามควบคุมด้วยความสงบ ไม่มีร่องรอยความตื่นตระหนกเผยบนใบหน้า แต่รอคอยจนกว่าตู่สวนห่าวจะถอนแรงกดดัน ก่อนจะกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “ข้าทราบว่าศิษย์พี่เป็นถึงจักรพรรดิ แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะเป็นอาจารย์ของข้า”
หากมีผู้ใดได้ยินคำเหล่านั้น พวกเขาคงจะกล่าวว่าเซี่ยงเส้าหยุนเป็นบ้าอีกแน่ แม้แต่จักรพรรดิก็ยังไม่คู่ควรกับการเป็นอาจารย์ของเขางั้นหรือ? นั่นจะไม่เป็นการคุยโอ่เกินไปหรือ? แม้แต่ตู่สวนห่าวก็เริ่มสงสัยว่าเซี่ยงเส้าหยุนกำลังท้าทายตนอยู่งั้นหรือ
“กล่าวมาซิ เจ้าหนู คนประเภทไหนเหมาะจะมาเป็นอาจารย์ของเจ้า?” ตู่ซวนห่าวถาม
ด้วยเริ่มสงสัยว่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้นไม่ง่าย ในใจเริ่มตั้งคำถามกับตนเอง ‘เรารู้ดีว่าเขาจะปฏิเสธจักรพรรดิเช่นเรา หรือเขาเป็นศิษย์ขององค์กรใหญ่อื่นอยู่แล้วหรือไม่? แม้แต่ผู้เยาว์จากองค์กรระดับสี่ หรือห้าเองยังต้องคุกเข้าเมื่อพบเรา’
“อย่างน้อย มีเพียงกษัตริย์สูงสุดเท่านั้นที่เหมาะจะมาเป็นอาจารย์ของข้า” เซี่ยงเส้าหยุนตอบอย่างจริงจัง
ระดับราชา ระดับจักรพรรดิ ระดับกษัตริย์ เป็นระดับที่แข็งแกร่งกว่าขั้นก่อนมหาศาล ที่ถูกขนานนามว่าระดับกษัตริย์เพราะเป็นระดับที่อยู่เหนือระดับจักรพรรดิ
แม้แต่ตู่สวยห่าวเองยังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยิน เขาถอนหายใจ และกล่าว “บุคคลเช่นนั้นจะดำรงอยู่ใรองค์กรระดับหก เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมรับผู้ที่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นสองไปเป็นศิษย์งั้นหรือ? ด้วยอายุของเจ้า อย่างน้อยก็สามารถดึงดูดความสนใจของราชาได้”
“ข้าเชื่อว่าหากพวกเขาไม่ตาบอด ก็ตะรับข้าด้วยข้อสรุปเดียวกับท่าน ศิษย์พี่” เซี่ยงเส้าหยุนตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ฮ่า ฮ่า ข้าชักสงสัยเสียแล้ว เจ้าไปเอาความมั่นใจทั้งหมดนั่นมาจากไหน?” ตู่สวนห่าวระเบิดเสียงหัวเราะ
เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนเห็นตู่สวนห่าวจ้องมองด้วยสายตาเร่าร้อน เขาจึงถามอย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่ ท่านคงไม่คิดจะบังคับข้าไปเป็นศิษย์ ใช่ไหม?”
ตู่สวนห่าวรู้สึกราวกับคนไร้ยางอายทันที ตนจะบังคับให้ผู้เยาว์หนุ่มเป็นศิษย์งั้นหรือ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงกล่าวอย่างรวดเร็ว “มีคนอีกนับไม่ถ้วนอยากมาเป็นศิษย์ของข้า หากเข้าไม่สนใจมัน ก็เป็นผลเสียของเจ้า อย่าได้เสียดายภายหลังแล้วกัน”
หลังจากที่สิ้นคำกล่าว เขาหายตัวไป
“นี่ ศิษย์พี่ จะไม่ทิ้งข้าไว้ที่นี่ใช่ไหม? ไม่เอาน่า! อย่างน้อยก็พาข้าลงไปจากภูเขานี่เถิด!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนเสียงดัง โชคไม่ดีที่ตู่สวนห่าวไม่ปรากฏตัวออกมาอีก
จักรพรรดิบ้าอะไร ผู้ที่ขาดความรับผิดชอบเช่นนี้ เซี่ยงเส้าหยุนบ่นภายใน ด้วยยืนอยู่บนยอดเขา แม้จะไม่ได้กลับไปยังรังโจรอย่างรวดเร็ว เขานอนแผ่ลงบนผืนหญ้าที่สะอาด และจ้องมองไปบนท้องฟ้าเพื่อคิดถึงขั้นถัดไป
นอกเหนือจากการแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด เขาไม่มีทางเลือกอื่นนัก แต่เมื่อนึกถึงศัตรูที่ต้องเผชิญหน้าในอนาคต เขาจึงไม่คิดว่าความแข็งแกร่งเพียงสิ่งเดียวจะเพียงพอ
‘เราต้องเริ่มสร้างกองทัพของตนเอง เราต้องการคนทุกประเภท และไม่ว่าจะเป็นคนประเภทไหน ตราบใดที่มีประโยชน์ เราจะใช้ประโยชน์จากพวกเขา หากต่อสู้เพียงลำพังคนจะลำบากเกินไป’ เซี่ยงเส้าหยุนตัดสินใจ
หลังจากตัดสินใจ เขากลับไปยังแหล่งกบดานของโจรหมาป่าแดง กลุ่มโจรทั้งหมกได้จากไปแล้ว ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่รกร้างเมื่อเทียบกับตอนแรก
หลังจากส่งทุกคนไปตามทางของตน โมโม่พยายามมองหาเซี่ยงเส้าหยุน แต่ก็ไม่พบเขา นางกลายเป็นคนสิ้นหวังอย่างมาก แผนเริ่มตนคือการดำเนินชีวิตโดยมีเจ้านายที่ดี น่าเสียดายที่เจ้านายคนใหม่ไม่สนใจตนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นนางจึงมีความสุขที่เซี่ยงเส้าหยุนย้อนกลับมา
“ทำได้ดีมาก เจ้าจะอยู่เคียงข้างข้า หากทำได้ดี ข้าเองก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเช่นกัน” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว
“ขะ ขอบคุณ คุณชาย!” โมโม่กล่าวอย่างยินดียิ่ง
“เอาล่ะ เก็บข้าวของแล้วไปนครขอบนภากับข้า” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวพร้อมพยักหน้า