[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 18 ขันข้าวเหล็ก เจ้าต้องชดใช้ชีวิต
บทที่ 18 ขันข้าวเหล็ก เจ้าต้องชดใช้ชีวิต
กลางถนนวงแหวนรอบที่สาม รถตำรวจสายตรวจสี่คันกระจายตัวแล่นเข้ามาหยุดที่มุมถนน ในขณะที่รถตู้ต่อสู้อเนกประสงค์เข้าจอดกลางสี่แยก เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดประตูหลังโดดลงมาจากรถสิบกว่านาย และรถตู้ก็แล่นจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหยู่นั่งอยู่ในรถหัวหน้าทีม เขาหยิบวิทยุรับส่งมาสั่งเบาๆ “เป้าหมายยังคงอยู่ภายใน เราจะเข้าจับกุมตามทีมบุกที่เพิ่งเข้าไปเมื่อกี้ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ในซอยนี้ เพราะฉะนั้นพยายามอย่ายิงและให้เงียบที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าสภาพแวดล้อมภายในเป็นยังไง...”
“ทราบแล้วครับ!”
“เข้าใจแล้วครับ!”
“...!”
หลังจากได้รับคำแนะนำครบถ้วน ทีมจู่โจมหลายกลุ่มก็ตอบกลับทันที
ฉินหยู่ผลักประตูลงจากรถ ก้มลงตรวจสอบปืนที่ติดอยู่ที่เอวของเขา และกำลังจะออกไป จู่ๆ ฉีหลินวิ่งมาจากด้านหลัง “เฮ้ ฉันตามทันแล้ว”
ฉินหยู่หันกลับมาเมื่อเขาได้ยินเสียง “นายมาได้แล้วเหรอ?”
“ใช่ ฉันเพิ่งเสร็จเรื่องของฉันแล้ว” ฉีหลินพูดด้วยเสียงหอบเล็กน้อย
ฉินหยู่ไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงรีบสั่ง “ตามแผนเดิม นายขับรถหมายเลข 2 ไปรอที่สี่แยกถนนวงแหวนที่สามและถนนเฟิงหลิน หากการจับกุมสำเร็จ ฉันจะไปขึ้นรถนายทันที ถ้านายเห็นกองสนับสนุนของกลุ่มฟ้าคำรามผ่านทางนั้นนายรีบรายงานฉันทันทีนะ”
“เข้าใจแล้วครับ!” ฉีหลินกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณหัวหน้าทีมที่ดูแลฉันเสมอมา”
“อย่าพูดถึงมันเลย” ฉินหยู่ไม่มีเวลาแลกเปลี่ยนเรื่องน่ายินดีเหล่านี้ ฉินหยู่รีบเดินไปพร้อมตะโกนผ่านวิทยุรับส่ง
“แมวแก่ เตรียมพร้อมเคลื่อนเข้าใกล้ตรอก ทุกคนเดินหน้า!”
“ทราบแล้ว!”
...
สามนาทีต่อมา
แมวแก่ในชุดรบพิเศษสีเขียวอ่อนพร้อมเกราะเหล็กที่หน้าอกและสวมหมวกเคฟลาร์บนหัว เขารีบรุดนำทีมสิบคนย่องเข้าไปใกล้ ลงนั่งยองๆ ขนาบทางเข้าตรอกทั้งสองด้านเตรียมพร้อม และรอคำสั่งขั้นตอนต่อไป
ฉินหยู่เดินเร็วไปตามข้างถนนพร้อมกับยกวิทยุรับส่งขึ้นถามว่า “ตรงไหนเป็นจุดยืนสูงบ้าง?”
“ไม่ครับ มีแค่บันไดด้านนอกเท่านั้น หัวหน้าน่าจะมองเห็นชั้นสองได้ชัดเจน”
“เอาล่ะ กลุ่มของนายเข้าควบคุมที่ชั้นสองเพื่อปกป้องทีม” ฉินหยู่สั่ง
“ทราบแล้ว”
หลังจากสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานแล้ว ฉินหยู่ก็เข้ามารวมในกลุ่มแมวแก่ข้างทางเข้าตรอก เขาเหลือบมองไปที่ถนนอันว่างเปล่าแล้วตบไหล่แมวแก่พร้อมสั่งการ “เหล่าเฮยและฉันเข้าไปข้างใน พวกนายเตรียมพร้อมอยู่ตรงนี้ก่อน”
“ตกลง” แมวแก่พยักหน้า
“ไป! เหล่าเฮย” ฉินหยู่ตะโกนบอก
เหล่าเฮยอยู่ในชุดลำลอง เดินตามฉินหยู่เข้าไปในตรอกอย่างระแวดระวัง
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันเข้าไปอย่างช้าๆ ทางด้านข้างของตรอก ฉินหยู่ถามเหล่าเฮยอย่างเรียบๆ “นายกังวลไหม”
“เหะเหะ ฉันชินแล้ว” เหล่าเฮยยิ้ม
“ไม่เป็นไร ผ่อนคลายกันหน่อย” ฉินหยู่เข้ากอดคอเหล่าเฮย แล้วทำเป็นขาสั่นอ่อนปวกเปียกเดินโซเซไปมาพร้อมตะโกน “พาฉันไปหาที่เล่นต่อกันเหอะ”
“นายดื่มมากเกินไป” เหล่าเฮยเข้าใจทันทีว่าฉินหยู่พยายามทำอะไร
ในใจกลางซอย ชายวัยกลางคนสองคนนั่งเก้าอี้ไม้ทรุดโทรมตัวหนึ่ง ได้ยินเสียงคนแว่วมา เขาหรี่ตาหันไปทางต้นเสียงข้างตรอก
ฉินหยู่เดินโซเซมาเป็นระยะทางกว่า 30 เมตรโดยมีเหล่าเฮยอยู่ในอ้อมแขน เขาก็หันหัวถ่มน้ำลายอย่างแรงไปไกล “ให้ตายเถอะ เป็นวันที่น่าเศร้าจริงๆ”
น้ำลายของเขาบังเอิญกระเด็นไปตกบนไหล่ของชายผู้แข็งแรง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!” เพื่อนข้างชายผู้แข็งแรงยืนขึ้นพรวดพราดทั้งหน้าบึ้งและกำลังจะด่าสาปแช่ง แต่ชายผู้แข็งแรงยกมือห้ามไว้
“โอ้พระเจ้า มีใครอยู่ที่นี่อีกไหม?” ฉินหยู่แสร้งทำเป็นเมาและค่อยๆ หันกลับมาและถามว่า “โทษทีพี่ชาย ขอถามหน่อย...คลับเฮาส์ดูโอดูโอไปทางไหน...?”
ในตอนแรกชายที่แข็งแรงคิดว่าฉินหยู่เป็นคนขี้เมา แต่เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้เขา เขาหยีตามองและเอามือไพล่หลังโดยสัญชาตญาณพร้อมตอบ “ฉันไม่รู้”
“โอ๊ะ!”
ฉินหยู่ทำท่าจะอาเจียนถอยออกมาและทำเป็นไม่รู้ตัวเซเข้าไปข้างชายผู้แข็งแรง
“พับผ่าสิ นายไม่เห็นมีกลิ่นแอลกอฮอล์เลย...” ชายผู้แข็งแรงผงะถอยและกำลังจะชักปืน และเพื่อนของเขาก็เอื้อมมือไปกดปุ่มที่หูฟังทันที
“บูม!”
ฉินหยู่ ยกขาเท้าขวาขึ้นเตะออกไปว่องไวดุจสายฟ้าแลบ
“โครม!”
ชายผู้แข็งแรงเซถอยหลังไปสองก้าวและร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง
“พลั่ก!”
ฉินหยู่คว้าแขนของคู่ต่อสู้เหวี่ยงไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว ชายผู้แข็งแรงเซถลาล้มลงกับพื้น แล้วเข่าของฉินหยู่ก็พุ่งกระแทกลงหัวของชายผู้แข็งแรงอีกทีจนเขาฟุบกับพื้น ฉินหยู่ใช้เข่ากดทับชายผู้แข็งแรงไว้ และมือซ้ายกดปืนที่เอวของเขาเตรียมชัก เขาคำรามด้วยเสียงต่ำ “อย่าตะโกน ไม่งั้นตาย!”
“มีคน...!” ชายผู้แข็งแรงไม่กลัวฉินหยู่เลย และเขาพยายามชูคอขึ้นตะโกนร้อง ฉินหยู่ทำอะไรไม่ถูก เขาต้องปล่อยมือที่ล็อกแขนของชายผู้แข็งแรง แล้วเอาปิดปากเขาแทนทันทีพร้อมขู่ “หุบปาก”
“พฟฟ!”
ชายผู้แข็งแรงรู้สึกเกรี้ยวกราดมากเพราะเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ ดังนั้นเขาจึงกัดมือของฉินหยู่อย่างแรงจนได้เลือด
ฉินหยู่กลายเป็นต่อสู้กับชายผู้แข็งแรงเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นถนน ในอีกด้านหนึ่ง เหล่าเฮยก็เข้าจับพ่อค้ายาอีกคนที่เป็นเพื่อนชายผู้แข็งแรง เหล่าเฮยพยายามปิดปากเขาเพื่อไม่ให้เขาตะโกนบอกให้พวกรู้ตัว แล้วก็กลายเป็นต่อสู้กันพัลวันไปอีกคู่
ฉินหยู่เห็นว่าควบคุมสองคนนี้ได้ยาก เมื่อได้จังหวะระหว่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนั้น เขาจึงหันกลับโบกมือทางปากตรอกทันที
“ตึก ตึก ตึก ตึก!”
แมวแก่เห็นสัญญาณมือ จึงรีบพาทีมวิ่งเข้าไปในตรอกทันที ทีมบุกจับทุกคนรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของฉินหยู่และเหล่าเฮย ยกด้ามปืนขึ้น ทุบหัวของพวกอันธพาลทั้งสองร่วงลงพื้นหมดสติไป
“พวกมันรู้ตัวแล้ว”
ฉินหยู่ ยืนขึ้นและตะโกนว่า “พังประตู”
“แคร่กก!”
เสียงปืนลูกซองเรมิงตันที่ตำรวจลั่นไกออกไปนั้นคมบาดแก้วหูทีเดียว
“ปัง ปัง ปัง...!”
เสียงปืนดังขึ้นสามนัด ประตูเหล็กแตกเป็นเสี่ยงๆ แมวแก่โบกมือแล้วตะโกน “ใช้ยุทธวิธี บุกเข้าไป”
เมื่อได้ยินเสียง ฉินหยู่รีบเข้าไปในห้องพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นายที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า แต่เขาก็ตกตะลึงทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง ทางเดินชั้นหนึ่งยาวและแคบ แสงสลัวๆ ที่สุดทางเดินมีบันไดเหล็กอยู่
“แย่จริง เคลื่อนไปข้างหน้าเร็วๆ คนคนนั้นต้องไม่อยู่ที่ชั้นหนึ่งแน่” ฉินหยู่ตรวจพื้นที่ภายในบ้านเพียงสั้นๆ และออกคำสั่งด้วยความรวดเร็ว
หลังจากได้คำสั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองฝ่ายก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล
สามวินาทีต่อมา บนยอดอาคารเหล็กที่นำไปสู่ชั้นสอง คนสองคนหยิบปืนไรเฟิลอัตโนมัติของพวกเขา ยิงลงมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่แม้แต่จะทักทาย
“อย่าขึ้นไป กดมัน” ฉินหยู่ยืนพิงมุมบันไดหลบกระสุนและกำหมัดขวาแน่น และยกวิทยุขึ้นพูด “กลุ่มสอง นายมีมุมยิงไหม?”
“ยิงได้ครับ”
“มุมบันได จัดการเจ้าอัตโนมัติสองกระบอกนั่น”
“ปัง ปัง!”
กองกำกับการตำรวจมีสไนเปอร์ในมือน้อยมาก ดังนั้นปฏิบัติการนี้จึงไม่มีสไนเปอร์แท้คอยสนับสนุน อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจภาคสนามที่มีประสบการณ์ ความแม่นยำของการใช้ไรเฟิลอัตโนมัติในระยะประชิดยังคงรับประกันได้ กลุ่มสองที่ซุ่มอยู่ที่บันไดด้านนอก ยิงทะลุกระจกสองนัดและสังหารพวกคนร้ายที่หลบอยู่ทางเข้าชั้นสอง
ศพกลิ้งลงมาจากบันได ฉินหยู่โบกมือและตะโกน “เข้ามา!”
“ฮูเร่!”
ฉินหยู่นำทีมจู่โจมผ่านบันไดอย่างรวดเร็ว และรีบไปที่ชั้นสอง
แสงในห้องนั่งเล่นมืดสลัว มีเพียงดวงจันทร์ข้างนอกเท่านั้นที่สามารถส่องสว่างเห็นโครงร่างของบ้านได้บางส่วน ฉินหยู่เดินไปข้างหน้าสามหรือสี่ก้าวด้วยเหงื่อบนหน้าผาก และถามด้วยเสียงต่ำ “ทำไมไม่มีใคร กลุ่มที่สองเห็นคนกระโดดตึกหนีไหม?”
“ไม่ครับ เรามองห้องนั่งเล่นไม่ชัดจากมุมของเรา” อีกฝ่ายตอบทันที
ฉินหยู่ขมวดคิ้วคิด
“แคล๊ง!”
ในขณะนี้ มีเสียงดังเล็กน้อยมาจากทางด้านซ้าย และแมวแก่ที่เพิ่งวิ่งเข้ามาหยุด ก็ตะโกนอย่างกระวนกระวาย
“ฉินหยู่...ฉินหยู่...ฉันถูกลอตเตอรี่ และฉันเหยียบกับระเบิด”
เมื่อฉินหยู่ได้ยินเสียงและหันไปมอง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลูกทีมของแมวแก่กำลังนั่งหมอบอยู่บนพื้น และเอื้อมมือช้าๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ไปที่ลวดที่ติดอยู่ที่ขาแมวแก่
“อย่าขยับ อย่าขยับ...” แมวแก่ตะโกนด้วยขาขวาที่สั่นเทา “มันไม่เกี่ยวกับลวด ฉันเหยียบกับระเบิด”
ทุกคนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น จึงรีบถอยห่างและลูกทีมบางส่วนไปเฝ้าระวังทางเข้าห้องนั่งเล่นทันที เพราะกลัวว่าจะยังมีคนซ่อนอยู่ในห้อง
ฉินหยู่ดึงไฟฉายที่เอวของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว นั่งยองๆ บนพื้น ส่องไฟฉายกวาดมองไปที่กับดักที่หน้าประตูห้องน้ำและพูดสั้นๆ ว่า “แมวแก่ถ้านายถอยหลัง ขาขวานายกระเด็นแน่นอน …นายไม่ต้องถอยยกเท้าขึ้น ฉันจะใช้ปืนยิงกับดักให้กระเด็นไป”
“นายจะยิงมันถูกจุดมั้ย?”
“มันพูดยาก ไม่แน่ใจว่ากับดักมันจะกระเด็นไป หรือระเบิด…”
“นายล้อเล่นหรือไง? พูดยาก หมายความว่าไงวะ? ถ้านายไม่ถูก ชีวิตฉันก็ไม่เหลือนะสิ...” แมวแก่คำรามพร้อมกับเบิกตากว้าง
“นายบินได้ นายไม่จำเป็นต้องเสียขา” ฉินหยู่ถามโดยถือไฟฉายอย่างมั่นคงด้วยมือขวา “ถ้างั้นนายจะเอาไง? บอกฉันสิ”
แมวแก่เงียบไปครู่หนึ่ง และรอยยิ้มตามปกติก็หายไป “เก็บขาของนายไว้”
“นับถึงสาม นายยกขาขึ้น” ฉินหยู่หยิบปืนไรเฟิลอัตโนมัติขึ้นมาและตะโกน “คนอื่นๆ ถอย!”
“3!”
“2!”
“1 ยก!” ฉินหยู่คำรามเสียงดัง
แมวแก่ไม่กล้ารีรอเมื่อได้ยินเสียง เขายกขาขึ้นและถลาถอยกลับไปเร็วอย่างไม่คิดชีวิต
“ควับ!”
ฉินหยู่เหวี่ยงด้ามปืนเหมือนกำลังเล่นกอล์ฟ ด้ามไรเฟิลตีโดนกับระเบิดใต้เท้าของแมวแก่อย่างจัง
“เพล๊ง!”
กับระเบิดกระเด็นทะลุกระจกหน้าต่างแตกออกไปจากห้อง
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ข้างนอกก็ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้น
แมวแก่หมอบลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย “เวร...ห่าเอ๊ย...ทำไมไม่ระเบิด”
“ของปลอม” ฉินหยู่กัดฟันและตอบว่า “มันเป็นระเบิดปลอม กลุ่มสอง ตรวจดูว่า
มีสิ่งผิดปกติอะไรอยู่รอบๆ ไหม?...”
“หมดเวลา ติ่งต่อง!” ลูกทีมคนหนึ่งพูดหยอกเสียดสีสถานการณ์อย่างอารมณ์ดี
ทันทีที่สิ้นเสียง ลูกทีมคนหนึ่งทางด้านซ้ายกำลังจะก้าวไปข้างหน้า เขาเดินชนเข้ากับตู้ข้างกำแพงโดยไม่ได้ตั้งใจ ในตู้กลับส่งเสียงแปลกๆ
ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินเสียง
“ให้ตายห่า นี่มันเรื่องจริง” แมวแก่คำรามเสียงในลำคอ “หมอบลง สวมโล่กันระเบิด!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายพร้อมโล่ป้องกันการระเบิดคุกเข่าลงและเพิ่งสวมโล่เมื่อเห็นเปลวไฟจำนวนมาก
“บึมม!!”
เสียงระเบิดดังสนั่น ตำรวจสามนายที่หนีไม่ทันก็ถูกแรงระเบิดกับเศษขยะนับไม่ถ้วนกวาดลงไปกองกับพื้น เสียชีวิตทันทีโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องขอความช่วยเหลือ
ฉินหยู่นอนหมอบบนพื้น หูของเขาอื้อและตะโกน “ต้องไม่มีใครอยู่ในบ้าน พวกมันออกไปกันหมดแล้ว กลุ่มสอง กลุ่มสอง จับตา...”
...
บริเวณภายนอก
อาหลงแห่งแก๊งฟ้าคำราม กับลูกน้องอีกหนึ่งคน วิ่งวนไปมาในลานบ้านพร้อมตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “ระยำจริงๆ พวกหมามันมาที่นี่หลังจากได้กลิ่นม้าแก่* ชายคนนี้ไม่เป็นมืออาชีพเลยจริงๆ”
“เป็นไปได้ไหมที่มันจะขายเรา”
“เป็นไปไม่ได้ เขายังชวนฉันไปกินภัตตาคารด้วยซ้ำ” อาหลงโบกมือแล้วตะโกน “โทรหาเซี่ยผาจื่อ แล้วขอให้เขามารับ รีบหน่อย ไม่งั้นแกจะไม่ได้ออกไปด้วย!”
……………………………………………………………
*ม้าแก่ = ผู้เฒ่าหม่า เป็นการเล่นสำนวน หม่าหรือหมาในภาษาจีนแปลว่าม้า
ตอนที่ 18 เหยียบกับระเบิด
รถสายตรวจสี่คันจอดเต็มพื้นที่กลางสี่แยกถนนสามห่วง เมื่อรถตู้สื่อสารเห็นว่าตำรวจมาถึงก็ขับออกไปทันที
ฉินอวี่ที่นั่งอยู่ในรถหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาออกคำสั่ง “เป้าหมายยังอยู่ในนั้น เราจะทำตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้า อย่ายิงใครสุ่มสี่สุ่มห้า ป้องกันการจลาจลไว้ก่อนเพราะมีคนที่ไม่เกี่ยวอยู่ด้วย เราไม่คุ้นเคยกับบริเวณนี้”
“รับทราบ”
“รับทราบ”
คนในทีมตอบกลับโดยทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง
ฉินอวี่ลงจากรถและตรวจดูปืน ขณะกำลังเดินออกจากรถ ฉีหลินวิ่งมาด้านหลังพลันอุทาน “ดูเหมือนฉันจะมาทันเวลาพอดี!”
ฉินอวี่หันมาถาม “นายจัดการธุระเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“ใช่ เรียบร้อยหมดแล้ว” ฉีหลินตอบขณะพยายามกอบโกยอากาศด้วยความเหนื่อยหอบ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉินอวี่จึงออกคำสั่งกับฉีหลินอย่างรวดเร็ว “แผนคือนายต้องขับรถไปรอที่ทางแยกย่านถนนสามห่วงและถนนป่าเมเปิล หากการจับกุมสำเร็จ ฉันจะไปหานายที่รถ แต่ถ้าพวกผู้ร้ายมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของนายให้รายงานกลับทันที...ฉันจะส่งกำลังเสริมไปช่วย”
“รับทราบครับ!” ฉีหลินตอบกลับด้วยความขอบคุณ “หัวหน้า...ขอบคุณที่ดูแลผมมาโดยตลอดนะครับ”
ฉินอวี่พยักหน้าก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจุดหมายและออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร “แมวเฒ่าเตรียมบุกเข้าตรอก เราจะจู่โจมจากด้านหน้า”
“รับทราบ!”
…
สามนาทีต่อมา
แมวเฒ่าสวมหมวกนิรภัย เสื้อเกราะกันกระสุนกับชุดตำรวจหน่วยรบพิเศษสีเขียวอ่อนนำลูกน้องประมาณสิบรายเข้าไปในตรอกขณะที่ลูกทีมคนอื่นๆ วิ่งกระจายกำลังไปดักบริเวณทางออกและรอคำสั่ง
ฉินอวี่เร่งฝีเท้าไปตามถนนพร้อมกับถามผ่านวิทยุสื่อสาร “มีที่ให้ซุ่มดูหรือเปล่า?”
“ไม่มีครับ มีแค่บันไดด้านนอกที่พอช่วยให้มองเห็นชั้นสองได้อย่างชัดเจน”
“โอเค...ทีมหนึ่งไปบันไดที่ว่าเดี๋ยวนี้ หน้าที่หลักของพวกนายคือสังเกตการณ์และคุ้มกันคนอื่นๆ” ฉินอวี่สั่ง
“รับทราบครับ”
ไม่นานนัก ฉินอวี่มาถึงทางเข้าตรอก เขามองถนนโล่งก่อนตบไหล่แมวเฒ่า “ฉันกับจาบีจะเข้าไปก่อน ที่เหลือรอหาจังหวะตามเข้าไป”
“โอเค” แมวเฒ่าพยักหน้า
“ไปกันเถอะจาบี” ฉินอวี่กล่าว
ทั้งคู่สวมชุดนอกเครื่องแบบเดินเข้าไปในตรอก
ฉินอวี่กับจาบีเดินคู่กันไปในตรอกด้วยท่าทีปกติก่อนฉินอวี่จะเอ่ยถาม “ตื่นเต้นไหม?”
“ฮ่าๆ ฉันชินแล้ว” จาบีหัวเราะก่อนตอบกลับ
“ไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี” ฉินอวี่กล่าวพร้อมกับกอดคอจาบีและหัวเราะ “คืนนี้ไปหาอะไรสนุกๆ เล่นกันเถอะ!”
“นายเมามากแล้วนะเพื่อน” จาบีเล่นไปตามน้ำ
บริเวณใจกลางตรอก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงคุยจึงรีบจัดท่าทางตนเองบนเก้าอี้ไม้เก่าทันทีพลันหรี่ตามองมายังทั้งสองคน
ฉินอวี่เดินโซเซไปข้างหน้าอีกราวสามสิบเมตรก่อนจะถ่มน้ำลาย “เชี่ย! ทำไมชีวิตมันยากเย็นขนาดนี้วะ?”
น้ำลายของฉินอวี่กระเด็นไปตกที่ไหล่ของชายวัยกลางคน
“ไอ้เวร!” เพื่อนของชายผู้นั้นยืนขึ้นสบถอย่างเอาเรื่อง
“หืม มีคนอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ?” ฉินอวี่พูดด้วยน้ำเสี่ยงหย่อนยานก่อนจะหันไปมองอย่างช้าๆ “ขอโทษครับลูกพี่ ว่าแต่...พอจะรู้ไหมว่าร้านดอกไม้ป่าไนท์คลับไปทางไหน?”
ในตอนแรกชายวัยกลางคนคิดว่าฉินอวี่เป็นเพียงขี้เมาคนหนึ่ง ทว่าเมื่อพวกเขาเข้าใกล้ฉินอวี่ แววตาของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนจะขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปด้านหลังฉินอวี่โดยไม่ทันตั้งตัว!
‘เอื้อ!’
ฉินอวี่สลัดท่าทางเมาพร้อมถลาผลักชายวัยกลางคนทันที
“ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์...” ชายวัยกลางคนลุกขึ้นพยายามแย่งปืนจากฉินอวี่ขณะที่เพื่อนของเขากดหูฟังสื่อสาร
‘ตุบ! ‘
ฉินอวี่ยกขาขึ้นเตะชายสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว!
‘ตุบ!’
ชายวัยกลางคนกระเด็นถอยหลังไปสองก้าวและกระแทกเข้ากับกำแพง
‘ปึก!’
ฉินอวี่บิดแขนของอีกฝ่ายจนล้มลงกับพื้น เขาใช้เข่ากดชายวัยกลางคนไว้ก่อนจะเอื้อมมือชักปืนออกจากเอวและขู่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “ถ้าส่งเสียงดังหัวแกได้ระเบิดแน่!”
“ตำรว...” ชายวัยกลางคนพยายามอ้าปากตะโกนโดยไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของฉินอวี่แม้แต่น้อย
ฉินอวี่ปิดปากชายวัยกลางคนและขู่ “เงียบ!”
‘ฉึก!’
ชายวัยกลางคนดันทุรัง เมื่อสู้แรงฉินอวี่ไม่ได้จึงเปลี่ยนมากัดมือเขาอย่างแรงจนเลือดไหล
จาบีเห็นฉินอวี่กำลังลำบาก จึงรุดเข้าไปหมายจะใช้กระบองฟาดให้สลบ ทว่าอีกฝ่ายแข็งแรงมาก...เขาพยายามดิ้นสุดกำลังทั้งที่ร่างถูกกดทับ
ฉินอวี่รู้ทันทีว่าชายสองคนนี้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมากและคงยากจะควบคุม ฉินอวี่จึงรีบปรบมือส่งสัญญาณ
‘แปะ แปะ แปะ!’
เมื่อได้รับสัญญาณ แมวเฒ่ารีบนำลูกน้องวิ่งเข้าไปหาฉินอวี่ในตรอกพร้อมกับรุมกระทืบชายสองคนจนหมดสติและมีเลือดไหลออกจากศีรษะ
“เราต้องรีบแล้ว!” ฉินอวี่ตะโกน “พังประตู!”
‘พรึ่บ! พรึ่บ!’
เหล่าตำรวจรีบนำโล่ปราบจลาจลออกมาทันที
‘ปัง ปัง ปัง!’
หลังเสียงปืนดังขึ้นสามนัด ประตูเหล็กก็เปิดออก แมวเฒ่ายกมือขึ้นตะโกน “รวมตัวและบุกเข้าไปพร้อมกัน!”
ฉินอวี่พุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมตำรวจอีกสิบนาย ทว่าพวกเขาก็ต้องตะลึง...เมื่อสิ่งที่เห็นมีเพียงทางเดินแคบๆ กับแสงไฟสลัวและบันไดเหล็กตรงปลายทางเดินเท่านั้น
“บัดซบ! รีบบุกเข้าไป! ไม่มีใครอยู่ชั้นหนึ่ง!” ฉินอวี่หันมองรอบบริเวณและออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
สิ้นเสียงสั่ง ตำรวจสองนายก็บุกเข้าไปทันที
สามวินาทีต่อมา เมื่อตำรวจสองนายไปถึงตีนบันได จู่ๆ ทั้งคู่ก็ยกปืนไรเฟิลอัตโนมัติกระหน่ำยิงอย่างดุเดือด!
“จัดการพวกมันให้ได้ก่อนขึ้นไป!” ฉินอวี่สั่งการขณะเข้าคุ้มกันตรงขอบบันได “ทีมสองมองเห็นอะไรไหม?”
“ครับ เห็นทุกอย่างชัดเจน”
“ตอนนี้เห็นพี่น้องตำรวจของเราระดมยิงอยู่ตรงบันไดครับ”
‘ปัง ปัง!’
เนื่องจากหน่วยซุ่มยิงในสำนักงานตำรวจนครบาลเขตพื้นทมิฬมีจำนวนน้อยฉินอวี่จึงมีกำลังสนับสนุนปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ยังมีตำรวจฝีมือดีในทีมอยู่บ้างที่สามารถวางใจในการยิงได้หากระยะไม่ไกลมาก หลังจากได้รับคำสั่งทีมหนึ่งที่ปักหลักอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามได้ยิงปืนสองนัดจากหน้าต่างจัดการกับอาชญากรบนบันไดได้สำเร็จ
ศพของฝ่ายตรงข้ามกลิ้งลงบันไดขณะที่ฉินอวี่ออกคำสั่ง “ไปต่อ!”
‘บุก!’
ฉินอวี่นำกองกำลังขึ้นไปยังชั้นสองทันที
บริเวณชั้นสองมืดจนแทบมองไม่เห็นสัดส่วนของห้อง มีเพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องเข้ามา ฉินอวี่เดินหน้าไปสี่ก้าวด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อยก่อนวิทยุถามเบาๆ “หายไปไหนกันหมด? ทีมสอง...มีใครหนีออกทางหน้าต่างหรือเปล่า?”
“แย่แล้ว จากมุมของเรามองเห็นชั้นสองได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ” นายตำรวจผู้รับสารตอบกลับ
ฉินอวี่ขมวดคิ้ว
‘ตึก ตึก!’
ทันใดนั้น! มีเสียงฝีเท้าดังก้องจากทางด้านซ้ายของฉินอวี่ เป็นแมวเฒ่าที่เพิ่งเดินขึ้นมาก่อนจะพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงประหม่า “ฉินอวี่...ฉินอวี่...แจ็คพอตแตก ฉันเหยียบกับระเบิด!”
ฉินอวี่หันไปมองก็พบว่านายตำรวจคนหนึ่งกำลังคุกเข่ากับพื้นพยายามหาสายไฟแก้ระเบิด
“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ!” แมวเฒ่าตะโกนตอบขาสั่นด้วยความหวาดกลัว “นี่ไม่ใช่การเดินสายไฟนะ...ฉันเหยียบกับระเบิด!”
ท่ามกลางความตื่นตระหนก ทุกคนรีบถอยกลับไปป้องกันทางเข้า เพราะกังวลว่าจะมีใครซ่อนตัวอยู่ในบ้านจึงอาสาปกป้องแมวเฒ่าเผื่อมีใครบุกเข้ามาอีก
ฉินอวี่หยิบไฟฉายจากเอวของเขาขึ้นมาก่อนจะส่องไปยังกับระเบิดที่อยู่หน้าประตูห้องน้ำก่อนพูดอย่างจริงจัง “แมวเฒ่า...ถ้าขยับตัว ขาขวาของนายแหลกเป็นชิ้นแน่! เอาแบบนี้แล้วกัน...นายลองยกขาขึ้นแล้วฉันจะปัดทุ่นระเบิดออก”
“นายแน่ใจนะ?”
“ไม่รับปาก...เพราะฉันไม่รู้ว่าระเบิดนี้ถูกดัดแปลงมาหรือเปล่า”
“นี่ล้อกันเล่นเหรอ? หมายความว่ายังไงไม่รับปาก? ถ้านายพลาดฉันตายได้เลยนะ!” แมวเฒ่าครวญครางเบิกตากว้าง
“แต่ถ้าฉันปัดมันทิ้งได้ ขานายจะรอด” ฉินอวี่ตอบอย่างใจเย็นขณะส่องไฟฉายไปยังกับระเบิด “จะเอายังไง? บอกมา...”
สีหน้าทะเล้นของแมวเฒ่าหายไป ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างจริงจัง “ฉันเลือกขา”
“นับถึงสามแล้วยกขาขึ้น” ฉินอวี่กล่าวขณะชี้ด้ามปืนไรเฟิลไปที่กับระเบิด “ทุกคนถอย!”
“สาม!”
“สอง!”
“หนึ่ง! ยก!” ฉินอวี่สั่ง
แมวเฒ่ายกขาขึ้นและผละออกไปโดยไม่ลังเล!
‘ปัก!’
ฉินอวี่ตวัดด้ามปืนปัดระเบิดออกราวกับการตีกอล์ฟ
‘เพล้ง!’
กับระเบิดบินทะลุกระจกออกไป
หลายวินาทีผ่านไป ทว่าข้างนอกกลับไม่มีเสียงระเบิดดังขึ้นเลย
แมวเฒ่าล้มลงที่พื้นอย่างโรยรินก่อนเอ่ยถาม “ทำไมไม่มีเสียงระเบิดวะ?”
“ระเบิดปลอม” ฉินอวี่กัดฟันตอบ “มันคือระเบิดปลอม...ทีมสอง ช่วยตรวจสอบทีว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า...”
‘ปัง! ติ๊ก...ติ๊ก!’
ทันทีที่ได้ยินคำสั่ง นายตำรวจทีมสองผู้หนึ่งก็เดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบก่อนจะชนตู้เก็บของและเกิดเสียงแปลกๆ ขึ้น
ทุกคนต่างตะลึง
“ฉิบหาย...รอบนี้ระเบิดจริง!” แมวเฒ่าหน้าซีดสบถออกมา “หมอบลง! ยกโล่ขึ้นกันระเบิด!”
นายตำรวจสองคนยกโล่ขึ้นโดยไม่ทันได้หมอบและตั้งแนวป้องกันขณะเกิดการระเบิดขึ้น!
‘ตูม!’
ทั้งสองนายโดนแรงระเบิดบดขยี้จนแหลกเสียชีวิตคาที่! ไม่มีแม้โอกาสที่จะร้องขอความช่วยเหลือ
ฉินอวี่อยู่ในบ้านหมอบลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิด “ไม่มีใครอยู่ในบ้าน พวกมันหนีไปหมดแล้ว ทีมสอง...คอยสังเกตการณ์และจดบันทึกด้วย”
…
บริเวณนอกบ้าน
อาหลงและหนึ่งในพวกพ้องของเขาที่เป็นเป้าหมายกำลังวิ่งหนีอย่างสุดกำลังพลางสบถไปด้วย “ไอ้หมารับใช้พวกนั้นมันตามกลิ่นของลุงหม่ามา...แต่โคตรไม่มืออาชีพเลยว่ะ!”
“เป็นไปได้ไหมว่าลุงหม่าหักหลังเรา?”
“เป็นไปไม่ได้ เขายังคงต้องพึ่งพาฉันเพื่ออยู่รอด” อาหลงตอบ “โทรหาไอ้กุ้งแห้ง...บอกให้รีบมารับเราก่อนจะโดนจับ!”
………………………………….