[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 15 ทำอะไรแบบที่ยืดหยุ่นได้
บทที่ 15 ทำอะไรแบบที่ยืดหยุ่นได้
ฉินหยู่เอี้ยวตัวหลบทันควันไปทางซ้ายพร้อมกับยกแขนขึ้น
“บูม!”
เสียงดังก้องเหมือนโยนกระสอบข้าว ฉินหยู่ผลักอย่างแรงจนชายร่างกำยำเซถอยกลับไปสองก้าว ฉินหยู่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วยกมือขึ้นห้ามทันทีพร้อมตะโกนว่า “พี่ชาย พี่ชาย อย่าทำให้ฉันยุ่งยากไปกว่านี้เลย เขตพิเศษที่ 9 มีพื้นที่เกือบเจ็ดล้านตารางกิโลเมตร พวกแก๊งอันธพาลบ้าบิ่นมีอยู่ทุกที่ นายคิดว่าฉันเป็นใคร ทำไมนายจะต้องมารู้จักฉันด้วย”
หลังจากที่ชายร่างกำยำถูกผลักออกไป เขายังถือมีดอยู่ในมือ ดวงตาของเขาตกตะลึง
“แล้วแกรู้ไหมว่าควรทำไง?”
“ที่แน่ๆ คือฉันเป็นแค่ตำรวจเล็กๆ คนหนึ่ง...!” ฉินหยู่ตะโกนใส่ชายชราในรถด้วยใบหน้าที่ขมขื่น เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก “ผู้เฒ่าหม่า ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในคดีนี้จริงๆ ปล่อยฉันไปเถอะ ตกลงไหม?”
ผู้เฒ่าหม่าขมวดคิ้วมองไปที่ฉินหยู่ หลังจากที่เขาใคร่ครวญเล็กน้อย เขาก็ตะโกนใส่ชายร่างกำยำว่า “หยุดก่อน!”
ชายร่างกำยำพร้อมมีดในมือ ก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
“ในเมื่อนายบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย งั้นใครเป็นคนสั่ง?” ผู้เฒ่าหม่าถามฉินหยู่ตรงไปตรงมาในเพราะต้องการรู้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ฉินหยู่ได้ยินคำถาม ไม่เพียงแต่เขาไม่โกหกเท่านั้น แต่เขายังตอบอย่างละเอียด “มันเป็นคำสั่งจากกรมตำรวจ ให้ผู้กำกับหลี่จัดการกวาดล้างแก๊งค้ายาเสพติดในย่านถนนสีดำให้หมดโดยเร็ว ผู้กำกับหลี่เป็นคนดูแลภาพรวมทั้งหมดและมอบหมายคดีนี้ให้ทีม 1 รับผิดชอบ กัปตันหยวนเค่อบอกฉันว่า งานต้องเสร็จภายในกำหนด”
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบของฉินหยู่ ไม่มีใครเดาได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ปกป้องกัปตันและผู้กำกับหลี่ แต่กลับปัดเรื่องนี้ให้พ้นตัวอย่างคนขี้ขลาด
เมื่อเห็นว่าทุกคนสับสนเล็กน้อย ฉินหยู่ก็เปิดปากของเขาพูดเสริมว่า “ผู้เฒ่าหม่า ถ้าคุณสามารถส่งเงินไปให้คนที่ใหญ่กว่าฉัน และให้พวกเขาบอกว่าเรื่องนี้อาจล่าช้าได้ ฉันจะทำหลักฐานใหม่ทันที และปล่อยคนของคุณไป ไม่มีปัญหาเลยครับ”
“หึหึ นายพูดกับคนด้วยภาษาคน และพูดกับผีด้วยภาษาคนตาย” ผู้เฒ่าหม่ามองไปที่ฉินหยู่ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นเล็กน้อย
ฉินหยู่ประสานมือเข้าด้วยกันและพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเขาได้ยินเสียง “ฉันเป็นแค่ตำรวจเล็กๆ การจะเอาตัวรอดคนเดียวมันก็ยากอยู่แล้ว คุณคิดว่าฉันจะกล้าหาเรื่องใคร”
ผู้เฒ่าหม่าเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นก็โบกมือพร้อมตะโกนว่า “ปล่อยเขาไป”
“พี่หม่า!” ชายร่างกำยำตะโกน และยกมีดขึ้นเพื่อสกัดกั้นการล่าถอยของฉินหยู่
“ปล่อยเขาไป!” ชายชราโบกมืออีกครั้ง
ชายร่างกำยำทั้งสี่คนมองฉินหยู่อย่างเย็นชาก่อนจะหลีกทางให้
“ขอผู้เฒ่าหม่าอย่ากังวลครับ แม้ว่าฉันจะปล่อยคนของคุณไม่ได้ ถ้าพวกเขายังถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ ฉันจะดูแลพวกเขาให้คุณเอง” ฉินหยู่กล่าวเพิ่มเติมอย่างนอบน้อม
ผู้เฒ่าหม่าผงะเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ก็ยิ้มและพูดว่า “อืม… ฉันจะให้โอกาสนาย”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาครับ” หลังจากที่ฉินหยู่พยักหน้า เขาก็หันหลังและรีบจ้ำเดินออกจากซอยไป
ชายร่างกำยำก้าวไปข้างหน้า มองไปที่ผู้เฒ่าหม่าแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กคนนี้อ่อนเกินไป ฉันว่ามันพูดความจริง
มันคงไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัวหรอก”
ผู้เฒ่าหม่าจุดบุหรี่อีกครั้ง ส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบว่า “ไม่ได้อ่อน มันลื่น”
ชายร่างกำยำผงะเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“คนอ่อนแอ ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ มันคงกลัวหัวหดฉี่รดกางเกงไปแล้ว” ผู้เฒ่าหม่าพูดพร้อมกับจุดบุหรี่
“นายยังไม่เข้าใจ เขาต้องการส่งสารถึงเรา”
“อะไรนะ?” ชายร่างกำยำอึ้งไปด้วยความงงงวย
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา ปัญหาอยู่ที่หยวนเค่อและผู้กำกับหลี่” ผู้เฒ่าหม่าพึมพำเบาๆ “เขาแค่ทำงานตามหน้าที่และไม่ต้องการหาเรื่องเราแทนผู้นำของเขา แบบนี้เท่ากับผลักหยวนเค่อและเจ้าอ้วนหลี่มาอยู่ข้างหน้า”
“อ๋า หมายความว่าเขากับหยวนเค่อไม่ได้สนิทกันอย่างที่เราคิดเหรอ?” ชายร่างกำยำพูดและคิดตามไป “หยวนเค่อเลื่อนขั้นเขา อาจจะ...?”
“อืมม” ผู้เฒ่าหม่าขัดจังหวะและตอบว่า “การกวาดจับยาเอกชนอย่างกะทันหันของรัฐบาล อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับยาชุดอื่นที่ออกสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ ครอบครัวของเราเคยทำมาก่อน แต่ตอนนี้มีผู้ค้ารายใหม่เข้ามาทำธุรกิจ...นั่นแหละปัญหา บางที อาจจะเป็นเรื่องการแข่งขันกันในตลาดก็เป็นได้”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อครับ?”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะพบฉินหยู่คนนี้” ผู้เฒ่าหม่าโบกมือแล้วตะโกน “ขึ้นรถ ก่อนอื่นหาสาเหตุว่าทำไมทางการต้องการกวาดล้างสินค้า เราจะรู้เองว่าต้องทำอย่างไรกับเสี่ยวเอ้อและต้าหมิน”
...
ฉินหยู่ออกจากตรอกด้วยความรุ่มร้อนอยู่ภายใน เขารีบรุดกลับไปกองกำกับการตำรวจอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
มุมมองของผู้เฒ่าหม่านั้นไม่ผิดเลย ฉินหยู่แค่ไม่ต้องการถูกกล่าวโทษแทนใคร กัปตันหยวนเค่อสั่งให้ฉันทำคดีนี้ นั่นไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าคดีปิดได้และมีปัญหาเกิดขึ้นตามมา คุณ ในฐานะกัปตันจะต้องแบกรับมัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ ฉินหยู่จะจัดการกับมันได้ด้วยตัวเอง เพราะสถานะของเขาตอนนี้ไม่สามารถจัดการอะไรได้ แค่รักษาสถานะเดิมๆ ให้คงอยู่ก็ยากอยู่แล้วในตอนนี้
เมื่อมาถึงกองกำกับการตำรวจ ฉินหยู่ได้พบกับหยวนเค่อ และเล่าเรื่องผู้เฒ่าหม่าให้เขาฟังทันที โดยหวังว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาของเขา
หยวนเค่อรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “คนกลุ่มนี้ไม่ใช่พวกที่ใครจะเข้าไปยุ่มย่ามได้ง่ายๆ ช่วงนี้นายต้องระวังตัวหน่อย แต่ไม่ต้องกังวล ฉันจะรับแรงกดดันนี่เอง อีกสองสามวันฉันจะให้คนปล่อยข่าวออกไปว่าฉันสั่งให้นายไปกวาดล้างแก๊งค้ายา หลังจากนั้นฉันจะรับมือกับปัญหาที่เข้ามาในภายหลังเอง” เมื่อฉินหยู่ได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยที่เขามีต่อหยวนเค่อก็หมดไป อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง เพราะกัปตันพูดถูก และเขาเป็นคนที่มีความชอบธรรมมากคนหนึ่ง อย่างผู้นำที่พึ่งพาได้ควรมี
ความวุ่นวายเล็กน้อยผ่านพ้นไป ฉินหยู่กลับไปสอบสวนหมาเหล่าเอ้อกับต้าหมินต่อด้วยความรุนแรง ด้วยความหวังว่าจะได้รับคำสารภาพให้เร็วที่สุด ซึ่งมันจะทำให้ได้รับเบาะแสมาเพื่อจับปลาตัวใหญ่กว่า
...
หลังจากสอบปากคำไปหกชั่วโมง หมาเหล่าเอ้อและต้าหมิน ยังคงกัดฟันและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
เหล่าเฮยรู้สึกกระวนกระวายในขณะที่เขาลากทั้งสองคนไปที่ห้องใต้ดินโดยไม่มีการเฝ้าระวังและบันทึกวิดีโอ
และใช้วิธีการ ‘โหดร้าย’ อื่นๆ เพื่อบังคับให้พวกเขาคายความลับ แม้ว่าทั้งสองคนถูกเฆี่ยนตีอย่างหนักแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ปริปากออกมา
ในท้ายที่สุด ฉินหยู่หมดทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีดเบาะแสจากหมาจื่อ ลูกน้องของหมาเหล่าเอ้อ แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาได้รู้จะไม่ใช่ความลับสำคัญก็ตาม
ห้องสอบสวน
ฉินหยู่สูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะคอเอียงมองหมาจื่อ แล้วถามว่า “พูดอะไรที่มีประโยชน์หน่อย! ที่นายเพิ่งพูดมามีแต่เรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น ถ้างั้นฉันจะช่วยนายได้ยังไง”
หมาจื่อก้มหน้าลงพร้อมตอบว่า “พี่ชาย ฉันรู้เท่าที่บอกไปแหละ มันเพราะเราถูกจับ ของและคนใหญ่ๆ เลยหลบหายตัวไปหมด สิ่งที่ฉันรู้ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
“นายอาจยังไม่รู้ว่าเหล่าเฮยทำอะไรได้บ้าง” ฉินหยู่ลุกขึ้นอย่างหมดความอดทน “เอาละ ฉันจะไม่สอบสวนนายแล้ว เหล่าเฮยจะสั่งสอนนายแทน”
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ อย่าเพิ่ง ฉันไม่รอดมือเขาหรอก ขอให้ฉันคิดดูอีกที”
“งั้นก็คิดเร็วๆ ฉันหิวข้าว!” ฉินหยู่ก้มลงและนั่งลงอีกครั้ง
หมาจื่อก้มหน้าลงและครุ่นคิดอยู่นานแค่ไหนไม่มีใครรู้ จู่ๆ ก็ตบหน้าผากตัวเองแล้วตะโกน “เฮ้ ฉันนึกออกแล้ว!”
“อะไรนะ?” ฉินหยู่ถาม
“ก่อนที่จะถูกจับ ฉันบังเอิญได้ยินหมาเหล่าเอ้อคุยโทรศัพท์ ดูเหมือนว่ามีคนสำคัญที่รับผิดชอบในการจัดหาสินค้า ซึ่งเขาจะมาถึงซงเจียงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” หมาจื่อกล่าวด้วยดวงตาที่แห่งความหวัง
ดวงตาของฉินหยู่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “จริงหรือ?”
...
ในสลัมของเมืองซงเจียง
ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าเก่าเลอะเทอะถือโทรศัพท์มือถือถามด้วยน้ำเสียงต่ำ “ข่าวลือจบลงแล้วหรือ? ตอนนี้สินค้าเราถูกกดดันอยู่ ฉันต้องลงมือแล้ว”
ผู้เฒ่าหม่าครุ่นคิดไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบมาตามสาย “มาพบและคุยกันก่อน”
………………………………………………………..