Ep.995 - ไม่สามารถนับแต้มสงครามได้
Ep.995 - ไม่สามารถนับแต้มสงครามได้
คนอื่นๆเห็นการกระทำของฉินเฟิง ก็แทบอดใจไม่ไหวอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายที่ไม่เคารพเทพบุปผา
แต่พอได้ลองคิดอย่างรอบคอบ ก็รู้สึกว่านั่นไม่ใช่เหตุผลมากพอ ได้แต่ลอบตำหนิในใจ
“น่ารังเกียจนัก เจ้าเด็กนี่พยายามทำตัวแบบนี้เพราะต้องการดึงดูดความสนใจของเทพบุปผาใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิดแล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เจ้าเด็กนี่วางแผนได้แยบคายนัก!”
“แต่ว่าเขาแข็งแกร่งจริงๆนะ อยู่แค่เลเวล S แต่กลับดูมีพลังมากกว่าเย่ฮุนจะอีก เป็นสัตว์ประหลาดขนานแท้!”
คนอื่นๆกระซิบกระซาบ มองไปยังฉินเฟิง บังเกิดความริษยาและหึงหวงแฝงอยู่ในแววตาของพวกเขา
ฉินเฟิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ กวาดตามองหายานอวกาศที่อยู่ใกล้ๆ ก้าวเข้าไปในยาน หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน ฉินเฟิงสังหารไปมากมาย พลังสมาธิและกำลังภายในเหือดหายลงไปมาก บวกกับสภาวะร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นแต่ยังไม่คงที ดังนั้นตอนนี้ที่เขาคิดมีเพียงเรื่องการพักผ่อน
เมื่อเจ้าคนไร้มารยาทเปิดประเดิม คนอื่นๆก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ในอวกาศอีกต่อไปเช่นกัน
“ทุกท่าน สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะรั้งอยู่เป็นเวลานาน สิ่งมีชีวิตที่กำจัดได้สามารถนำไปแลกของรางวัล โปรดขึ้นยานอวกาศ พวกเราจะกลับไปยังดาวทะเลดอกไม้!” เทพบุปผากล่าว
คนอื่นๆเมื่อได้รับอนุญาต ก็เร่งเก็บกวาดสนามรบ แล้วกลับขึ้นยานอวกาศทันที
หลังจากนั้น ยานอวกาศลำแล้วลำเล่าเริ่มลดระดับลงสู่ดาวทะเลดอกไม้ ทั้งหมดมารวมตัวกันที่เมืองฮั่วซี ซึ่งเป็นเมืองกลางของทะเลดอกไม้
ตั้งตามชื่อเจ้าของ ดังนั้นถูกเรียกว่าฮั่วซี (花溪 = บุปผานที)
ยังคงเหลือตะขาบกระหายเลือดบางส่วนอาละวาดอยู่ในดาวทะเลดอกไม้ แต่มิได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย เชื่อว่าไม่นานจะถูกปราบปราม ฉินเฟิงไม่มีความตั้งใจจะเข้าร่วมในส่วนนั้น แม้นั่นอาจทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษในสายตาชาวเมือง แต่ฉินเฟิงรู้ดี ว่าต่อให้ไม่มีคนเช่นเขา เจ้าของมิติแห่งนี้ก็สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
อีกอย่างฉินเฟิงใช้เล่ห์กล จนฉกฉวยผลประโยชน์ก้อนโต ดังนั้นไม่มีความตั้งใจจะอยู่ต่อ มุ่งหน้าไปส่งภารกิจโดยตรง
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าตอนที่ส่งภารกิจ จะเกิดปัญหาขึ้น
“คุณกำลังจะบอกว่า ฉันล่าสัตว์ร้ายได้กี่ตัว ก็ต้องนำศพมาแสดงหลักฐานเป็นจำนวนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถนับแต้มสงครามได้?”
พนักงานพอได้เห็นรายงานการต่อสู้ที่ฉินเฟิงส่งมา ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกฉินเฟิง แต่คิดว่านี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“มิสเตอร์ โปรดส่งศพที่สามารถล่ามาได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับแต้มสงครามด้วย นี่คือกฏที่มีมาโดยตลอด หรือหากคุณต้องการขายศพสัตว์ร้ายในราคาสูง ก็สามารถหาพ่อค้ารับซื้อจากข้างนอก แต่จะไม่ได้รับแต้มสงคราม!”
พนักงานคนนี้แทบจะพูดตรงๆออกมาว่า ‘ถ้าไม่มีของ กูก็ไม่จ่าย’ ไปเลือกเองว่าจะเอาแต้มสงครามหรือรับเงินจากพ่อค้า ทำไมสุดท้ายคนที่ออกไปสู้ถึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปได้กันเนี่ย?
อีกอย่างในครั้งนี้ ฉินเฟิงไม่สามารถมอบศพออกไปได้จริงๆ เพราะตะขาบกระหายเลือดพวกนั้นถูกเขาดูดกลืนไปหมดแล้ว เขาจะไปหาศพของพวกมันจากที่ไหนมาแลกแต้มสงคราม?
ต่อให้เขาบันทึกภาพไว้ แต่หากไม่มีสินสงครามก็ไม่อาจนำมาแลกแต้มสงครามได้ ณ จุดนี้เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
ซากศพที่เก็บกลับมา มีเพียงแม่แมลง ซึ่งร่างของมันมีประโยชน์มาก ฉินเฟิงไม่ต้องการแลกออกไป
“ลืมมันเถอะ ไม่ได้ก็ไม่ได้ อย่างน้อยการเข้าร่วมสงครามนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้ายซะทีเดียว เพราะในที่สุดคุณสามารถตัดผ่านเข้าสู่เลเวล S ได้สำเร็จ! แถมยังช่วยให้ดินแดนอื่นๆไม่ต้องประสบภัยพิบัติด้วย” ไป๋หลีปลอบประโลม
“นั่นสิ งั้นฉันไม่แลกแต้มสงครามแล้วก็ได้!” ฉินเฟิงกล่าว
“ถึงกฏนี้มันแปลกๆก็เถอะ แต่หลังจากฉันลองทบทวนดูดีๆ ฉันว่ามันก็ฟังดูยุติธรรมใช้ได้ แต่ประเด็นก็คือทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้กับพวกเราด้วย?” ไป๋หลีไม่เข้าใจ
ฉินเฟิงตอนแรกก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่หลังจากที่ทั้งสองก้าวเข้ามาในลิฟต์ และลงมาถึงชั้น 1 จากชั้น 7 ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของเลเวล S และได้พบกับฝูงชนที่เต็มไปด้วยผู้ใช้พลังมากมายภายนอก ในที่สุดก็เข้าใจ
“ที่แท้เป็นเพราะโลกของพวกเขามีจำนวนผู้ใช้พลังอยู่มากเกินไป!”
ไป๋หลีได้ยินคำตอบจากฉินเฟิง ก็ยังงุนงงอยู่ดี เอียงศีรษะมองที่รักของเธอ คล้ายเฝ้ารอฉินเฟิงอธิบายให้เข้าใจ
“ในมิติของพวกเรา ผู้ใช้พลังกับคนธรรมดามีช่องว่างมากเกินไป ดังนั้นคนธรรมดาจึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้อง ขณะเดียวกัน คนธรรมดาต้องใช้ชีวิตอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ถูกบีบไปใช้แรงงาน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต้องจ่ายภาษีจำนวนมากในทุกๆเดือน และภาษีเหล่านี้ คือเงินค่าคุ้มครอง เพื่อปกป้องพวกเขาให้อยู่รอดในเมืองได้”
“ในกรณีที่เกิดการรุกรานจากกองทัพสัตว์ร้าย เงินจำนวนนี้จะถูกระดม เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนแก่ผู้ใช้พลังที่ออกไปสู้ในสนามรบ!”
“ขณะเดียวกัน เมืองก็ต้องจ่ายภาษีให้รัฐ , รัฐจ่ายภาษีให้กับภูมิภาค , ภูมิภาคจ่ายภาษีให้พันธมิตรมนุษย์ จ่ายกันไปเป็นทอดๆ ก่อร่างเป็นนโยบายจ่ายรางวัลขึ้นมา”
“ด้วยนโยบายนี้ ผู้ใช้พลังนับว่าได้เปรียบมาก ยิ่งอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์ ในขณะที่สถานชุมชนเล็กๆ บางแห่งที่เพิ่งสร้างขึ้นได้ไม่กี่ปี มักถูกรุกรานจนล่มสลาย เนื่องจากพวกเขาไม่มีประชากรมากพอ ดังนั้นเก็บภาษีได้น้อย เมื่อไม่ได้ภาษี รางวัลก็หายาก ไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้พลัง สุดท้ายไม่มีคนคอยปกป้องชาวเมือง”
แม้ว่าบางสถานชุมชน จะมีเจ้าของที่สามารถหาเงินได้ทุกเดือน สามารถแจกจ่ายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอยู่ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่ารายรับจะถูกป้อนเข้ามาเสมอไป บางครั้งก็เกิดสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน
โชคยังดีที่ฉินเฟิงไม่ได้เป็นแบบนั้น เขามีหลายสิ่งที่สามารถทำเงินได้มากมาย
“งั้นสรุปแล้วแบบไหนดีกว่ากัน?” ไป๋หลียังไงก็คิดไม่ตก
“ทั้งสองกรณีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ที่แน่ๆ พวกเราไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันกับในมิติของพวกเราได้ ดูนั่นสิ ถ้าไม่นับพวกวัยรุ่น ก็ไม่มีใครต้องการความคุ้มครองจากผู้อื่นอีกเลย ทุกคนล้วนเป็นผู้ใช้พลัง สามารถปกป้องตัวเองได้!”
เมื่อทุกคนเป็นผู้ใช้พลัง จึงแบ่งแยกแค่คนไหนแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเท่านั้น ไม่มีช่องว่างระหว่างผู้ใช้พลังกับคนธรรมดาสามัญ
ผู้แข็งแกร่งก็จะได้รับผลประโยชน์มาก ส่วนคนอ่อนแอได้รับน้อย ทางด้านสถานะก็เช่นเดียวกัน
แน่นอน นโยบายเช่นนี้ก็สามารถทำกำไรกลับคืนได้โดยการหักแต้มสงคราม ณ ที่จ่ายหรือการทุจริตเช่นกัน วัตถุดิบที่นำไปแลกจะถูกเก็บรวบรวมไปไว้ที่ไหน , แต้มที่ใช้แลกเหมาะสมกับของที่ขายหรือไม่ ใครจะรู้?
แต่ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้พลังของที่นี่มีสิทธิ์เลือกที่จะไม่แลกเปลี่ยนสินสงครามกับแต้มสงครามได้ สามารถนำมันไปขายให้กับพ่อค้า นี่คือเสรีภาพของพวกเขา
ไป๋หลีพยักหน้า อธิบายตั้งนานเธอเข้าใจก็ได้
สรุปแล้วเป็นเพราะความแข็งแกร่งในมิติโลกมนุษย์ของพวกเธอต่ำเกินไป ดังนั้น บางอย่างเลยไม่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล มีเฉพาะผู้ใช้พลังเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น เก็บเกี่ยวกำไรจากพื้นที่อยู่อาศัยของคนธรรมดา
ณ จุดนี้ ในจิตใจของฉินเฟิง พลันย้อนนึกไปถึงยาปลุกพลังของแซด ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าความตั้งใจและวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของแซด ในความเป็นจริงแล้วทั้งหมดถูกต้อง
“เอาล่ะ พวกเราไปเถอะ” ฉินเฟิงตั้งใจว่ากลับไปจะย้อนทบทวนถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ประตูมิติเองก็มีติดตั้งอยู่ในเมืองฮั่วซีเช่นกัน เพราะที่นี่คือศูนย์กลางของมิติแห่งนี้ ดังนั้นฉินเฟิงสามารถเดินออกจากโถงผู้ใช้พลัง และขอเข้าใช้พื้นที่พิเศษของพันธมิตรมนุษย์ เดินทางผ่านประตูมิติได้
แต่ในเวลานั้นเอง เบื้องหน้าฉินเฟิง เขาได้พบเจอกับเทพบุปผาและเย่ฮุนอย่างไม่คาดคิด
“มิสเตอร์ฉิน นั่นคุณกำลังจะไปไหน?” เย่ฮุนถามด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงกำลังจะเดินออกจากโถงผู้ใช้พลัง
“ผมจะไปแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว
เย่ฮุนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “นั่นสินะ ถึงการต่อสู้นี้จะใช้เวลาไม่นาน แต่มันค่อนข้างหนักหนาเอาการ ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของมิสเตอร์ฉิน ฉันจะส่งคนไปจัดเตรียมที่พักให้”
“เกรงว่าท่านจอมพลจะเข้าใจคำว่า ‘ไปแล้ว’ ของผมผิด ผมไม่ได้หมายถึงกลับไปพักผ่อน แต่ตั้งใจจะออกจากดาวทะเลดอกไม้ เดิมผมมาที่นี่เพื่อเที่ยวพักผ่อน และตั้งใจจะเดินทางกลับวันนี้ ในเมื่อปัญหาของดาวทะเลดอกไม้จบลงแล้ว ก็สมควรแก่เวลา”
ได้ยินสิ่งนี้ ทั้งเย่ฮุนและเทพบุปผาต่างประหลาดใจ
“มิสเตอร์ฉิน ผลการต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่ถูกนับยอดเลย คุณจะออกไปแล้วหรือ? คุณทำความดีความชอบมากมาย แต่ไม่คิดจะรับอะไรไปหน่อยหรือ? ฉันได้ยินจากเย่ฮุนว่าคุณคือคนที่ทำผลงานได้ดีที่สุด พวกเราจะเปิดคลังสมบัติ ให้คุณสามารถเลือกรับรางวัลเป็นอาวุธเทวะเลเวล S ได้ เรื่องนี้ฉันอนุมัติแล้ว”