คาเฟ่ 6
ถูกปฏิเสธ
เมื่อมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของชิโนะจากความรู้สึกผิด หลี่ย่าหลินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะคาดหวังสิ่งนี้มานานแล้ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย
ช่างเป็นเด็กที่เรียบง่ายและดื้อดึง
แต่... ถ้าเธอคิดว่าฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอคิดผิด!
“ชิโนะ เนื่องจากฉันเป็นลูกเพียงคนเดียวในครอบครัว ฉันจึงไม่เคยมีประสบการณ์ที่เรียกว่าพี่น้อง เมื่อฉันเห็นเธอครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าเธอนี่แหละคืออิโมโตะในจินตนาการของฉัน”
( TN : อิโมโตะ แปลว่า น้องสาว )
“เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของพ่อกับลุงทาคาฮิโระ ฉันสามารถเรียกเธอว่าอิโมโตะได้ เราควรพิจารณาว่าเป็นครอบครัวเดียวกันนับตั้งแต่ฉันก้าวมาอยู่ที่นี่นะตอนนี้”
“ระหว่างครอบครัวเราไม่ควรคิดมาก แต่ฉันก็เข้าใจความกังวลของเธอเช่นกัน ดังนั้นจะทำข้อตกลงยังไงดี”
“ต่อจากนี้ ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงิน ถ้าฉันทำกำไรได้หนึ่งร้อยล้านเยน ฉันจะใช้หนี้ทั้งหมดและเข้าซื้อ Rabbit House เธอคิดเห็นว่าไง?”
( TN : Rabbit House ชื่อร้านคาเฟ่ เพราะงั้นไม่ต้องงง )
หลังจากบอกความจริงแล้ว หลี่ย่าหลินก็พร้อมที่จะพูดต่อ ถึงจะเถียงนานๆไม่ค่อยเก่ง แต่เขาสามารถวางใจได้ในยามวิกฤตอย่างไม่คาดคิด เขาพูดแต่ละประโยคโดยไม่ต้องหายใจมากนัก
“นี่คือข้อตกลงเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ไม่ต้องพูดถึง 100 ล้านเยนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ ฉันอาจล้มเหลวด้วยซ้ำ ชิโนะคิดว่าไง?”
เมื่อหลี่ย่าหลินพูดอีกสองสามประโยค ชิโนะก็เวียนหัวเล็กน้อยและคำพูดของเขาฟังดูสมเหตุสมผลมาก
เป็นเพียงข้อตกลงที่พวกเขาไม่รู้ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่เป็นไรแม้ว่าเธอจะตกลง
“โอเค แล้ว...”
ชิโนะลังเลเล็กน้อยเมื่อตอบ เธอไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะปฏิเสธหลังจากที่ได้พูดไปหมดแล้ว
“ตกลงแล้วสินะ”
หลี่ย่าหลินไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะหลอกชิโนะได้จริงๆ คุณรู้ไหมว่าในฐานะโอตาคุที่ไม่มีแฟนมาเกือบสามสิบปีแล้ว การรับมือกับผู้หญิงเป็นจุดอ่อนของเขามาโดยตลอด
เขาไม่สามารถจัดการกับผู้หญิงได้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะริเริ่มพูดคุยกับผู้หญิง นี่คือเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงไม่มีแฟน แต่เขาไม่รู้สึกประหม่าต่อหน้าชิโนะ
ไม่มีทาง ชิโนะน่ารักมากๆ และจะต้องโตเป็นสาวสวยในอนาคต แต่ตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป
เมื่อเผชิญหน้ากับชิโนะ หลี่ย่าหลินไม่สามารถปฏิบัติต่อเธอในฐานะผู้หญิงได้ อย่างดีที่สุดก็แค่ อิโมโตะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงคุยกับชิโนะได้อย่างใจเย็น
ก่อนที่จะข้ามมาที่นี่ เพื่อนของหลี่ย่าหลินยังเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าชิโนะ 4-5 ปีอีก
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าจริงๆ
หลี่ย่าหลินหลอกชิโนะได้สำเร็จด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ด้วยโอกาสนี้ เขาจะได้ใกล้ชิดกับโลลิที่น่ารักนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อมองดูท่าทางเอ๋อๆของชิโนะ หลี่ย่าหลินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อใจเล็กน้อย
“ในเมื่อชิโนะตกลงแล้ว เธอช่วยเรียกฉันว่า โอนี่จัง ได้ไหม”
หลี่ย่าหลินจะไม่มีวันโกหก ถ้าเขาทำได้ เขาอยากจะมีอิโมโตะที่น่ารักเหมือนชิโนะ
แล้วโอกาสก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นั้นจะน่าเสียดายจริงๆ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป
“โอนี่... ฉัน...”
บางทีเธออาจจะยังไม่ฟื้นจากอาการสับสน หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ย่าหลิน ชิโนะก็ตอบโดยไม่รู้ตัว แต่เธอพูดเพียงครึ่งคำ โอนี่จัง เธอก็หายเป็นปกติ
เธอเกือบจะเรียก ย่าหลินซังว่าโอนี่จัง?
ใบหน้าของชิโนะเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
พูดตามตรง เธอไม่มีท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อยที่จะเรียกเขาว่าโอนี่จังและเธอถึงกับมีความสุขและขยับตัวเล็กน้อย เธอยังเกิดความคิด – คงจะดีถ้ามีโอนี่จัง
แต่เธอเรียกเขาว่าโอนี่จังไม่ได้จริงๆ
ไม่ใช่ว่าชิโนะเกลียดหลี่ย่าหลินแต่มันน่าอายเกินไปที่เธอจะเรียกเขาว่าโอนี่จังได้ในทันที
ชิโนะหันหลังหนีอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่สามารถอยู่ในห้องนี้ได้จริงๆ แม้แต่ทิปปี้ก็ถูกลืมไปแล้ว
เมื่อได้เห็นความน่ารักของชิโนะแล้ว หลี่ย่าหลินจะพูดอะไรได้อีก?
สักวันเขาจะทำให้ชิโนะเรียกเขาว่าโอนี่จังให้ได้เลย!
ดังนั้นเขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อเป้าหมายนี้!
“ไอหนู ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอมีอารมณ์เกี่ยวกับอะไร แต่เธอคิดว่าจะสามารถช่วย Rabbit House ด้วยมังงะของเธอได้จริงหรือ?”
ชิโนะที่อายและวิ่งหนีไป หลี่ย่าหลินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเลือดลมที่เดือดพล่าน ฉากนี้ถูกมองเห็นโดยทิปปี้ที่ด้านข้าง
แม้ว่ามันจะมีลักษณะเหมือนกระต่าย แต่วิญญาณของทิปปี้ก็คือปู่ของชิโนะในฐานะผู้อาวุโส วิสัยทัศน์ของเขากว้างและคมชัดกว่าของชิโนะมาก
เขาเห็นว่าหลี่ย่าหลินต้องการช่วยชิโนะและเธอเชื่อคำพูดของเขาจริงๆ แต่คำถามคือ เขาสามารถช่วย Rabbit House ด้วยมังงะเรื่องเดียวได้จริงหรือ?
ไม่ สิ่งนี้ไม่สมจริง และนี่คือเหตุผลที่ทิปปี้รู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนชายหนุ่มคนนี้ไม่ให้มีความทะเยอทะยานมากเกินไป มิฉะนั้นเมื่อความหวังอันยิ่งใหญ่สลายเป็นความสิ้นหวังที่ไม่อาจจินตนาการได้ มันคงไม่ใช่สิ่งที่คนหนุ่มสาวอย่างเขาจะทนได้
“พูดตามตรงฉันไม่มั่นใจมาก แต่ฉันสามารถรับประกันได้ว่าฉันจะทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”
หลี่ย่าหลินยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเผชิญกับคำเตือนของกระต่าย
หลังจากมึนงงเล็กน้อย หลี่ย่าหลินก็ส่ายหัวเบาๆ มีบางคำที่เขาไม่สามารถพูดต่อหน้าชิโนะได้ แต่เขาก็ไม่รีรอที่จะพูดออกมาถ้าเป็นแค่ทิปปี้
“หนุ่มน้อย การมีอุดมคติเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันเป็นภาพลวงตาเกินไป เธอจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่”
คำตอบของหลี่ย่าหลินนั้นเกินความคาดหมายของทิปปี้เล็กน้อย เดิมทีมองดูความมั่นใจของเขา เขาคิดว่าเขาจะตาบอดมากกว่านี้
ไม่เคยคิดว่าเขาจะสงบลงเกินคาด
ถึงกระนั้น ทิปปี้รู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนเขาว่าการทำงานหนักเป็นสิ่งที่ดี และอุดมคติก็เป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันก็ไม่ใช่เรื่องดี
“เพ้อฝัน? ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ คุณคาฟู... ลองเดิมพันกันไหม ถ้าฉันสามารถทำเงินได้ 100 ล้านเยนภายในสามเดือนและช่วย Rabbit House ได้ คุณต้องช่วยฉันโน้มน้าวชิโนะให้เธอเป็นอิโมโตะของฉันได้ไหม”
" ห้ะ???”