Ep.991 - คนเดียวสังหารหมู่
Ep.991 - คนเดียวสังหารหมู่
เย่ฮุนปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน
ตอนนี้เข้าสู่ช่วงวิกฤตแล้ว แม้จะมีคำกล่าวว่าสุภาพบุรุษไม่ยืนอยู่ใต้กำแพงอันตราย แต่แม่แมลงและกองทัพของมัน กำลังกดดันดาวเคราะห์ทั้งดวง หากปล่อยให้หลุดเข้ามา ดาวเคราะห์ทั้งดวงคงพังทลาย!
ฉะนั้นต้องหยุดกองทัพแมลงเอาไว้ให้จงได้
แม้จะมีเรือรบประจำการอยู่ด้านนอก แต่หากเปิดการโจมตีตอนนี้คงไม่ต่างกับการฆ่าตัวตาย พรมเชื้อราบดบังแสงอาทิตย์ มองไกลๆจะเห็นสะเก็ดไฟระเบิดเป็นครั้งคราว นั่นคือร่องรอยการล่มสลายของเรือรบ!
“ทุกท่าน กำลังเสริมจากพันธมิตรมนุษย์กำลังจะมาถึงในไม่ช้า แต่ตอนนี้พวกเราต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนด้วยตัวเอง ทำในส่วนที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน โปรดตามฉันมา พวกเราจะเข้าสกัดกั้นแม่แมลง!”
“ฉันพร้อมร่วมทางไปกับท่านจอมพล!”
“ฉันยินดีบุกน้ำลุยไฟไปกับท่านจอมพล!”
ทว่าคนที่แสดงจุดยืนนี้ออกมา มีแค่ 7 - 8 คนเท่านั้น
ส่วนที่เหลือมีท่าทีเฉยเมย คนกลุ่มหลังนี้ เกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยว
เย่ฮุนทราบดี ว่าคำพูดของเขาไม่มีทางทำให้คนเหล่านี้ทำงานแลกชีวิตได้ ดังนั้นไม่ลังเลที่จะให้สัญญาเรื่องเงินรางวัลจำนวนมาก
“คนที่ช่วยสังหารกองทัพแมลงได้มากที่สุด ทางเราจะเปิดคลังแสงของดาวทะเลดอกไม้ และมอบรางวัลเป็นอาวุธเทวะเลเวล S ให้ชิ้นหนึ่ง!”
เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเลเวล S ที่ถือกำเนิดบนดาว หรือนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
กล่าวกันว่าความมั่งคั่งสามารถสั่งให้ผีทำงานได้ วิธีนี้ได้ผลจริงๆ
ฉินเฟิงเองก็เริ่มตื่นตัวเช่นกัน แม้เขาจะมีจุดประสงค์อื่นเป็นของตัวเอง ทว่าหากศึกในครั้งนี้ สามารถได้รับรางวัลเพิ่มเติมได้ เขายินดีที่จะตั้งใจทำงานให้มากขึ้นสักเล็กน้อย
“ขึ้นเครื่องได้!”
เย่ฮุนกล่าว ฝูงชนทยอยกันขึ้นยานอวกาศ ยานอวกาศลำนี้มีขนาดเกือบสามเท่าของเรือเหาะที่ออกแบบโดยกลุ่มเฟิงหลี ทว่าความเร็วในการบิน และพลังป้องกันของมัน มีเสถียรภาพดีมาก มากกว่าของเขาสามเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย
บนยานอวกาศ มีเลเวล S ทั้งสิ้นราวๆ 200 คน เพราะแม้เลเวล S ที่ถือกำเนิดในดาวดวงนี้จะมีมากถึง 400 คน แต่ใช่ว่าทุกคนจะอยู่เฉยๆบนดาวและไม่ทำอะไรเลย ยังไงก็เถอะ รวบรวมมาได้ 200 คนนับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยแล้ว!
แน่นอน ที่กล่าวมาเป็นในส่วนของเลเวล S เท่านั้น เลเวล A รองลงมาสามารถรวมพลได้มากถึง 3,000 คน
กำลังรบของเลเวล A ไม่ได้อ่อนแอเลย ทว่าในสนามรบแห่งนี้ เกรงว่าสุดท้ายพวกเขาอาจตกเป็นตัวรับกระสุน แต่สิ่งที่เย่ฮุนต้องการในตอนนี้คือตัวรับกระสุนนั่นเอง
ไป๋หลีก็ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวรับกระสุนเลเวล A เช่นกัน
ทว่าเธอไม่สนใจ เพียงติดตามฉินเฟิง บนยานอวกาศแม้ไม่มีแรงสั่นสะเทือน แต่ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ผลักกลับมา คาดว่ามันคงกำลังบินด้วยความเร็วสูง
ประกายไฟที่เกิดจากแรงเสียดทานปะทุเป็นหย่อม สว่างไสวท่ามกลางท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยสีเลือด
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ยานอวกาศลำใหญ่นี้ ก็เดินทางมาถึงจักรวาล เบื้องล่างของพวกเขาเป็นดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณสีเขียว นั่นคือดาวทะเลดอกไม้
จากนั้น ฉินเฟิงแหงนมองขึ้นไป มองพรมเชื้อราที่กำลังใกล้เข้ามา บางคนเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
เพราะพรมเชื้อราเบื้องหน้า มันแทบจะไร้ขอบเขต มีขนาดใหญ่มาก กางเป็นแนวนอนกระจายออกไปทั่ว หากรวบพรมเชื้อราในตอนนี้ จะสามารถกลืนดาวทะเลดอกไม้ได้ถึงครึ่งดวง
คุณลองจินตนาการดูได้ ว่ามันน่าหวาดกลัวขนาดไหน
ตูม ตูม ตูม!!
ยานอวกาศยิงปืนใหญ่เป็นชุด พยายามทำลายพรมเชื้อราที่ปกคลุม เบื้องหลังของฉินเฟิง มียานอวกาศตามมา และเริ่มระดมยิงเช่นกัน
ตะขาบกระหายเลือดถูกระเบิดตายเป็นชิ้น กระจัดกระจายในความว่างเปล่า
เห็นได้ชัดว่าเผ่าแมลงก็เตรียมรับมือเอาไว้เช่นกัน ฝูงตะขาบกระหายเลือดที่แข็งแกร่งกว่าบนโลก คืบคลานออกมา จากนั้นขยายขนาดอย่างบ้าคลั่ง โถมทับลงบนยานอวกาศ
พวกมันทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นตะขาบกระหายเลือดที่มีความแข็งแกร่งในเลเวล A
รู้อะไรไหม แม้ยานอวกาศจะช่วยกันยิงสนับสนุน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถต้านทานการบุกทะลวงของกองทัพสัตว์ร้ายระดับสูงได้ แม้ว่าการยิงปืนใหญ่จะสามารถคุกคามการดำรงอยู่ในเลเวล A แต่ไม่สามารถสังหารได้ในลมหายใจเดียว
ยานอวกาศเหล่านี้ เนื่องจากขนาดของมัน ทำให้พลังงานของลูกปืนใหญ่ที่บรรทุกมาไม่ด้อยไปกว่าเมืองลอยฟ้าเลย อย่างไรก็ตาม กำลังรบของเมืองลอยฟ้า สามารถจัดการได้เฉพาะผู้ใช้พลังเลเวล A เท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อต่อกรกับสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน!
“เผชิญหน้าศัตรู!” เย่ฮุนตะโกน ก้าวออกไปเป็นคนแรก
คนอื่นๆก้าวตาม
ผู้ใช้พลังเลเวล A สามารถต่อสู้ในอวกาศได้ แต่อำนาจสังหารจะไม่ทรงพลังเทียบเท่าบนโลก มีเฉพาะเลเวล S เท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
สิ่งที่โชคดีก็คือ พลังงานจักรวาลในที่นี้ไม่ได้มีความรุนแรง มันสงบมาก มันเหมือนกับการอยู่ในพื้นที่ที่ปราศจากแรงโน้มถ่วง ไม่มีผลกระทบต่อการแสดงฝีมือของฉินเฟิงจนเกินไป
เบื้องหน้าคราคร่ำไปด้วยตะขาบกระหายเลือดเลเวล A เป็นธรรมดาที่ร่างกายของพวกมันจะมีขนาดใหญ่โตกว่าเลเวล C แต่ละตัวมีความยาวเป็น 100 เมตร มนุษย์เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมัน ไม่ต่างจากเมล็ดงา กวาดครั้งเดียวก็หายไป
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเลเวล A มากกว่า 1,000 ตัว สีหน้าของผู้ใช้พลังก็เคร่งเครียดยิ่งขึ้น แม้ผู้ใช้พลังเลเวล A จะมีจำนวนมากถึง 3,000 คน และเห็นได้ชัดว่ากำลังรบมากกว่าอีกฝ่ายถึงสามเท่า แต่พวกเขากลับไม่มีความเชื่อมั่นใดๆ มิอาจแสดงความมั่นใจออกมาได้แม้แต่น้อย
เพราะขณะนี้ ข้อได้เปรียบเสียเปรียบมันเยอะเกินไป พวกเขาไม่มีที่คุ้มภัยใดๆในจักรวาล ที่สามารถพึ่งพาได้ มีแค่ตัวเองเท่านั้น!
“สนามพลังกำลังภายใน!”
“เทคนิควังวนสมุทร!”
“เทคนิคปล่องภูเขาไฟ!”
“เทคนิคโลกวายุ!”
ผู้ใช้พลังเลเวล A ทุกคนที่สามารถเรียนรู้ทักษะเขตแดนได้ ต่างปลดปล่อยมันออกมา เพียงแต่ว่า นี่สามารถใช้ป้องกันได้เท่านั้น
แน่นอน ผู้ใช้พลังเหล่านี้ คอยรั้งอยู่เบื้องหลังเลเวล S มิฉะนั้นคงไม่สามารถรับประกันใดๆได้ทั้งสิ้น
ทว่า เลเวล S เลือกเฝ้ารออย่างร้อนใจ ยังไม่มีแผนจะกระโจนเข้าตะลุมบอล
มีแค่ฉินเฟิงที่ต่างออกไป มองไปยังฝูงตะขาบกระหายเลือดเลเวล A ที่อยู่ตรงหน้า นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
เจ้าพวกนี้คือสิ่งที่สามารถช่วยเพิ่มพละกำลังแก่เขาได้
ดังนั้นการมาเยือนของพวกมัน ฉินเฟิงออกไปต้อนรับด้วยความยินดี
ฟุบบบ!
ร่างของฉินเฟิงทะยานไปข้างหน้า กลายเป็นม้าตัวแรกที่นำฝูง ผู้ใช้พลังคนอื่นๆเมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งหมดต่างตกตะลึง
“นั่นเขาคิดจะทำอะไร? หาที่ตายหรือ?”
“คนๆนี้มาจากที่ไหนกัน? ทำไมถึงได้โง่นัก! ในเวลาแบบนี้ยังคิดอวดโอ้พลังอีกหรือ!”
“ไม่ใช่คนของเรา บางทีอาจมาจากพันธมิตรมนุษย์”
ผู้ใช้พลังเลเวล S เจ้าถิ่นไม่รู้จักฉินเฟิง ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครคิดช่วยเหลือเขา อีกอย่างตอนนี้ฉินเฟิงได้บุกไปถึงระยะโจมตีของฝูงศัตรูแล้ว
ในเวลานั้นเอง พลังสมาธิจากในร่างฉินเฟิง พุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบนทันใด
พลังสมาธิแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นสัตว์ยักษ์น่าเกรงขาม อักษรรูนลอยออกมา กลิ่นอายแห่งความตายปกคลุมหนาแน่น เหนือศีรษะของฉินเฟิง หัวมังกรดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
ช่วงเวลาถัดมา พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกกระตุ้นอีกครั้ง มังกรใหญ่อ้าปากกว้าง
“เทคนิคจ้าวมังกรคำรน!”
เทคนิคอบิลิตี้เลเวล SS ฉินเฟิงสามารถปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นเย่ฮุนผู้ใช้อบิลิตี้ไม้เลเวล SS2 ก็ยังไม่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ อำนาจของจ้าวมังกรคำรน
เสียงคำรามของมังกรที่ฉินเฟิงเปล่งออกมาเสมือนดั่งคลื่นเสียง ก่อขบวนเป็นทรงพัด กวาดออกไปเบื้องหน้า คลื่นแห่งความมืดมิดอันน่าหวาดกลัวก่อตัวขึ้น
ตะขาบกระหายเลือดเลเวล A ข้างหน้า ถูกพลังนี้กลบกลืนไปสิ้น พวกมันไม่ทันได้ดิ้นรน ก็สลายกลายเป็นขี้เถ้าทันที ราวกับว่าถูกกัดกร่อนโดยน้ำกรดร้ายแรง ละลายไปพร้อมกับกระแสเสียง
หากทั้งหมดมีแค่นั้น มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่อบิลิตี้ที่ฉินเฟิงปลดปล่อย มันกินขอบเขตช่วงใหญ่เกินไป ตะขาบกระหายเลือดเลเวล A จำนวนหลายพันตัว ไม่ว่าจะเป็นระดับราชันย์หรือจักรพรรดิ กระทั่งการดำรงอยู่ระดับสัตว์เทวะ ล้วนมิอาจต่อกร ถูกกลืนหายไปในลมหายใจเดียว
เทคนิคอบิลิตี้เลเวล SS เมื่อใช้กับสัตว์ร้ายพวกนี้ ผลลัพธ์มันร้ายแรงเกินไป ส่งผลให้ตะขาบกระหายเลือดตัวนี้ตกตายสิ้น
ขณะเดียวกัน ภายใต้การตกตายของตะขาบกระหายเลือด ร่างเนื้อของฉินเฟิง ถูกเติมเต็มจนรู้สึกอิ่มขึ้นมาทันตา มันแทบอดใจไม่ไหวต้องเรอออกมาดังๆ
ตูมมมม!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ ยกระดับขึ้นสู่เลเวล A5 !!!