บทที่ 94 การประชุม (1)
มีคนห้าคนจากทุกเพศทุกวัยรวมตัวกันอยู่ในห้อง
ในขณะที่มีเทียนเพียงเล่มเดียวที่ส่องสว่างอยู่ภายในห้อง สาวผมบลอนด์ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับสถานการณ์หนักๆก็เปิดปากของเธอ
“จริงไหมที่ ‘ดาบ’ กำลังเคลื่อนไหว?”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความระคายเคือง
เชพเพิร์ดจุนชายวัยกลางคนที่ถูกหญิงสาวจ้องมองทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น
“เขายกเลิกเวทย์กำแพงที่เขาวางไว้ในป่าออก เชื่อฉันสิราวเดอร์เชอริลฉันยอมพนันกับชื่อเสียงของฉันเลย”
หากใครได้อยู่ที่นี้พวกเขาจะต้องสงสัยในสายตาของตัวเอง
เชพเพิร์ดจุนมาสเตอร์หอคอยเวทย์มนตร์และหัวหน้าตระกูลจุนที่มีชื่อเสียงกำลังแสดงท่าที่แตกต่างจากสาวน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ?
เขาไม่กล้าสบตากับผู้หญิงคนนี้และหลีกเลี่ยงมันอย่างต่อเนื่องหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตามไม่มีใครในเซอร์เคิลที่จะจับผิดการกระทำของเชพเพิร์ดจุนเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเขา
ราวเดอร์เชอรีล!
เด็กสาวผมบลอนด์คนนี้มีตำแหน่งเป็นอันดับที่สองในการบังคับบัญชาของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์หนึ่งในบิ๊กทรีของเซอร์เคิล
หากมองอย่างผิวเผินเธอดูเหมือนจะเป็นสาวผมบลอนด์ที่อายุไม่เกินยี่สิบปีแต่ความจริงแล้วเธอเป็นแวมไพร์ที่มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว
เชอริลยิ้มเล็กน้อยและเชิดคางขึ้น
“เขากำลังมุ่งหน้าไปที่ใด”
“เมืองพิลเล็ตที่เราอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือเหตุผลที่ฉันเรียกพบคุณ”
“ฮึ่ม…”
ดวงตาคมสีแดงเข้มของเชอรีลกวาดไปทั่วห้องและจ้องมองทุกคน
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้รับการจ้องมองของเธอจะรู้สึกไม่สบายใจและพวกเขามักจะรีบหลีกเลี่ยงที่จะสบตากับเธอ
เธอเลียริมฝีปากของเธอหนึ่งครั้งก่อนที่จะพูด
“มันสมเหตุสมผลแล้วที่คุณเรียกหาฉัน ท้ายที่สุดคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากลูกเจี๊ยบที่อยู่ต่อหน้าอะโพคาลิปส์”
กระทืบ
เธอกัดฟันด้วยความโกรธ
“คุณลืมการต่อสู้กับนอซด็อกไปแล้วหรือ? โทร์วแมนริงส์ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับบิ๊กทรีเกือบจะถูกทำลายล้างในการรบเพียงครั้งเดียว ในตอนนั้นเราได้รับข้อมูลเพียงชิ้นเดียวและนั่นคือความจริงที่ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นมีพลังแห่งความตาย”
หลายร้อยเกือบพันคนเสียชีวิตเพียงเพื่อให้ได้ข้อมูลเพียงชิ้นเดียว
เธอรู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนมีความสามารถมาก แม้แต่เชอริลคนเดียวก็มีความรู้และประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาหลายศตวรรษ
ตราบใดที่เธอมีแผนการที่ดีพอเธอนั้นสามารถรื้อป้อมปราการเล็กๆ ด้วยตัวคนเดียวได้
แต่ฝ่ายตรงข้ามในครั้งนี้คือเดมิก็อดสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติที่สามารถทำลายเมืองหรือแม้แต่ประเทศด้วยตัวเองขึ้นอยู่กับอำนาจ
เชพเพิร์ดส่ายหัวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“แน่นอนผมไม่ได้เรียกคุณมาที่นี่เพื่อต่อสู้”
“แล้ว?”
“เรากำลังคิดจะไล่ตามเขาไป”
เป็นผู้ชายผมเทาที่พูดแบบนั้น
เชอริลขมวดคิ้ว
“ขออีกครั้งนาย…นายชื่ออะไรนะ?”
“ไฮนซ์เบลดครับราวเดอรเชอริล”
“ผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดในสโตรว์เน็คลิซ ฉันเคยได้ยินข่าวลือ”
อย่างไรก็ตามเธอยังคงมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคมของเธอ
“เราจะได้อะไรจากการติดตามเขา?”
“เราได้รับข้อมูลว่าเดมิก็อดกำลังรวบตัวอยู่ด้วยกันสักที่หนึง”
เชพเพิร์ดเป็นคนพูดแต่เชอริลก็ไม่ละสายตาจากไฮนซ์
“แหล่งข้อมูลมาจากที่ใด?”
"จากผมเอง"
เป็นอีกครั้งที่ไฮนซ์เป็นคนพูด
การแสดงออกของเชอริลกลายเป็นเรื่องแปลก
“เป็นข้อมูลจากตระกูลเบลคหรือเปล่า?”
“ผมแอบได้ยินการสนทนาระหว่างอิซากะเบลดกับเดมิก็อด”
“…”
ความจริงที่ว่าอิซากะหัวหน้าตระกูลเบลดมีความสัมพันธ์บางอย่างกับ เดมิก็อดนั้นเป็นความลับที่เปิดเผยในบรรดาตำแหน่งหลักๆของเหล่าเซอร์เคิลเท่านั้น
และไฮนซ์ก็เป็นคนรายงานเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็ยังคงให้ข้อมูลกับเซอร์เคิลซึ่งไม่สามารถหาได้ด้วยวิธีการปกติ
ดังนั้นข้อมูลที่ไฮนซ์นำมาจึงมีความน่าเชื่อถือสูง
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายคนในเซอร์เคิลที่สงสัยเขา
การแสดงออกของไฮนซ์ยังคงสงบแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธออาจเป็นหนึ่งในนั้นที่สงสัยเขาก็ตาม
เขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก
‘เขาเป็นเด็กแปลก ๆ ’
นั่นคือสิ่งที่เชอริลมีต่อไฮนซ์
แม้จะมีประสบการณ์แต่ก็ยากที่เธอจะมองทะลุจิตใจเขาได้
เขาอาจจะพูดความจริงหรือไม่ก็เขาโกหกได้เก่งมากๆ
“การประชุมจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในลัวโนเบิลแต่ผมไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน”
“ลัวโนเบิล? นั่นคือทิศทางตรงกันข้ามกับที่นี้”
“ผมคิดว่าเขาต้องการใช้หินวาร์ปที่นี่”
ครู่หนึ่งความเงียบก็เกิดขึ้นในห้อง
“เดมิก็อดใช้หินวาร์ปนี่นะ? พวกเขามีรูปแบบการเดินทางเป็นของตัวเองนิ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพวกเขาเข้ามาในเมืองมนุษย์เพียงเพื่อใช้หินวาร์ป”
คราวนี้ดูเกนจาร์ซึ่งเป็นฟอร์สออเนอของไพลส์ฟาวเดอร์อาร์เมลท์เป็นคนถาม
เชพเพิร์ดจ้องมองมาที่เขา
‘เขาเปลี่ยนไปมาก’
ดูเกนจาร์เป็นพ่อมดที่มีข่าวลืออย่างกว้างขวางว่ามีบุคลิกที่ไม่ค่อยตรงกับความสามารถของเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นอาร์ชเมจระดับ 7 ดาว แต่ความดื้อรั้นและความใจแคบทำให้เขาไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริหารคนอื่นๆของเดอะบิ๊กทรี
อย่างไรก็ตามชายคนนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ว่ากันว่าเขาไม่เคยโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องไร้จุดหมายอีกต่อไปและชื่อเสียงของเขาในเซอร์เคิลก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
เชพเพิร์ดไม่เชื่อในตอนแรก แต่หลังจากใช้เวลาสองสามวันนี้ร่วมกันและพูดคุยกับเขาเชพเพิร์ดก็รู้ว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆ
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนว่าดูเกนจาร์จะสำนึกอะไรบางอย่าง
จากนั้นอัศวินที่มีหนวดหนาก็แตะลงบนชุดเกราะของเขา
“นั่นไม่ใช่ปัญหา นี่เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก เราจะแน่ใจได้หรือไม่ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำลายเมืองพิลเล็ต”
เขาเป็นผู้บริหารจากลูซิดซอร์ดชื่อเจอโรมเบอร์เนอร์
ไฮนซ์ส่ายหัว
“ถ้านั่นคือจุดประสงค์ของเขาเขาคงไม่เคลื่อนไหวช้าขนาดนี้และปล่อยให้เราจับทางเขาได้”
“มันอาจจะเป็นเพียงความตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ไร้จุดหมายไปกว่าการพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตนเองในพฤติกรรมของเดมิก็อด”
“นั่นเป็นเรื่องจริงแต่พิลเล็ตมีตระกูลเบลคอยู่ เดมิก็อดมีความสัมพันธ์กับตระกูลเบลดดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าพวกเขาจะโจมตีสถานที่นี้”
“…”
เจอโรมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะไม่สามารถหาอะไรมาหักล้างได้
เชอริลกดขมับก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจละเขามาที่พิลเล็ตเพียงเพื่อใช้หินวาร์ปเพื่อมุ่งหน้าไปยังลัวโนเบิลจากนั้นเขาจะเข้าร่วมการประชุมของเหล่าเดมิก็อดซึ่งจัดขึ้นที่ไหนสักแห่งแถวๆนั่น”
"ถูกตัอง"
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับข้อมูลพวกนี่”
เชพเพิร์ดเห็นด้วยกับเชอริล
โดยปกติแล้วเมื่อศัตรูมารวมตัวกันในที่แห่งเดียวมันเป็นโอกาสที่ดีที่จะโจมตีพวกเขาในครั้งเดียว
อย่างไรก็ตามศัตรูของพวกเขาคราวนี่คือเดมิก็อด
คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเอาชนะเดมิก็อดเมื่อพวกเขารวมตัวกัน
หากต้องการพูดอย่างตรงไปตรงมาหากเดมิก็อดหลายสิบรวมตัวกันในที่เดียวเหล่าเซอร์เคิลไม่น่าจะสามารถทำอะไรได้แม้ว่าสมาชิกทุกคนจะปรากฏตัวก็ตาม
ไฮนซ์พูดอย่างใจเย็น
“ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของเซอร์เคิล ไม่เคยมีกรณีการรวมตัวของเดมิก็อดมากกว่า10คน สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เย่อหยิ่งเหล่านั้นการมารวมตัวกันในที่เดียวเพื่อพูดคุยบางสิ่งบางอย่างผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวกับอะไร แต่ผมแน่ใจว่ามันจะต้องมีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ”
“…ดังนั้นนายต้องการแอบฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกัน?”
“ผมคิดว่ามันจะคุ้มค่าที่จะเสี่ยง”
“…”
เชอริลแตะที่คางของเธอ
แน่นอน…ไฮนซ์พูดถูก
ไม่ใช่แค่เรื่องของความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
หากมีบางสิ่งที่ทำให้เดมิก็อดรวมตัวกันหลายสิบตัวมันก็คุ้มค่าที่จะสืบดูแม้จะเสี่ยงชีวิตก็ตาม
“และเราไม่จำเป็นต้องโจมตีเดมิก็อดโดยตรง”
"ฮะ?"
“ฉันได้ยินมาว่าอัครสาวกจะมาร่วมประชุมกับพวกเดมิก็อดด้วย”
“…!”
ข้อมูลนี้ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมกระจายไปทั่วห้อง
เชอริลจ้องไปที่ไฮนซ์ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“นายแน่ใจในข้อมูลนี้หรือ?”
"ถูกตัอง"
“…”
หากเป็นเช่นนั้นสถานการณ์จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
วิธีที่ได้ผลที่สุดที่พวกเขารู้คือการฆ่าอัครสาวกจะส่งผลกับเดมิก็อด
เหล่าเซอร์เคิลยังไม่ทราบว่าเดมิก็อดจะต้องเผชิญกับบทลงโทษประเภทใดเมื่ออัครสาวกของพวกเขาเสียชีวิต แต่พวกเขารู้ว่ามันทำให้รูปแบบการทำงานปกติของพวกเขาหยุดลง
และผู้คนในห้องนี้ล้วนมีพลังมากพอที่จะจัดการแม้แต่อัครสาวกที่เก่งกาจที่สุด
‘แม้ว่าเราจะกำจัดพวกมันไปได้แต่ก็ได้ผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่’
ทุกคนดูเหมือนจะหันมามองที่เชอริลในเวลาเดียวกัน
นี่เป็นเพราะเธอเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบรรดาผู้ชุมนุม
เชพเพิร์ดและไฮนซ์เป็นคนที่เรียกการประชุมนี้แต่เพื่อที่จะดำเนินการในกรณีฉุกเฉินการปรากฏตัวของราวเดอร์เชอริลเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
พวกเขาไม่มีอำนาจในเรื่องนี้
"ดี"
ริมฝีปากของเชอริลค่อยๆแยกออก
“อันดับแรกเราจะอยู่ในพิลเล็ตและติดตามสถานการณ์ และหลังจากที่ดาบเคลื่อนไหว เราก็จะตามเขาไปเข้าใจไหม?”
ทุกคนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง