ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 40 เจ้ามีความเห็นเช่นไร?
บทที่ 40 เจ้ามีความเห็นเช่นไร?
ร่างกายที่เต็มไปด้วยไขมันของจ้าวต้าจื่อสั่นสะท้านด้วยหวาดกลัวคำข่มขู่ของปีศาจเพลิง หากตนเดินออกไปจากจุดนี้เพียงก้าวเดียวอาจถูกคลื่นความร้อนจากอีกฝ่ายแผดเผาร่างจนมอดไหม้!
ทว่าเยี่ยฉวนกลับมีท่าทีตรงข้าม...เขายังคงเดินทอดน่องวนรอบตลาดมืดอย่างไม่ทุกข์ร้อนหรือหวาดกลัวว่าชายชราเคราแดงจะไล่ตามมา จ้าวต้าจื่อไร้ทางเลือกจึงเดินตามศิษย์พี่ใหญ่ด้วยความจำใจ
เยี่ยฉวนเดินวนทุกมุมของตลาดจนพอใจก่อนมาหยุดยืนบริเวณหน้าถ้ำ...
ถ้ำนี้ไร้การตกแต่งและมีขนาดใหญ่กว่าถ้ำทั่วไปถึงสามเท่า ทั้งยังมีการตั้งแผงขายของหลายร้าน สินค้าที่นำมาจำหน่ายเช่นดาบบินสีดำสนิทลวดลายแพรวพราว ชุดเกราะหนักสีดำเมี่ยมราวน้ำหมึก และเวชภัณฑ์หลากประเภท...บุคคลที่ยืนเฝ้าแผงดังกล่าวเป็นชายชราผู้มีร่างกายผอมจนผิวหนังซูบติดกระดูก...แก้มตอบจนโครงสามเหลี่ยมบนใบหน้าเด่นชัด เขามองบรรดาลูกค้าที่มีเงินไม่เพียงพอด้วยสายตาดูถูกราวพวกเขาติดค้างเงินสามร้อยตำลึง!
เยี่ยฉวนกำลังจะเดินผ่านถ้ำแห่งนี้ไป ขณะนั้นเองโคมบงกชสีครามในร่างของเขาเต้นตุบๆ อย่างนุ่มนวลตอบสนองต่อความแปรปรวนของพลังบางอย่างที่เจือจางอยู่ในอากาศ สองเท้าของเขาหยุดชะงักทันทีขณะมองไปยังแผงขายของของชายชราผู้นั้น...
“หืม?!”
เยี่ยฉวนเผลออุทาน เมื่อรับรู้ว่าโคมบงกชสีครามเกิดปฏิกิริยายามสัมผัสถึงสมบัติล้ำค่าที่อยู่ใกล้เคียง ทว่าร้านค้าของอีกฝ่ายมีสินค้าวางขายเต็มไปหมดเช่นนี้ เขาจะหาสมบัติชิ้นนั้นเจอได้อย่างไร?
เขากวาดสายตามองสินค้าทีละชิ้นช้าๆ อย่างพิจารณา กระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ตรงถุงขนาดเล็กที่วางแอบอยู่ในมุมหนึ่ง ภายในถุงบรรจุดินผสมปนกับเมล็ดพืชสีฟ้าอ่อน...แววตาวูบไหวด้วยความประหลาดใจและสับสน
“เขาคือผู้เฒ่าแห่งสำนักเบญจลักษณ์...ฉายาเฒ่าโหวจอมลวงโลก! เขาขายทุกอย่างแม้แต่หม้อปัสสาวะโดยตั้งราคาแพงเสียจนไม่มีผู้ใดจับต้องได้ ทั้งยังมีทักษะการฉ้อโกงเป็นเลิศ” จ้าวต้าจื่อก้าวไปกระซิบเตือนข้างหูเยี่ยฉวน
เจ้าอ้วนมาเดินเล่นที่ตลาดมืดแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งจึงคุ้นเคยและรู้จักผู้ค้าขายที่นี่เป็นอย่างดี ทว่าเขาไม่เคยซื้อของชิ้นใดจากเฒ่าโหวเลย ทุกครั้งที่เดินผ่านร้านของชายชราเขามักเร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
แม้ปีศาจเพลิงตั้งราคาก้อนผลึกเหล่านั้นสูงลิบ แต่ก้อนผลึกเหล่านั้นก็มีคุณภาพดีเยี่ยม ต่างจากเฒ่าโหวจอมลวงโลกที่อ้างความเป็นศิษย์ของสำนักเบญจลักษณ์กว้านซื้อกระบี่บินไร้ความนิยมและยาเม็ดด้อยคุณภาพในราคาถูก ทว่านำมาขายโดยตั้งราคาแพงเกินควรด้วยหวังตบตาผู้ที่มาเยือนตลาดมืดเป็นครั้งแรก
“อย่างนั้นรึ?”
เยี่ยฉวนยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจคำเตือนของเจ้าอ้วนพร้อมเดินปรี่เข้าไป ก่อนหยิบกระบี่บินขึ้นพินิจอย่างละเอียดพลางเอ่ยถาม “ท่านผู้เฒ่า...กระบี่บินเล่มนี้ขายอย่างไร?!”
“แปดร้อยสี่สิบสามตำลึง” เฒ่าโหวมองลูกค้ารายใหม่ด้วยหางตาพลางเอ่ยตอบเสียงกร้าว
“แพงกว่าแปดร้อยกว่าตำลึงงั้นรึ?! คุณภาพต่ำเช่นนี้ควรมีราคาเพียงแปดสิบตำลึงเท่านั้น!”
จ้าวต้าจื่อโคลงศีรษะด้วยความขัดใจเมื่อเห็นเฒ่าโหวหลอกขายกระบี่บินคุณภาพต่ำซึ่งหน้า หากผู้ที่ไม่รู้ชื่อเสียงด้านลบของชายชราผู้นี้อาจหลงเชื่อโดยง่ายว่าสินค้าเหล่านี้คงเป็นของหายากอย่างแท้จริง แม้พื้นผิวบนใบดาบมีแสงสว่างเรืองไหลเวียน...ทว่าภายในทำขึ้นจากหินหยกธรรมดาที่ไร้ความแปรปรวนของพลังงานใดๆ ทั้งยังไม่มีค่าพอที่จะเป็นอาวุธวิเศษด้วยซ้ำ!
“แล้วแหวนวงนี้ล่ะ?” เยี่ยฉวนวางกระบี่บินลงก่อนหยิบแหวนอีกวงขึ้นก่อนถามด้วยรอยยิ้ม
“หนึ่งพันสองร้อยตำลึง” เฒ่าโหวกล่าวตอบ
“ลดราคาลงหน่อยได้หรือไม่?”
“ที่นี่ไม่มีการต่อรอง!”
“แล้วแส้ยาวนี่ล่ะ?”
“สองพันเจ็ดร้อยตำลึง”
“แล้วไม้เท้านี้ล่ะ?”
จ้าวต้าจื่อรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเฒ่าหูจอมลวงโลกโก่งราคาสินค้าสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากผละออกจากร้านไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่เยี่ยฉวนกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยั่วโมโหอีกฝ่ายด้วยการถามราคาสินค้าทุกชิ้น เฒ่าโหวไม่สบอารมณ์ยิ่ง แต่ยังอดทนพร้อมกล่าวตอบอย่างเสียมิได้
เป็นครั้งแรกที่ชายชราไม่ไล่ตะเพิดลูกค้าทั้งยังสะกดกลั้นอารมณ์ตนอย่างเต็มที่ เยี่ยฉวนชื่นชมสินค้าในร้านอย่างมีความสุขอยู่ครู่ใหญ่แม้รู้แก่ใจว่าสิ่งของเหล่านั้นล้วนไร้คุณภาพ เขาไล่ถามราคาของต่อไปโดยไม่ใส่ใจสีหน้าโกรธเคืองของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
“ถุงบรรจุดินตรงมุมนั้นเล่า...ท่านตั้งราคาไว้อย่างไร?” เขามองไปยังถุงขนาดเล็กที่หมายตาไว้ตั้งแต่แรกก่อนเอ่ยถามอย่างใจเย็น เฒ่าโหวแทบกระอักเลือดอย่างหมดความอดทน!
“ไอ้หนู ดวงตาของเจ้าไร้แววหรืออย่างไร? นี่คือถุงเมล็ดพันธุ์พืชไม่ใช่ถุงดิน!” เฒ่าหูพ่นลมหายใจแรงด้วยระงับความโกรธไม่ได้อีกต่อไปก่อนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าต้องจ่ายเงินซื้อของจากร้านข้าหนึ่งพันตำลึง...จึงจะได้รับของกำนัลเป็นเมล็ดพันธุ์ถุงนี้!”
“โอ้ ท่านมีวิธีการขายที่ยอดเยี่ยมเสียจริง! ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นนอกจากถุงดินนั่น! มันมีราคาเท่าไร?” เยี่ยฉวนยิ้มก่อนเหลือบมองเจ้าอ้วนที่รู้งานและเร่งควักเงินออกมา...
“ไอ้เด็กนี่! เจ้า....”
เฒ่าโหวโกรธายิ่ง! ชีวิตนี้ไม่เคยพบผู้ใดยียวนประสาทเท่าเด็กหนุ่มตรงหน้า! ครั้นกำลังจะอ้าปากก่นด่าอีกฝ่าย สายตาก็เหลือบไปเห็นเหรียญจำนวนหนึ่งในมือของจ้าวต้าจื่อเสียก่อน จึงกลืนคำสบถสาปแช่งต่างๆ ลงคอพลางโบกมือ “ไอ้หนู สายตาของเจ้าหลักแหลมยิ่ง! ข้าคิดราคาถุงเมล็ดพันธุ์นี้ที่สามตำลึง”
“ท่านคิดราคาถุงดินโสโครกนั้นตั้งสามตำลึงเชียวรึ?!”
เจ้าอ้วนขบกรามอย่างไม่พอใจที่ต่างฝ่ายต่างต่อราคาและโก่งราคากันไม่จบสิ้น!
บนแผงขายของมีดาบบินและสมบัติอื่นหลากหลาย ทว่าศิษย์พี่ใหญ่กลับพึงใจถุงดินที่ไร้มูลค่าใบนั้น แม้เขาบ้าบิ่นเพียงใดแต่เฒ่าโหวนั้นยิ่งกว่า! การที่เขาโก่งราคาดินที่หาได้ทั่วไปสูงถึงเพียงนี้ ช่างขี้โกงสมฉายาจอมลวงโลกเสียจริง!
“เจ้าอ้วน อย่าบ่นไป...ซื้อถุงดินนี่ไว้เป็นอาหารปลาเถิด แม้ครอบครัวของเจ้าจะทำกิจการค้าข้าวร่ำรวยเพียงใด แต่ประหยัดเงินไว้ก็เป็นการดีกว่าจริงหรือไม่?!”
เยี่ยฉวนรับถุงใบเล็กจากมือเฒ่าโหวก่อนกวาดสายตามองโดยรอบพร้อมหมุนกายจากไป...
ใบหน้าของจ้าวต้าจื่อแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างกระดากอายเมื่อรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่ลืมคำที่ตนเคยโอ้อวด ขณะที่เฒ่าโหวจอมลวงโลกยิ้มกว้างให้กับเด็กหนุ่มทั้งสองผู้ถูกเขาต้มตุ๋นสำเร็จ! แม้การขายครั้งนี้จะได้เงินไม่มากนักแต่ยังนับว่าได้กำไร...ใครจะคาดคิดว่าดินถุงเล็กเท่าฝ่ามือจะทำเงินได้ในราคาสูงถึงสามตำลึง!
เยี่ยฉวนหยิบเมล็ดพันธุ์สีฟ้าอ่อนในถุงใบน้อยออกมา พลางพินิจอย่างถี่ถ้วนด้วยความสุขระคนตื่นเต้น พร้อมก้าวยาวๆ ออกไปจากที่นี่...ยามนี้เขาไม่สนใจแผงลอยร้านอื่นอีกต่อไป
เฒ่าโหวจอมลวงโลกผู้นั้นคงไม่รู้ตัวว่าการค้าขายในครั้งนี้เป็นความผิดพลาดและขาดทุนที่สุดในชีวิต! หากเขารู้ภายหลังว่าเมล็ดพันธุ์ในถุงนั้นล้ำค่าเพียงใด อาจร่ำไห้โดยไร้น้ำตาเพราะความเสียดาย!
เดิมทีจ้าวต้าจื่อคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ซื้อของไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจนของอีกฝ่าย จึงรับรู้ว่าต้องมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเป็นแน่ “ศิษย์พี่ใหญ่ ถุงดินในมือท่านมีสิ่งล้ำค่าใดซ่อนไว้อย่างนั้นหรือ?!”
“เม็ดดินเหล่านี้ไร้ค่าราวลมที่ผายออก...” เยี่ยฉวนกล่าวตอบพลางยกยิ้มแฝงเลศนัย
“อย่างนั้น...เมล็ดพันธุ๋คือสิ่งล้ำค่าที่แท้จริงใช่หรือไม่?” เจ้าอ้วนถามอย่างใคร่รู้
เยี่ยฉวนสบตาจ้าวต้าจื่อ ไม่คาดคิดว่าศิษย์น้องร่างอ้วนจะมีไหวพริบดีเพียงนี้ “อืม...เป็นเช่นนั้น”
“เช่นนั้นคงเรียกตาเฒ่าโหวนั่นว่าจอมลวงโลกไม่ได้แล้วล่ะ! ศิษย์พี่ใหญ่ แท้จริงแล้วเมล็ดพันธุ์เหล่านี้สำคัญอย่างไรกันแน่?!” เจ้าอ้วนเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น เมื่อนึกถึงชายชราเจ้าเล่ห์ผู้ไม่รู้ตัวว่าสูญเสียสมบัติล้ำค่าไป เขาก็รู้สึกสาแก่ใจยิ่ง!
“ข้ายังไม่รู้แน่ชัด แต่หากการคาดเดาของข้าไม่ผิดพลาด...เมล็ดพืชเหล่านี้อาจมีมูลค่าสูงกว่ากระบี่บินเสียอีก! เจ้าอ้วน ข้ายินดีมอบมันให้เป็นของกำนัล...จงนำไปปลูกและรดน้ำพรวนดินให้ดี!” เยี่ยฉวนยื่นถุงใบน้อยให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณขอรับศิษย์พี่ใหญ่!”
จ้าวต้าจื่อยิ้มกว้างขณะรับถุงเมล็ดพันธุ์ซ่อนไว้กับตัวอย่างทะนุถนอม หลังติดตามรับใช้อีกฝ่ายเขาพบเจอเรื่องราวน่าอัศจรรย์ใจครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหน้านี้เยี่ยฉวนได้มอบเม็ดยาชำระไขกระดูกทำให้ทักษะการฝึกตนของเขารุดหน้าอย่างรวดเร็ว...ตอนนี้เขาก็ได้รับเมล็ดพันธุ์ลึกลับล้ำค่าอีก! ชีวิตนี้เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับผลประโยชน์จากศิษย์พี่ใหญ่มากมายเพียงนี้!
แม้ก่อนหน้านี้เขาเคยรังเกียจเยี่ยฉวนเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์ผู้อื่นในสำนัก ทว่าบัดนี้เขากลับรู้สึกเลื่อมใสในตัวอีกฝ่าย ทั้งยังรู้สึกขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่จากใจจริง!
ทั้งสองเร่งฝีเท้าเพื่อออกไปจากตลาดมืดแห่งนี้ ขณะเดินลัดเลี้ยวไปถึงมุมอับสายตา...ร่างของเยี่ยฉวนเกือบชนเข้ากับร่างแน่งน้อยที่โซซัดโซเซไปมาของสตรีนางหนึ่ง! นางสวมหมวกปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นเพียงลำคอระหงที่ขาวเนียนดุจหิมะ คาดเดาว่านางคงเดินเร็วจนเสียหลักสะดุดก้อนหินเข้า
“ศิษย์พี่ใหญ่! ระวัง!”
จ้าวต้าจื่อที่เดินตามหลังตะโกนดังลั่นด้วยความตระหนก! เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าก่อนสังเกตเห็นสายตาเฉียบคมที่ฉายแววเหยียดหยามคู่นั้น จึงไม่ยื่นแขนออกไปรับร่างของนางไว้ในอ้อมแขนแต่กลับเบี่ยงกายหลบไปด้านข้าง ทันใดนั้นเรื่องน่าอับอายจึงเกิดขึ้น!
เรือนร่างเพรียวบางได้สัดส่วนของสตรีนางนั้นพลันเสียหลัก ชนเข้ากับร่างอันอวบอ้วนไปด้วยไขมันของจ้าวต้าจื่อโดยแรง จนหมวกไม้ไผ่สานที่นางสวมอยู่ร่วงหล่นกลิ้งไปกับพื้น เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวภาพวาด!