ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 34 โชคชะตามาถึงทางตัน
บทที่ 34 โชคชะตามาถึงทางตัน
หลังจูซือเจียออกจากยอดเขาไปไม่นานก็มีแขกไม่ได้รับเชิญจำนวนมากมาพบเยี่ยฉวน...
ในบรรดาผู้คนที่เดินทางมารับรางวัลจากเยี่ยฉวนมีทั้งผู้ที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า บ้างสวมหมวกไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ บางรายเป็นถึงศิษย์ชั้นเลิศแห่งสำนักชั้นใน คนเหล่านั้นต่างรับสมอ้างว่าตนเฆี่ยนตีเหอไท่ซวีสำเร็จ
หลังจูซือเจียจากไปข่าวลือยิ่งแพร่กระจายจากปากต่อปากราวระลอกคลื่น!
นอกจากพวกเขาจะได้ระบายความโกรธแค้นลงกับเหอไท่ซวีผู้เป็นคนของหอแปรธาตุแล้ว ยังได้รับรางวัลตอบแทนอีกด้วย ไม่มีผู้ใดอยากพลาดโอกาสดีงามเช่นนี้!
เยี่ยฉวนเตรียมรางวัลไว้พร้อมแล้วและทยอยมอบให้บรรดาศิษย์ผู้มาเยือนทีละคน
เยี่ยฉวนทำการชี้แนะจุดบกพร่องด้านทักษะการฝึกตนให้กับคนเหล่านั้น พบว่าพวกเขาไม่ได้มีทักษะด้อยหรืออ่อนแอแต่อย่างใด บางรายมีพลังยุทธ์ดุดันและรวดเร็วทว่ากลับมีอาการบาดเจ็บภายในหลายแห่ง เขาจึงแก้ไขอาการให้เบื้องต้น บางรายต้องการเคล็ดลับพิเศษเกี่ยวกับการฝึกตน เขาจึงจดเคล็ดลับเหล่านั้นลงในแผ่นกระดาษให้แต่ละคนโดยเฉพาะ
เยี่ยฉวนในภพอดีตเป็นถึงมหาปราชญ์จึงรอบรู้เคล็ดลับการต่อสู้กว่าสามพันเคล็ดวิชา ผู้คนในอดีตล้วนฝึกตนควบคู่ไปกับเคล็ดลับเฉพาะจึงไม่คิดว่าเป็นสิ่งที่สลักสำคัญ ทว่าบรรดาศิษย์ในภพปัจจุบันผู้ไม่เคยรับรู้เคล็ดลับเหล่านั้นต่างรู้สึกราวได้รับสมบัติล้ำค่า!
ผู้คนที่ขึ้นไปบนยอดเขาล้วนกลับลงมาพร้อมกับรางวัลที่คุ้มค่ายิ่ง!
ข่าวการได้รับรางวัลจากเยี่ยฉวนแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างจนฝูงชนเกิดความตื่นตัว! แม้ไม่รู้แน่ชัดว่าศิษย์พี่ใหญ่มีสมบัติล้ำค่าจำนวนมากจากอาณาจักรสวรรค์ในตำนานจริงหรือไม่...แต่เรื่องดังกล่าวส่งผลให้พวกเขาปักใจเชื่อเช่นนั้น ฝูงชนหลั่งไหลไปยังยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างต่อเนื่อง เพียงทำให้เยี่ยฉวนพึงใจก็ได้รับรางวัลเป็นการตอบแทนโดยไม่จำเป็นต้องขโมยด้วยซ้ำ!
ก่อนหน้านี้ ที่ปรึกษาชรามักใช้เส้นสายความเป็นคนใกล้ชิดกับบุตรชายแห่งหอแปรธาตุข่มขู่ผู้คนรอบข้างให้เกรงกลัว ทว่ายามนี้แม้เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงของหอแปรธาตุก็ถูกบรรดาศิษย์และเหล่าทหารอารักขาตามหาจนเจอ ผู้ใดบ้างไม่โหยหารางวัลอันหอมหวานจากเยี่ยฉวน พบหนึ่งครั้ง...ชนะหนึ่งครั้ง จนจำนวนผู้ที่เอาชนะเหอไท่ซวีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่ปรึกษาชราผู้อาภัพไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกผู้คนจำนวนมากทุบตีได้!
เหอไท่ซวีผู้คิดปล่อยข่าวลือให้บรรดาศิษย์ไปทำร้ายเยี่ยฉวน บัดนี้ข่าวลือกลับย้อนมาทำร้ายตัวเขาเสียเอง!
เขาต้องเผชิญจากแรงกดดันจากทั้งทางเจ้าแห่งหอแปรธาตุจินจื่อคุนผู้มีสีหน้าเครียดขึ้งด้วยใกล้หมดความอดทนเต็มที...หนำซ้ำยังให้เวลาเขาพิสูจน์ตนเองเป็นวันสุดท้าย และจากทางเยี่ยฉวนผู้รู้ทันแผนการของเขาและโต้กลับด้วยวิธีการอันแยบยลจนเขาตกที่นั่งลำบาก ชายชราผู้มองการณ์ไกลไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวดำเนินต่อไปเช่นนี้ แต่ละวันของเขาช่างยาวนานราวหนึ่งปี ยามนี้คงถึงจุดที่เขาต้องจัดการปัญหาด้วยตนเอง!
ยามราตรีเงียบสงบเพราะบรรดาศิษย์ต่างเข้าสู่สมาธิฝึกตน ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างเงียบเชียบ...
เหอไท่ซวีผู้มีผ้าพันรอบศีรษะหมายใช้ความมืดใช้ยามค่ำคืนลอบสังหารเยี่ยฉวน!
สองวันผ่านมาแผนการของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังถูกบรรดาศิษย์หลายคนเฆี่ยนตีจนร่างกายร้าวระบม หากปล่อยให้เวลาผันผ่านนานกว่านี้เขาคงถูกทำร้ายจนตายเข้าสักวัน จึงจำเป็นต้องสังหารเยี่ยฉวนด้วยน้ำมือตนเอง ไม่เช่นนั้นจุดจบของเขาคือการถูกจินจื่อคุนเนรเทศไปยังก้นบึ้งของหุบเหวมังกรปีศาจอย่างแน่นอน! ความเป็นตายบีบคั้นขนาบทุกทางจนเขาเลือกที่จะเสี่ยง!
ชายชราแอบฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากนอกประตูอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นจึงบุกเข้าไปในตัวเรือนอย่างว่องไวราวเสือดาว เขายกยิ้มเยือกเย็นพร้อมดึงกริชที่อาบด้วยพิษรุนแรงออกมา สองขาย่องเบาไปจนถึงห้องตำราจนพบเยี่ยฉวนซึ่งกำลังเข้าสู่สมาธิฝึกตนอยู่ที่นั่น...
“ไอ้หนู มอบชีวิตให้ข้าเสีย!”
เหอไท่ซวีผู้บรรลุขั้นซิวฉือระดับที่หนึ่งขบกรามแน่นก่อนกระโดดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้อง เขาวิ่งไปด้านหลังของเยี่ยฉวนพร้อมเงื้อกริชอาบพิษขึ้นสูงก่อนแทงไปที่ร่างของอีกฝ่ายสุดแรง! รอยยิ้มดั่งผู้ชนะประดับอยู่บนใบหน้าของเขา ครู่เดียวก็จางลงเพราะตรงหน้าเป็นเพียงท่อนไม้ที่มีเสื้อผ้าพาดอยู่เท่านั้น...เยี่ยฉวนไม่ได้อยู่ที่นี่!
“เฮ้อ ความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย ถึงขั้นต้องฆ่าแกงกันเชียวรึ?!”
เสียงถอนหายใจเบาแผ่วดังขึ้นจากทางด้านหลัง...
เยี่ยฉวนเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะปรากฏตัวอยู่ข้างหลังผู้บุกรุกอย่างเงียบเชียบ สายตาจ้องเขม็งไปยังอีกฝ่ายพลางยกยิ้มชั่วร้ายก่อนกล่าวถาม “เหอไท่ซวี ตามหาข้าอยู่หรือ?!”
“จะ...เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา?!” เหอไท่ซวีหันขวับอย่างรวดเร็วด้วยความตระหนกที่อีกฝ่ายเตรียมพร้อมราวคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
แผนลอบโจมตีของเขาล้มเหลวอีกครั้ง เรี่ยวแรงและความมุ่งมั่นสลายไปสิ้น คงเหลือเพียงความกระสับกระส่ายจนมือขวาที่ถือด้ามกริชสั่นสะท้าน ชายชราเคยพบยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นซิวฉือมาแล้วมากมาย ทว่าไม่เคยมีผู้ใดทำให้เขารู้สึกสั่นกลัวเช่นนี้! แม้ตนบรรลุระดับการฝึกตนขั้นที่สูงกว่าเยี่ยฉวนหนึ่งระดับ แต่เพียงมองเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของอีกฝ่ายเขากลับรู้สึกหวาดผวายิ่ง!
“หึ! หากข้าคาดเดาแผนการของพวกเจ้าไม่ได้ คงไม่มีชีวิตรอดจากไอ้จินหัวจนมาพบเจ้าในตอนนี้หรอก!”
เยี่ยฉวนพยักหน้าก่อนกล่าวต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บัดนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่ง ตายตามนายน้อยของเจ้าไปยังยมโลก หรือสอง ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วกลับตัวกลับใจเสีย อันที่จริงแม้เจ้าตายไปก็ไม่อาจลบล้างความผิดร้ายแรงทั้งหมดที่กระทำไว้ แต่หากมารับใช้ข้าบนยอดเขาเมฆาอินทนิล คอยจัดการงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกวาดพื้นหรือชงชา ถ้าปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้นได้อย่างดี ข้ายินดีชี้แนะเคล็ดการฝึกตนให้เจ้าอีกด้วย! ศิษย์พี่ใหญ่เช่นข้าเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่ไม่สังหารเจ้า หนำซ้ำยังมอบโอกาสอันงามถึงเพียงนี้! นับว่าประเสริฐนัก...”
“ถุย! เปี่ยมไปด้วยความเมตตางั้นรึ?! เจ้าน่ะเหี้ยมโหดยิ่งกว่าภูติอสูรกาย...ร้ายกาจยิ่งกว่ามารปีศาจ!”
เหอไท่ซวีมีประสบการณ์มากมายจึงไม่อ่อนไหวต่อคำพูดหว่านล้อมของเยี่ยฉวนเช่นจินหัว เขาสบถสาปแช่งอย่างโกรธเกรี้ยวพลางพุ่งตัวไปด้านหน้า หากเขาต้องตายอย่างน้อยก็ต้องทำให้คนตรงหน้ากลายเป็นแพะรับบาป หรือหากโชคชะตาเข้าข้างก็อาจสังหารอีกฝ่ายได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็จะได้รับอิสรภาพหลังจากหลบหนีออกจากยอดเขาแห่งนี้ ชายชราฝันเฟื่องไปจนถึงตอนที่ตนใช้ประสบการณ์เข้าหาตระกูลใหญ่ในอาณาจักรต้าฉินเพื่อฝากตัวเป็นที่ปรึกษาอีกครั้ง!
บุคคลที่ถูกต้อนไปสู่ทางตันมักสรรหาทุกหนทางที่มีมาใช้ เพื่อให้ตนมีชีวิตรอด!
เหอไท่ซวีพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นพร้อมจ้วงแทงสุดแรง จนปลายกริชอาบพิษอยู่ห่างจากลำคอเยี่ยฉวนเพียงครึ่งนิ้ว!
ไอ้หนุ่มน้อย! แม้เจ้ามีอุบายที่แยบยลและคาดเดาแผนการของผู้อื่นได้แม่นยำเพียงใดก็ไร้ประโยชน์...อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!
ชายชรายกยิ้มก่อนระเบิดหัวเราะดังลั่นพลางเผยสีหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว!
หึ่งๆ เสียงคล้ายคนพึมพำแผ่วดังขึ้นจากด้านหลัง ขณะที่เขากำลังจะใช้กริชเชือดคอเยี่ยฉวน ความเจ็บปวดราวถูกมดตะนอยทิ่มแทงก็แล่นขึ้นมาจากบริเวณบั้นท้ายจนร่างกายชาไปครึ่งซีก...
“บัดซบ! นี่มันอะไรกัน?!”
เขาเอื้อมมือไปตบบั้นท้ายของตนทว่าไม่พบสิ่งใดจึงหันกลับอย่างดุดัน ทันใดนั้นปรากฏแสงสีทองสว่างจ้าอยู่ตรงหน้า บริเวณดวงตาข้างขวาพลันเกิดความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาอย่างแสนสาหัสจนบอดสนิทและโชกไปด้วยเลือด! เขาลืมตาอีกข้างจึงเห็นแมลงวันอสูรฝูงใหญ่กำลังพุ่งเข้ามา
“อ๊าก… ไอ้สารเลว! เหตุใดเจ้าจึงร้ายกาจเพียงนี้?!”
เหอไท่ซวีแผดเสียงกรีดร้องอย่างสยดสยองขณะยกฝ่ามือขึ้นปิดดวงตาข้างที่บอดก่อนวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง! ชายชรารู้สึกหวาดกลัวยิ่งจนไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ ภายในเสี้ยววินาทีเขาไม่ทันมองเห็นด้วยซ้ำว่าแสงสีทองเมื่อครู่คือสิ่งใด...ไม่รู้แม้แต่วิธีการที่เยี่ยฉวนใช้โจมตีตน!
“ข้าเปล่าร้ายกาจ เป็นเจ้าต่างหากที่ไร้ความสามารถ! เหอไท่ซวี คุกเข่ายอมรับความพ่ายแพ้เสีย...เจ้าไม่มีทางหลีกหนีความตายพ้น!”
เยี่ยฉวนกล่าวอย่างไม่แยแสขณะไล่ตามอีกฝ่ายด้วยความใจเย็น โชคชะตาของเหอไท่ซวีดำเนินมาถึงทางตัน เขาคงไม่มีชีวิตรอดพ้นจากค่ำคืนนี้และไร้โอกาสเห็นแสงตะวันของวันรุ่งขึ้น...