[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 8 สามกลุ่ม
ตอนที่ 8 สามกลุ่ม
ที่ประตูใหญ่บ้านเลขที่ 88 ลานหน้าอาคารบ้านเช่า
ฉินหยู่ยิ้มและถามว่า “หลินเนี่ยนเหล่ย ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ฉันมานี่เพื่อดูบ้านเช่า” หลินเนี่ยนเหล่ยลูบปลายผมของเธอและถามอย่างเป็นกันเองว่า “แล้วคุณล่ะ”
“บังเอิญน่ะ” ฉินหยู่ผงะ “ฉันก็มาที่นี่เพื่อดูบ้านเหมือนกัน”
“หือ?” หลินเนี่ยนเหล่ยกะพริบตาปริบๆ “กรมตำรวจของคุณก็มีหอพักให้ไม่ใช่เหรอ?”
“หึหึ หอพักมันมีคนเยอะเกินไป ฉันไม่ชิน เลยอยากเช่าบ้านอยู่ข้างนอก”
“อ้อ”
หลินเนี่ยนเหล่ยพยักหน้าอย่างขี้เล่น ยื่นมือมาให้จับอย่างเป็นมิตรและพูดว่า “ในเมื่อมันเป็นเรื่องบังเอิญ เรามาทำความรู้จักกันเถอะ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลย”
“ฉันชื่อฉินหยู่”
“พี่ฉินหยู่ ขอบคุณค่ะ!” เหตุผลที่หลินเนี่ยนเหล่ยริเริ่มที่จะพูดคุยกับเขาก่อน เพราะต้องการพูดสิ่งนี้กับเขา
ฉินหยู่รู้ว่า หลินเนี่ยนเหล่ยกล่าวขอบคุณเพราะเขาช่วยชีวิตเธอในตรอกนั้น เขาจึงตอบกลับอย่างปากไม่ตรงกับใจ “มันเป็นหน้าที่นะ เป็นหน้าที่ คุณไม่ต้องสุภาพ…”
หลินเนี่ยนเหล่ยรู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเขา จึงพูดหยอกล้อเล่น “Hey, salute Sir!”
“ไปเถอะ เข้าไปดูด้วยกัน” จริงๆ แล้วฉินหยู่ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันต่อสาวหน้าตาดีมากนัก แต่เป็นเพราะเงื่อนไขที่จำกัดบางอย่างก่อนหน้านี้ เขาจึงจีบเธอไม่ได้แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม สถานการณ์ชีวิตของเขาค่อนข้างสงบแล้ว อย่างน้อยก็ตอนนี้ และในใจเขาตอนนี้เหมือนกับสั่นไหวเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็อยากได้คุยกับสาวสวยในโอกาสหน้าอีกสักสามสี่ครั้ง
“ฉันเข้าไปดูห้องเสร็จแล้วและได้จองห้องแล้วด้วย เพื่อนร่วมงานฉันไปซื้อของอยู่ เดี๋ยวเธอกลับมาและเราก็จะไปกันแล้ว” หลินเนี่ยนเหล่ยตอบอย่างกระตือรือร้นและอารมณ์ดี “ถ้าคุณเช่าที่นี่เราจะได้พบกันใหม่อีก เงินเดือนฉันออกเมื่อไร หันจะเชิญคุณมาทานมื้อเย็นด้วยกันนะคะ”
“เฮะเฮะ ก็ต้องดูว่าบ้านเหมาะกับฉันไหม”
“ฉันทำงานในสถานีอินเทอร์เน็ต และฉันคงได้มาเดินไปมาในแถวนี้บ่อยๆ ใกล้สำนักงานตำรวจของคุณในอนาคตอย่างแน่นอน แล้วเจอกันค่ะ”
“โอเค!”
ทั้งสองคุยแลกเปลี่ยนกันอีกสองสามคำและฉินหยู่ก็เดินเข้าไปในลานหน้าอาคารเลขที่ 88 เพราะก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ขอเบอร์ติดต่อกับหลินเนี่ยนเหล่ย เพื่อนร่วมงานหญิงของเธอมาพอดี ทั้งสองจึงขอตัวจากไปก่อน
...
ภายในลานหน้าอาคารบ้านเช่า
แมวแก่นั่งอยู่บนก้อนหินในสวนหย่อม โบกมือแล้วตะโกน “ฉินหยู่ ทางนี้!”
“มาแล้ว” ฉินหยู่รีบวิ่งไปหลังจากได้ยินเสียง
“เมื่อกี้ฉันได้ยินนายคุยกับใครที่ประตูอ่ะ” แมวแก่ถามอย่างเป็นกันเอง “ฉีหลินมาด้วยเหรอ”
“เปล่า ฉันเพิ่งเจอผู้หญิงคนที่โดนจับเป็นตัวประกันวันนั้นน่ะ เลยเราพูดคุยกันนิดหน่อย”
“???” แมวแก่อึ้งไปนาน “เจอผู้หญิงคนนั้นเหรอ? เธออยู่ไหน?!”
“นายอย่าทำเหมือนอยากกินคนสิ เขาหนีกันหมดแล้ว”
“เธอมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” แมวแก่ถามต่อด้วยความสนใจ “มากับใคร แล้วเธอบอกอะไรนายบ้าง”
“เธอทำงานในสถานีอินเทอร์เน็ต ไม่ไกลจากกองกำกับการตำรวจของเรา เธอจึงมาที่นี่เพื่อดูบ้านและบังเอิญพบฉัน” ฉินหยู่ตอบอย่างกระวนกระวายใจ “ทำไมนายต้องถามละเอียดขนาดนั้น”
“เธอเช่าบ้านที่นี่หรือเปล่า?”
“ดูเหมือนว่าจะเช่า”
“...!” แมวตัวเก่าขมวดคิ้วและครุ่นคิดไปพักหนึ่ง จากนั้นจู่ๆ ก็มองฉินหยู่และถามว่า “เฮ้ นายยังต้องการเพื่อนร่วมห้องหรืออะไรอีกไหม? ฉันทำอาหารได้นา”
“นายมันอีตัวจริงๆ” ฉินหยู่พูดไม่ออก
“เธอถูกใจฉันจริงๆ พี่ชาย” แมวแก่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เราจะเช่าด้วยกันไหม? อยู่ด้วยกันเถอะ ฉันจะบอกอะไร…”
“เอาไว้เราค่อยคุยกัน เข้าไปดูบ้านกันก่อน” ฉินหยู่โบกมือและเร่ง “เร็วเข้า เดี๋ยวฉันต้องกลับไปทำงานต่อ”
“โอเค ดูก่อนก็ได้”
หลังจากพูดจบ ทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของอาคารบ้านเช่า
บ้านที่แมวแก่พาฉินหยู่ฉินหยู่มาดู มีขนาดประมาณ 30 ตร.ม. มีเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายในบ้านและผนังทาสี สภาพแวดล้อมโดยรวมดูสะอาดตา แต่ราคาค่อนข้างแพงไปหน่อย เจ้าของบ้านคิดค่าเช่า 300 ต่อเดือน และจำเป็นต้องจ่ายทุกหกเดือน
ราคาไม่ต่ำแต่ก็สมเหตุสมผล เนื่องจากอาคารบ้านเช่าเลขที่ 88 นี้ ตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนหนาแน่น เป็นที่ตั้งของหน่วยงานรัฐบาลเมืองซงเจียง ใกล้กับสถานีโทรทัศน์ สถานีออกอากาศทางเว็บ กองกำกับการตำรวจ สำนักงานขนส่งจราจร และแผนกอื่นๆ อีกหลายสำนักงาน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมฉินหยู่และหลินเนี่ยนเหล่ยได้พบกันที่นี่ ห้องของคนสองคนอยู่ไม่ไกลกัน แม้พวกเขาไม่ได้พบกันในตอนนี้ ยังมีโอกาสได้พบกันอีกในคราวหน้า
สกุลเงินที่ใช้ร่วมกันในปัจจุบันของเขตพิเศษที่ 9 คือเงินดอลลาร์เอเชียที่เพิ่งออกใหม่ ในขณะที่สกุลเงินทั่วไปของโลกคือสกุลเงินพันธมิตรที่ออกโดยสหออมทรัพย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในเครือของรัฐบาลกลาง แน่นอนว่าเขตสหภาพยุโรปก็มีสกุลเงินของตัวเองเช่นกันคือยูโร แต่มันไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนธรรมดาทั่วไปนักสำหรับที่นี่
อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์เอเชียประมาณ 1 : 6 สำหรับสกุลเงินพันธมิตร
และเป็นเพราะเงินดอลลาร์เอเชียเพิ่งเริ่มใช้ได้ไม่นาน จึงมีมูลค่าเงินสูงมาก หากคำนวณคร่าวๆ อาจมีค่าเงินมากกว่าเงินหยวนก่อนหน้านี้ถึงประมาณ 10 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้น สามร้อยดอลลาร์เอเชียจึงเท่ากับสามพันหยวนเดิม เมื่อฉินหยู่คำนวณเงินเดือนของเขาที่จะได้รับตอนนี้ 500 ต่อเดือน ถ้าเขาเช่าบ้านหลังนี้ ไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม เขาจะไม่มีเงินเหลือเลยทั้งเดือน
ภาพสะท้อนชีวิตของผู้คนที่ด้านล่างของเขตพิเศษที่ 9 กับค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวี่ทุกวันตามคุณค่าของทรัพยากรต่างๆ ที่เหี่ยวเฉาขาดแคลนไปทีละน้อย คนมากขึ้นงานน้อยลงรายได้ไม่พอรายจ่าย เขานึกถึงคำตอบของชีวิตฉีหลิน คือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เลื่อนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสอง? ยศสูงขึ้น มากับรายได้มากขึ้นเป็นเงาตามกัน
แมวแก่เห็นฉินหยู่สนใจบ้านเช่าที่นี่ แต่เขารู้สึกเป็นทุกข์กับค่าเช่าสามร้อยหยวนต่อเดือน ดังนั้นแมวแก่จึงพูดด้วยเสียงต่ำ “ในกองกำกับการของเรา ยกเว้นเจ้าขี้กลัวฉีหลินที่สนแต่จะเป็นหมาเลียเด็กไปวันๆ คนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะพึ่งพาเงินเดือนในการดำรงชีวิตอย่างเดียวหรอก และฉันไม่คิดว่านายเป็นคนสะอาดหมดจดขนาดนั้น นายจะต้องหารายได้สีเทาในอนาคต…”
“นายมีรายได้สีเทาด้วยไหม?” ฉินหยู่หรี่ตาถาม
“อื้อ ทำไมจะไม่ล่ะ?”
“งานอะไรเหรอ?”
“ฉันรังแกพวกชอบแกล้งชาวบ้านเท่านั้น ถ้ามันไม่จ่าย ฉันจะจัดการพวกมัน” แมวแก่ตอบอย่างหน้าด้านๆ
“...!” ฉินหยู่พูดไม่ออก
“หยุดบวกลบคูณหารแล้วเช่าไปเหอะน่า เพื่อวันหน้าฉันจะได้มาอาศัยอยู่ด้วย” แมวแก่เกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
ฉินหยู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง เขาคิดว่าเขาอาจจะไม่สามารถหาบ้านที่ดีและถูกกว่านี้อีกก็เป็นได้ และที่นี่ยังอยู่ใกล้กับกองกำกับการตำรวจมาก แม้เขายังลังเลแต่ตอบว่า “โอเค ลองเช่าอยู่สักครึ่งปีก่อนละกัน”
...
หลังเลิกงานในช่วงบ่าย
ในพื้นที่สำนักงานสามกลุ่มที่มีพื้นที่น้อยกว่า 50 ตารางเมตร มีเด็กหนุ่มเก้าคนสวมเครื่องแบบและยืนเรียงแถวอย่างมั่นใจ
หยวนเค่อมองไปที่กลุ่มตำรวจหนุ่มด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ฉันจะพูดเพียงไม่กี่คำ แม้ว่าฉินหยู่เพิ่งมาถึง แต่เขาได้ฆ่ามัตสึชิตะหัวหน้าแก๊งและไขคดีลักพาตัวได้สำเร็จ ดังนั้น หลังจากการประชุมและพิจารณาอย่างจริงจังโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงและทีมงานแล้ว ได้มีการตัดสินใจแต่งตั้งฉินหยู่ ให้เป็นหัวหน้าทีมแรกและทีมที่สามเป็นการชั่วคราว”
ทุกคนมองหน้ากันเป็นเวลานานก่อนที่จะมีเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างอบอุ่น
“รางวัลบุคคลผู้บำเพ็ญคุณประโยชน์ของฉินหยู่ได้รับการรายงานโดยเลขานุการแล้ว และระดับขั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อถึงเวลา ดังนั้นพวกนายไม่ต้องมีความสงสัยใดๆ อย่างที่ฉันเคยพูดมาก่อนว่า ตราบเท่าที่นายสามารถทำได้ แม่ว่านายจะเพิ่งเข้าร่วมทีมเป็นครั้งแรก ฉันจะเสนอชื่อนายอย่างแน่นอน พวกนายได้สิทธิเท่ากันทุกคน” หลังจากหยวนเค่อพูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อดึงฉินหยู่เข้ามา “มาทำความรู้จักกับทุกคนกันเถอะ”
ฉินหยู่ได้ยินเสียงและก้าวไปข้างหน้ากลุ่มเหล่าตำรวจหนุ่ม เขาสวมเครื่องแบบตำรวจสีเขียวอ่อนเรียบร้อย ฉินหยู่ยกมือทำความเคารพและตะโกน “ฉันชื่อฉินหยู่ โปรดดูแลฉันในอนาคตด้วยครับผม!”
ท่ามกลางกลุ่มตำรวจเหล่านั้น ฉีหลินจ้องไปที่ฉินหยู่อย่างว่างเปล่า ในใจของเขารู้สึกขมขื่นจนสุดจะพรรณนา
เมื่อหลายสิบชั่วโมงก่อน เขารับผู้มาใหม่กลับเข้าทีมด้วยมือของเขาเอง แต่ในเวลาแค่ไม่ถึงสองวัน ผู้มาใหม่ได้กลายเป็นผู้นำของเขาไปซะแล้ว ความรู้สึกนี้...ช่างน่าอึดอัดจริงๆ
“ฉันจะพูดซ้ำอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในเครื่องแบบต้องปฏิบัติตามกฎของที่นี่ แม้ว่าฉินหยู่จะใหม่ที่นี่ แต่ถ้าคุณต้องการที่จะกลั่นแกล้ง หรือพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับเขา แล้วหวังว่ามันส่งผลดีต่องานของคุณ อย่าหาว่าฉันทำเป็นไม่รู้จักพวกนายก็แล้วกัน” หยวนเค่อยิ้มหลังจากแนะนำทุกคน เขามองกลับไปที่ฉินหยู่และพูดว่า “เอาล่ะ พักได้! คุยกันตามสบายเลยนะ”
“ยอดเยี่ยม” ฉินหยู่พยักหน้า “ขอบคุณครับ กัปตันหยวน”
“ฉันบอกนายแล้วไง ยินดีต้อนรับ” แล้วหยวนเค่อก็ออกจากห้องไป
ในบริเวณสำนักงาน ฉินหยู่ขยิบตาให้ทุกคน และหยิบกล่องบุหรี่จีนแท้ที่ปกติเขาลังเลที่จะควักกระเป๋าซื้อเองออกมา และพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “สำหรับฉัน มันเป็นความบังเอิญที่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น และมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันกลายเป็นหัวหน้า แต่ประสบการณ์ส่วนตัวของฉันแย่กว่าของนายแน่นอน ดังนั้น ในอนาคต ฉันคงต้องพึ่งความช่วยเหลือจากพวกนายทุกคน ต่อคดีในวันหน้า มา มา พักผ่อนสูบบุหรี่กันให้สบายใจเลยพวกเรา”
สิ่งที่ฉินหยู่พูด เป็นคำพูดเปิดใจอย่างสุภาพเพราะเขาตั้งใจที่จะสนิทกับทุกคนให้มากขึ้น แต่เขาไม่คาดคิดว่ามีตำรวจหนุ่มที่อายุค่อนข้างมากกว่าคนอื่นและยืนอยู่ริมสุดของกลุ่ม จะเข้ามาหยิบถุงบุหรี่จีนแท้จากมือของเขา และฉีกกระดาษห่อออกอย่างชำนาญแล้วพูดว่า “ฮิฮิ น้องชาย คุณมีของดี มียาสูบรมควันบ้างไหม”
ฉินหยู่ผงะไปครู่หนึ่งและตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นของขวัญจากเพื่อนที่ดีของฉัน”
คนที่คุยกับฉินหยู่คือ จูเหว่ย ตำรวจหนุ่มใหญ่ในกลุ่มที่สามซึ่งทำงานมาสี่-ห้าปีแล้ว อย่างไรก็ตาม เพราะความที่เขามีวิธีการจัดการสิ่งต่างๆ เฉพาะตัวที่ค่อนข้างสะเพร่า เขาจึงไม่สามารถเติบโตขึ้นไปได้ แต่ถ้าฉินหยู่ไม่มา เขาอาจถูกเสนอชื่อในฐานะหัวหน้าทีมในการเลือกทีม เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขามีคุณสมบัติพร้อม และปกติเขาเป็นคนที่เข้ากับหยวนเค่อได้ดีคนหนึ่ง
จูเหว่ยหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ แล้วสูดควันเข้าไปเฮือกใหญ่ลึกๆ ก่อนจะส่งต่อกล่องบุหรี่ให้คนอื่นๆ
“นั่งเลย ทุกคนนั่งเลย” ฉินหยู่เชิญชวนให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย
“ป้าบ!”
จู่ๆ จูเหว่ยก็ตบแขนของฉินหยู่ และพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “อย่างงี้สิถึงจะสนุก ได้สูบบุหรี่ชั้นดีอย่างนี้ น้องชายจัดการกับสิ่งต่างๆ ตรงไปตรงมาดี อย่าหักโหมมากนักนะ ฮ่าฮ่า!”
ไม่มีอะไรผิดปกติกับคำเหล่านี้ แต่จูเหว่ยตบที่แขนของฉินหยู่ ตรงรอยแผลถลอกจากกระสุนเฉี่ยวพอดี วันดวลปืนกับมัตสึชิตะ แขนของเขาถูกกระสุนถากเฉียดเนื้อไป และยังไม่หายดี
“ซี่สส!”
ฉินหยู่ทนความเจ็บปวดจากแผลถูกยิงโดยไม่ปริปาก เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่งพร้อมกับขมวดคิ้วและหันมองไปที่
จูเหว่ย
“พี่ชายไวอากร้า หัวหน้าทีมได้รับบาดเจ็บอยู่” ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ฉีหลินได้เปลี่ยนการเรียกชื่อฉินหยู่ไปเรียกว่าหัวหน้าทีมแล้ว
“บัดซบจริง! เกิดอะไรขึ้น” จูเหว่ยมองที่ฉินหยู่ ยิ้มอย่างยิ้มแย้มแล้วถามว่า “นายบาดเจ็บตรงไหน?”
ฉินหยู่ชำเลืองมองจูเหว่ย และตอบด้วยรอยยิ้ม “ตอนฉันกำลังจับเจ้ามัตสึชิตะ กระสุนของมันเฉี่ยวฉันไป”
“เฉี่ยว? ไม่ต้องห่วงเลย แค่ไปโรงพยาบาลแล้วเอายามากิน” จูเหว่ยกัดฟันพูด “แต่อย่าฉีดยานะ นายไม่ตายเพราะบาดเจ็บหรอก แต่จะอดตายเพราะเงินเดือนครึ่งหนึ่งหายไปเป็นค่าฉีดยานะสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยู่ก็หรี่ตามองจูเหว่ย แต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ และชวนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ให้นั่งสังสรรค์กัน
หลังจากทั้งสามกลุ่มสิบคนนั่งลง ทุกคนก็เริ่มพูดเบาๆ กันไปเรื่อยๆ
ในระหว่างการสนทนาตอนแรก ฉินหยู่ได้เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของทั้งสามกลุ่มมากขึ้น
กลุ่มนี้บวกกับตัวเขาอีก รวมเป็นสิบคน มีคนไทยสองคน คนชาวผิวดำหนึ่งคน และคนจีนหกคน เนื่องจากเขตพิเศษที่ 9 ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในอดีต ภาษาจีนจึงเป็นภาษาราชการ และพวกเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงพูดภาษาจีนได้คล่อง และพวกเขาก็พูดสำเนียงตะวันออกเฉียงเหนือทั้งสิ้น
หลังจากสื่อสารกันอย่างเรียบง่ายผ่านไป ทุกคนก็เริ่มปฏิบัติหน้าที่และเริ่มศึกษาข้อมูลของแก๊งค้ายาเสพติดที่พวกเขาต้องกวาดล้างมันให้หมดสิ้น
...
ค่ำคืนแห่งความเงียบงัน ฉินหยู่ตรวจสอบรถตำรวจของสามกลุ่มที่ทรุดโทรมสองคันที่จอดอยู่ชั้นล่าง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เขาจึงหันเดินกลับไปที่สำนักงาน แล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง เหลือเพียงฉีหลิน และพี่ชายผิวดำเท่านั้น ที่เล่นเกมกับสมุดเกมบอกใบ้อยู่อย่างเพลิดเพลิน
“พวกเราไปไหนกันหมด” ฉินหยู่ถาม
“พี่จูพาเขาออกไปทำธุระ” ฉีหลินตอบ
ฉินหยู่ขมวดคิ้ว “ฉันบอกว่าให้ศึกษาคดีนี้ และจะมีประชุมตอนกลางคืน ทำไมจู่ๆ เขาจึงพาคนออกไปธุระ? หรือมีคดีอะไรเกิดขึ้นเปล่า”
“เปล่าครับ เหมือนจะพาคนไปทำธุระส่วนตัว”
“...ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ก็นำคนออกไป ไม่แม้แต่บอกกล่าวด้วยซ้ำ” ฉินหยู่ พึมพำอย่างไร้อารมณ์
ฉีหลินเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ตอบอะไรเพิ่มอีก
ฉินหยู่นั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด มองลงไปที่โทรศัพท์บ้าน นิ้วเคาะโต๊ะพลางครุ่นคิดไปด้วย
จูเหว่ยทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?
คุณอยากเล่นเกมการเมืองใช่ไหม?
วันแรกของการเป็นผู้นำทีมสามกลุ่มอย่างเป็นทางการ บททดสอบฉินหยู่ก็มาเลย
…………………………………………………………