Chapter 49
แต่ตอนนี้เขาได้คิดออกแล้ว จริงๆแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะล่าช้า ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในปัจจุบัน เป็นการดีกว่าที่จะใช้ความคิดริเริ่มในมือของเขา ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้จะไม่รู้จักตัวใหญ่ๆอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะทำตัวเหลวไหลแต่ถ้าเขาสวมชุดเหล็กเขาก็สามารถต่อสู้กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้!
เกราะเหล็กของซอดได้แสดงให้เห็นแล้วถึงพลังและคุณค่าของมันในสงคราม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครต้องการมันมากขนาดนี้ ด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง โทนี่มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะสร้างมันในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายนี้ ชุดเหล็กของเขาก็ไม่อาจทรงพลังเท่ากับเกราะเหล็กของซอด แต่มันก็เพียงพอที่จะหลบหนีจากผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ได้.
ความจริง ซอดอยากรู้เช่นกัน แต่เดิม MK1 ไม่มีระบบการสั่นสะเทือน แต่โทนี่ที่รอดมาจากการตกที่สูงนั้นเขารอดมาได้อย่างไร?
หรือด้วยสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายอย่างนี้ โทนี่ได้ใช้ค้อนสร้างระบบดูดซับแรงกระแทกของ MK1 ด้วยค้อนแบบที่ละจุดๆ?
มันวิเศษมาก...ไม่ มันไซไฟจริงๆ.
ตั้งแต่มีธาตุใหม่ ซอดได้ให้ความสนใจโทนี่อย่างมาก โดยคิดว่าจะมีหลายอย่างที่จะล้มล้างความคิด(ไม่สมเหตุสมผล)ของเขาและนี่เป็นครั้งที่สอง.
"ทำให้เขาลำบากหน่อย อย่าปล่อยให้เขาทำได้ราบรื่นเกินไป ผมยังไม่อยากให้เขากลับมาเร็วนัก."
ซอดบอกกับทหารสัตว์ร้ายที่อยู่ที่นั่น.
"บอส เราต้องทำอย่างไง?"
เหล่าทหารสัตว์ที่นั่นแสดงสีหน้าลำบากใจ พวกเขารู้แค่ว่าไม่อาจฆ่าโทนี่ได้ ส่วนอื่นๆก็ไม่ชัดเจนนัก.
"อย่างเช่น นายอาจถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายอีกกลุ่มแบบปุ๊บปั๊บหลังจากที่เขาสร้างชุดเหล็กเสร็จ อิลสันอาจจะตายในการโจมตีนี้ จากนั้นชุดเหล็กก็พังอย่างไม่ได้ตั้งใจ และโทนี่ที่ถูกพวกนายจับก็กลายเป็นเชลยของกลุ่มใหม่ ในเวลานี้ พวกนายก็ดันจำโทนี่ได้ เลยขอให้เขาทำชุดเหล็กอีกครั้ง."
ซอดบอกว่ามันยาก เขาเลยวางสคิปต์ด้วยตัวเองและความสามารถในการเขียนสคิปต์ของซอดนั้นสูงมาก ถ้าอิลสันตาย เขาจะกลายเป็นความมุ่งมั่นของโทนี่ในการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่และจะทำให้เจตจำนงของโทนี่นั้นมั่นคงขึ้น จากนั้นเขาจะระลึกถึงอิลสัน.
ในช่วงเวลานี้ การโจมตีของผู้ก่อการร้ายมีมากขึ้นเรื่อยๆ แมนดารินแห่งกลุ่มเท็นริงค์ได้แสดงตัวออกมาว่าเป็นการโจมของเขา ความปวดหัวที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาคือพวกเขาไม่พบรอยใดๆของวัตถุระเบิดและสะเก็ตระเบิด ไม่ว่าจะเกิดการระเบิดแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าจะเป็นนิวเคลียร์ก็ไม่อาจทำอย่างนี้ได้ จากนั้นเขาก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดตามส่วนที่ไม่ถูกไฟไหม้และตรวจสอบความน่ากลัวของระเบิดนี้ได้ มันคือโมเลกุล.
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดว่าการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้นั้นเป็นไปตามธรรมชาติและไม่เป็นการรุกคืบใดๆ คิลเลี่ยนและกลุ่มของเขาก็ไม่มีเจตนาที่จะโจมตีแบบผู้ก่อการร้าย นี่เป็นเวลาที่ผู้ก่อนการร้ายกำลังทดลองผลิตภันฑ์ใหม่เพื่อบรรเทาความรุนแรงของไวรัส ปริมาณที่มากเกินไปทำให้เกิดอุบัติเหตุกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มั่นคงและสิ้นหวังจนทำให้เกิดการะเบิดครั้งใหญ่ ดังนั้นแม้ว่าทุกอย่างจะได้รับการทดสอบและบันทึกอย่างดีก็ไม่อาจหาผู้ก่อการร้ายได้ เพราะคิลเลี่ยนเพิ่งจะเป็นคนทำให้เกิดการระเบิดและเขาก็สร้างตัวตนที่ชื่อแมนดารินเพื่อเคลมว่าเป็นของผู้ก่อการร้ายที่โจมตี.
ฝ่ายอเมริกาคิดว่าแมนดารินเป็นผู้ก่อการร้ายที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเทียบกับคนที่ถูกสังหาร เบื้องหลังของเขาต้องมีทีมข่าวกรองและหน่วยปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมและแม้แต่อเมริกาก็ยังสงสัยว่ากลุ่มเหล่านี้ต้องเป็นระดับต้นๆของโลก ในบรรทหารอาจมีคนมากมายที่รับใช้แมนดาริน แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมแมนดารินถึงมักจะโจมตีในสถานที่ที่ธรรมดาบ่อยครั้งกัน มันไม่เคยมีการโจมตีของพวกเขาในเขตที่คนรวยอยู่ ตราบเท่าที่แมนดารินโจมตีวอลสตรีท อเมริกาก็จะล่มสลาย?
อเมริกาได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับการรักษาความปลอดภัยในวอลสตรีทและพื้นที่ร่ำรวยส่วนใหญ่ เบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์ของซอดก็ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน.
ซอดรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเขาไม่ตื่นตระหนก แต่เขาก็ไม่ยอมให้คิลเลี่ยนทำตัวแบบนี้ต่อไป แม้ว่าซอดจะบอกว่าเขาไม่ใช่ฮีโร่ที่ชอมธรรม แต่ในฐานะคนๆนึง ที่เขาสามารถทำได้ เขาก็จะทำ.
ดังนั้นคิลเลี่ยนจึงถูกซอดควบคุมด้วยพลังจิต จากนั้นก็คว้าตัวเขาและโยนเขาไปในห้องสีดำเล็กๆ เขาวางแผนที่จะปล่อยหลังจากที่โทนี่กลับมา.
คิลเลียนถูกแช่ในโหมดสลิปเหมือนกับวินเทอร์โซลเยอร์และด้วยลมหายใจน้ำแข็งของซอด เขายังคงรักษาผลกระทบของการแช่แข็งรอบๆตัวของเขา.
"บลอนสกี้."
ซอดเรียกบลอนสกี้.
"บอส."
บลอนสกี้รีบตอบรับ เขาไม่รู้ทำไมซอดถึงมาหาเขา ไม่ต้องมาหาเรื่องฝึกกับเขาเลย บลอนสกี้รู้สึกว่าเขาไม่อาจสู้กับซอดได้ ราวกับว่าซอดรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่"กลัวว่าฉันจะทุบตีนายหรือไง ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝึกกับคุณ "
ซอดพูด.
บลอนสกี้สะดุ้ง แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก แค่คิดว่าการแสดงออกของเขานั้นชัดเจนเกินไป
ซอดไม่ได้บอกความจริงกับเขา ด้วยการที่เขาเป็นเจ้านายของเขาเขาสามารถรับรู้ถึงความคิดของลูกน้องของเขาได้.
เมื่อพลังจิตแข็งแกร่งขึ้น ซอดก็มีความสามารถในการอ่านใจคนหรือเข้าไปในหัวของคนอื่นเพื่อรับรู้ความคิดของพวกเขา ความสามารถที่ทรงพลังนี้คล้ายกับความสามรถในการอ่านใจของ โปรเฟสเซอร์ เอ็กซ์ แน่นอนว่าในตอนนี้จะสามารถใช้ได้กับคนที่อ่อนแอเท่านั้น.
แต่มันก็เข้าใจยากเช่นกัน เผชิญหน้ากับคนที่อ่อนแอกว่าเขา เขาสามารถควบคุมคนเหล่านั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกล้อม.
"บลอนสกี้ นายต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นไหม?"
ซอดไม่สนใจความคิดของบลอนสกี้ เขาเลยถามออกมาทันที.
ดวงตาของบลอนสกี้เบิกกว้างด้วยความดีใจ เมื่อคิดว่าเขาจะได้อัพพลังอีกครั้ง เขาก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเป็นจ้าวอสูร มันอาจจะเป็นสุดยอดจ้าวอสูร?หรือโครตจ้าวอสูร? สุดยอดจ้าวอสูรระดับจักรวาล?
"แน่นอน บอส."
บลอนสกี้ตบหน้าอกของเขาและพูด ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ต้องการพลังและบลอนสกี้ก็เป็นคนที่ปรารถนาในพลังมากกว่าคนอื่น เขาไม่มีผู้หญิงและไม่คิดที่จะแต่งงาน เขาบริสุทธิ์มาก และมันก็ดีเช่นกัน.
"ตอนนี้ฉันจะบอกทางที่คุณจะได้รับพลังของคุณ."
ซอดขอให้ลอนสกี้กลับไปที่อังกฤษในฐานะทหารชั้นยอด ด้วยร่างกายที่ได้รับการปรับปรุงและเสริมความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว มันมาเกินพอลแ้ว จากนั้นก็ใช้เวลาสองสามปีก่อนที่จะถูกนายพลจากอังกฤษส่งไม้ต่อให้กับนายพลรอส เพื่อไปจับฮัคล์และ....นำซุปเปอร์เซรุ่มและฮัคล์เซรุ่มมาให้เขา!