ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 27 อย่าเพิ่งไปสิภรรยา!
บทที่ 27 อย่าเพิ่งไปสิภรรยา!
“ศิษย์พี่ใหญ่! ศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ!”
จ้าวต้าจื่อที่ร่างกายเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นเบียดแหวกฝูงชนพลางตะโกนเรียกหาเยี่ยฉวน ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบที่ตึงเครียดขึ้นทุกขณะจนเกือบถึงจุดแตกหัก ร่างอ้วนกระเพื่อมพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้าหลังจากวิ่งมาตลอดทาง
ดวงตาของเยี่ยฉวนเปล่งประกาย “เจ้าอ้วน! ได้ความว่าอย่างไร?”
“ศิษย์พี่ใหญ่รอบคอบนัก!”
จ้าวต้าจื่อกวาดสายตามองโดยรอบก่อนกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเยี่ยฉวนพร้อมยื่นม้วนกระดาษในมือให้ เยี่ยฉวนคลี่กางมันออกพลางพิจารณาภาพนั้นอย่างสงบอยู่ชั่วครู่
“ว่าอย่างไร? ท่านตัดสินใจได้หรือยังว่าจะทำสงครามหรือดำเนินพิธีแต่งงานต่อไป?!” โท่วป่าเซียงตะคอกเสียงอย่างเอาแต่ใจ เขาไม่ให้เวลาอาวุโสลำดับสูงสุดได้ไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย
ขณะนี้สำนักหมอกเมฆากำลังประสบปัญหาทั้งจากภายในและภายนอก หยุนเฟยหวู่ เจ้าสำนักหมอกเมฆาไม่ได้กลับมายังสำนักเป็นเวลานานหลายปี มีเพียงบรรดาผู้อาวุโสที่คอยดูแลขับเคลื่อนสำนักแทนพร้อมๆ กับการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน นอกจากจะได้รับงานยากอย่างการปรุงยาชั้นยอดหลายพันเม็ดที่องค์จักรพรรดิแห่งต้าฉินมอบหมาย ยังต้องเผชิญภัยพิบัติจากฝูงแมลงวันอสูรที่มากัดกินต้นพืชสมุนไพรอีก ในเมื่อสภาพของสำนักหมอกเมฆาย่ำแย่ถึงเพียงนี้ โท่วป่าเซียงผู้คอยทุ่มเทแรงกายบ่มเพาะรากฐานของสำนักเครื่องนิลให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันปล่อยให้โอกาสอันดีในการขยายอำนาจให้หลุดลอย!
เขาเข้ามาในสำนักหมอกเมฆาเพื่อดูลาดเลาความพร้อมของอีกฝ่าย ครั้นเห็นว่าสำนักต้องประสบปัญหามากมายอีกทั้งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักยังไร้ทักษะและไม่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ จึงคิดเสนอการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีเป็นของกำนัลให้อีกฝ่าย เพราะหากแผนการสำเร็จผู้คนใต้หล้าจะได้หัวเราะเยาะในความอัปยศอดสูของสำนักหมอกเมฆา บรรดาศิษย์ทั้งหมดจะต้องอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดได้อีก เมื่อสถานการณ์พลิกผันเช่นนี้ ถือเป็นจังหวะอันดีที่เขาจะฉวยโอกาสปลุกปั่นโจมตีและปราบปรามสำนักหมอกเมฆาให้ราบเป็นหน้ากลองก่อนถึงงานประลองระหว่างสามสำนัก!
“ข้าเลือกการประนีประนอม! การก่อสงครามให้เกิดการนองเลือดนั้นไม่เกิดประโยชน์ คำนึงถึงมิตรภาพอันดีงามระหว่างสำนัก ดังนั้นพิธีแต่งงานในค่ำคืนนี้จะยังดำเนินต่อ!”
เยี่ยฉวนยืนหยัดกล่าวการตัดสินใจของตนก่อนที่อาวุโสลำดับสูงสุดจะได้กล่าวประกาศเจตจำนงอันใดออกไป โท่วป่าเซียงและบรรดาศิษย์สำนักเครื่องนิลได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า เด็กหนุ่มคนนี้ฉลาดไม่น้อยที่เลือกประนีประนอมแทนการทำสงครามที่ไม่มีวันชนะ ส่วนบรรดาศิษย์ร่วมสำนักต่างสรรเสริญที่ศิษย์พี่ใหญ่มีคุณธรรมสูงส่ง...ยอมเสียสละอิสรภาพส่วนตนเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม ชัดเจนว่าการแต่งงานในครั้งนี้เป็นแผนการที่ทางสำนักเครื่องนิลจงใจวางไว้เพื่อทำให้สำนักหมอกเมฆาต้องอับอายขายหน้า!
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
จูซือเจียกรีดร้องเสียงสูงพร้อมเผยสีหน้ากังวลใจ
โท่วป่าเซียงเนียวมีรูปลักษณ์น่าเกลียดเพียงนั้นหนำซ้ำยังมีสติปัญญาน้อยนิด เยี่ยฉวนกลับไม่นำพาและคิดใช้ชีวิตตนเองเข้าแลก นั่นไม่ใช่การเดิมพันที่สูงเกินควรหรืออย่างไร?!
เขาช่างเป็นศิษย์พี่ใหญ่ผู้ยอมเสียสละตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้!
บรรดาศิษย์ร่วมสำนักที่ยืนรายล้อมเห็นดังนั้นต่างรู้สึกสะเทือนใจและรู้สึกรักใคร่เยี่ยฉวนขึ้นมาทันที เป็นครั้งแรกที่พวกเขามองเห็นความชอบธรรมและความดีงามในตัวของศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้
"ศิษย์น้องหญิงเจียเจีย อย่าห้ามข้าเลย..."
เยี่ยฉวนเผยท่าทีแน่วแน่ไร้ความลังเลใดๆ เขากวาดสายตามองกลุ่มฝูงชนก่อนกล่าวออก “ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ข้าจำเป็นต้องเลือกทางที่เหมาะสมที่สุดให้แก่สำนักของเรา การแต่งงานจะยังคงดำเนินต่อไป แม้จินหัวตายไปแล้วและพวกเขาทั้งสองยังไม่ได้ร่วมพิธีคำนับฟ้าดิน ทว่าพวกเราไม่อาจทำเฉยชาต่อสถานะของนาง บัดนี้นางนับว่าเป็นคนของสำนักหมอกเมฆาแล้ว...แม้ตายก็จะเป็นผีของสำนักหมอกเมฆา! ทหาร! ไปจับไก่สีแดงมาและนำมันมาแต่งงานกับโท่วป่าเซียงเนียว!”
ในตอนแรกบรรดาฝูงชนคิดว่าเยี่ยฉวนจะยอมเสียสละตนแต่งงานกับโท่วป่าเซียงเนียวแทนจินหัว ทว่าพวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อสถานการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น!
“เจ้าอ้วน! ยังไม่ไปอีก!” เยี่ยฉวนชำเลืองมองเป้าหมาย จ้าวต้าจื่อจึงวิ่งออกไปและกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมอุ้มไก่ขนสีแดงสดไว้ในอ้อมแขน
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าสำนักโท่วป่าเซียงจางหายเมื่อเห็นไก่สีแดงตัวนั้นดิ้นตะเกียกตะกายพลางโก่งคอร้องดัง เอ้ก เอ้ก เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าพร้อมตะคอกเสียงดัง “ไอ้บัดซบ! เจ้ารนหาที่ตายหรืออย่างไรจึงสรรหาวิธีมาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้?!”
การนำไก่มาแต่งงานแทนคนไม่เพียงทำให้เขาอับอายเท่านั้น แต่ยังเป็นการตบหน้าอย่างรุนแรง!
จากความตั้งใจแรกที่จะทำให้สำนักหมอกเมฆาต้องอับอายที่ศิษย์ของเขาต้องแต่งงานกับสตรีอัปลักษณ์ ยามนี้อีกฝ่ายกลับตลบหลังโดยการนำไก่มาเข้าพิธีแต่งงานแทน ทำให้พวกเขาอับอายยิ่งกว่า! หากข่าวรั่วไหลไปถึงหูของผู้คนทั่วยุทธภพ...สำนักเครื่องนิลจะกล้าเผชิญหน้ากับความอัปยศนี้ได้อย่างไร?!
“นี่คือประเพณีของสำนักพวกเรา…แม้ไม่มีเจ้าบ่าวร่วมพิธีคำนับฟ้าดิน ใช้ไก่มาร่วมพิธีแทนก็ยังดี” เยี่ยฉวนเล่นงานโท่วป่าเซียงกลับด้วยวิธีทำนองเดียวกัน
“ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
โท่วป่าเซียงปฏิเสธก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “สำนักเครื่องนิลป่าวประกาศข่าวการแต่งงานนี้ไปแล้วทั่วยุทธภพ ดังนั้นข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าฉีกหน้าจนต้องล้มเลิกพิธีกลางคันอย่างแน่นอน! ไอ้หนู! อย่าคิดว่าจะปฏิเสธบุตรสาวของข้าได้! หากเจ้าไม่ยอมแต่งงานกับเสี่ยวเนียวโดยดี ยอดเขาเมฆาอินทนิลแห่งนี้จะต้องเกิดการนองเลือด!”
เปรี๊ยะ! โท่วป่าเซียงแผ่จิตสังหารรุนแรงจนพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของเขาปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่!
ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่สี่งั้นหรือ?!
สองผู้อาวุโสซู่โกวหงและหนานกงเหรินเผยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทันใดนั้นพวกเขาก็พร้อมใจยืนหยัดต่อต้านพลังคุกคามจากโท่วป่าเซียงโดยเริ่มโคจรพลังปราณในร่างกาย จนกระทั่งท้องฟ้าเบื้องบนผันผวนไปด้วยพลังปราณอันเก่าแก่และยิ่งใหญ่! แม้ท่านเจ้าสำนักหยุนเฟยหวู่ไม่อยู่ที่นี่ ทว่าด้วยขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับที่สามหากร่วมแรงกันแล้วย่อมไม่เป็นรองบุคคลที่มีนิสัยเยี่ยงอสูรร้ายเช่นอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!
ครั้นบรรยากาศเริ่มคุกรุ่นด้วยความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น การทำสงครามจึงเป็นทางเลือกเดียว!
ขณะที่สีหน้าของทุกคนเคร่งขรึมและตึงเครียด ทว่าใบหน้าของจินจื่อคุนและอาวุโสลำดับสามกลับประดับด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก พวกเขาไม่แยแสแม้เพียงนิดว่าเยี่ยฉวนและผู้อาวุโสทั้งสองจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร!
“เจ้าสำนักโท่วป่า...จงเบิกตาให้กว้างแล้วดูสิ่งนี้ให้ชัดๆ! ผู้ใดกันแน่ที่เป็นฝ่ายทรยศก่อนทั้งยังต้องการก่อสงครามกับสำนักหมอกเมฆาของข้า?!”
เยี่ยฉวนคลี่กางม้วนภาพในมือออกพร้อมชูมันขึ้นสูง...
ในม้วนกระดาษปรากฏภาพสตรีแน่งน้อยอรชรผู้งดงามหมดจดราวบุปผชาติที่ผลิบาน ร่างนั้นไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด กิริยาท่าทางคล้ายเพิ่งขึ้นจากอ่างน้ำที่มีอุณหภูมิร้อนระอุ ท่อนขาที่ก้าวออกยาวเรียวและบอบบาง เต้าเต่งทรงหยดน้ำชูชันเย้ายวน บั้นท้ายกลมกลึงสง่างามทั้งสองเปิดเผยเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน!
ภาพสตรีออกจากอ่างอาบน้ำ!
ดวงตาเหล่าบุรุษเปล่งประกายวาววับทว่าไม่นานสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นพิศวง ยามนี้เหมาะสมที่จะล้อเล่นหรืออย่างไร?! เยี่ยฉวนคิดสิ่งใดอยู่จึงชูภาพเปลือยของสตรีท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดเช่นนี้?!
ขณะที่ทุกคนตกอยู่ในสภาวะสับสนเมื่อเห็นภาพเขียน ทว่าสีหน้าของโท่วป่าเซียงซีดลงอย่างฉับพลัน! เขารีบยื่นฝ่ามือใหญ่ออกไปคว้าภาพนั้นแต่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าเพราะช้ากว่าเยี่ยฉวนที่ใช้ร่างกายอันอ่อนพลิ้วราวต้นหลิวกระโดดหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
“สตรีในภาพคือรูปโฉมที่แท้จริงของโท่วป่าเซียงเนียว! เจ้าสำนักโท่วป่า...ท่านจงใจซ่อนตัวบุตรสาวตัวจริงของท่านไม่ให้มาเป็นเจ้าสาวของข้า ทั้งยังสลับเอาโท่วป่าเซียงเนียวตัวปลอมมาตบตาสำนักหมอกเมฆาอีก! นั่นหมายความว่าอย่างไร?!” เยี่ยฉวนขึ้นไปยืนบนก้อนหินที่สูงที่สุดในบริเวณนั้นก่อนกล่าวต่อ “เจ้าสำนักผู้ปราดเปรื่อง! ท่านคิดว่าผู้คนไม่เคยพบเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของบุตรสาวท่านเพราะนางออกท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาหลายปี จึงคิดนำนางนกอินทรียักษ์ผู้นี้มาหลอกผู้ใดก็ได้ได้ตามชอบกระนั้นหรือ?! สำนักเครื่องนิลเจตนาเหยียดหยามศักดิ์ศรีของสำนักหมอกเมฆาชัดๆ!”
ครั้นโท่วป่าเซียงผู้เอาแต่ใจเล็งจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการสร้างปัญหายุ่งยากใหญ่โต เยี่ยฉวนจึงเปิดโปงแผนการสกปรกของอีกฝ่ายต่อสาธารณชนให้รับรู้ทันที!
เขาสงสัยตั้งแต่แรกว่าการเชื่อมสัมพันธไมตรีผ่านการแต่งงานระหว่างสองสำนักในครั้งนี้มีหลายจุดที่ไม่ชอบมาพลกล จึงสั่งการให้จ้าวต้าจื่อไปตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดอย่างลับๆ และเจ้าอ้วนก็ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีเสียด้วย...ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับภาพเขียนรูปโฉมที่แท้จริงของโท่วป่าเซียงเนียว!
“อะไรกัน! ตัวปลอมงั้นหรือ? นี่มันมากเกินไปแล้วนะ!”
“ท่านอาวุโสสูงสุด ไล่พวกเขาออกไปให้หมดเถิด ก่อนเรื่องจะบานปลายไปกว่านี้!”
บรรดาศิษย์ทั้งหมดของสำนักหมอกเมฆาลุกฮือขึ้นทันทีที่รับรู้เจตนาร้ายของอีกฝ่าย!
พวกเขาหาคนรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ไม่น่ามองมาปลอมเป็นโท่วป่าเซียงเนียวตัวจริงที่มีรูปโฉมสวยสะคราญถึงเพียงนี้ถือเป็นการดูแคลนยิ่ง!
“โท่วป่าเซียง! เรื่องทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร?!” อาวุโสสูงสุดโกรธายิ่งจนแผ่จิตสังหารพลุ่งพล่าน
โท่วป่าเซียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวสองสามครั้งขณะจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตาเชือดเฉือนราวดาบแหลมคม หากเขาสามารถสังหารคนได้เพียงการจ้องมอง ป่านนี้เยี่ยฉวนคงถูกเขาฉีกทึ้งร่างออกเป็นพันๆ ชิ้น ขณะที่เขากำลังจะเปิดปากปฏิเสธ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นจากทางเชิงเขา “ท่านพ่อเจ้าคะ...ท่านพ่อ!”
สตรีเจ้าของเรือนร่างสง่างามผู้นั้นสวมชุดคลุมสีขาวผ่อง นางวิ่งตามสาวรับใช้ขึ้นมาบนยอดเขาอย่างรีบร้อน ท่าทางของนางดูเงียบขรึมทั้งยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันอ่อนโยนตราตรึงยิ่ง ทรวดทรงของนางไม่ด้อยไปกว่าจูซือเจียทว่ามีกิริยามารยาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ริมฝีปากของนางเผยอออกเพียงนิดราวต้องการเอื้อนเอ่ยอะไรบางอย่างแต่กลับรู้สึกประหม่าเมื่อพบว่าฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ เป็นสตรีนางเดียวกับในภาพเขียนนั้นไม่ผิดเพี้ยน!
“เสี่ยวเนียว! จะ...เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?!” โท่วป่าเซียงเผยสีหน้าซีดเผือด โท่วป่าเซียงเนียวตัวจริงมาปรากฏตัวเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธข้อหาใดๆ ได้เลย!
“ท่านพ่อ มียอดฝีมือนิรนามผู้หนึ่งมาที่สำนักของเรา เขาระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นก่อนหายตัวไป ลูกกังวลว่าท่านจะได้รับอันตรายจึงเร่งมาที่นี่ทันที” ดวงตาของโท่วป่าเซียงเนียวแดงเรื่อ นางช่างงดงามแตกต่างกับนางนกอินทรียักษ์ผู้นั้นราวสวรรค์กับพื้นดิน!
ทันทีที่เยี่ยฉวนเห็นตัวจริงของโท่วป่าเซียงเนียวดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายเจิดจ้า ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะก้าวออกไป “ท่านพ่อตา โท่วป่าเซียงเนียวตัวจริงก็อยู่ที่นี่แล้ว เลยฤกษ์ยามคำนับฟ้าดินมามากโข ดังนั้นเราควรข้ามขั้นตอนนั้นและเข้าห้องหอเสียตั้งแต่บัดนี้!”
“ฮึ่ม! ยกทัพกลับ! ไอ้สารเลว! การประลองอันยิ่งใหญ่ระหว่างสามสำนักใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ถึงยามนั้นข้าจะรอดูว่าเจ้าจะยังหัวเราะได้อยู่หรือไม่?!”
โท่วป่าเซียงได้ยินเยี่ยฉวนเรียกตนว่าท่านพ่อตาจึงถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างแค้นเคือง เขาโกรธเกรี้ยวจนทรวงอกแทบระเบิด การถูกเปิดโปงเรื่องที่เขาใช้อีกามาแทนที่หงส์เพื่อให้สำนักหมอกเมฆาเสื่อมเสียนั้นน่าอับอายมากพอแล้ว หากเขายอมให้บุตรสาวผู้งดงามของตนเข้าพิธีแต่งงานกับไอ้เด็กเยี่ยฉวนนั่นจะไม่สร้างความอัปยศอดสูยิ่งกว่าหรือ?! ใบหน้าของโท่วป่าเซียงเนียวแดงจัดด้วยความโกรธที่อีกฝ่ายเอ่ยแทะโลมเช่นนั้น นางหันขวับอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนติดตามบิดากลับไปยังสำนัก
“ภรรยา! เจ้ายังต้องเข้าห้องหอกับข้านะ! อย่าเพิ่งไปสิ!”
เยี่ยฉวนตะโกนพร้อมเดินตามไปสองสามก้าว โท่วป่าเซียงเนียวหวาดกลัวจนรีบแทรกตัวเข้าไปปะปนกับผู้ของสำนักเครื่องนิลทันที ครั้นบรรดาศิษย์ของสำนักหมอกเมฆาเห็นอีกฝ่ายยกทัพกลับด้วยความเสียหน้าจึงโห่ร้องอย่างสาแก่ใจ! สำนักเครื่องนิลจงใจวางแผนให้พวกเขาต้องเสื่อมเสีย...กลับกลายเป็นว่าคนเหล่านั้นต้องแบกความอับอายขายหน้ากลับสำนักเสียเอง!