ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 22 ศิษย์น้องหญิง! อย่าเพิ่งไป!
บทที่ 22 ศิษย์น้องหญิง! อย่าเพิ่งไป!
เยี่ยฉวนตะโกนลั่นระบายความสาแก่ใจทันทีที่กลับถึงยอดเขาเมฆาอินทนิล!
เขารู้สึกสำราญยิ่งเมื่อนึกถึงสีหน้าและท่าทางของจินหัวที่พ่ายแพ้ราบคาบต่อโท่วป่าเซียงเนียว!
“อืม...ไอ้เด็กนั่นเลือกหลบหนีการแต่งงานในครั้งนี้หรือยอมรับชะตากรรมแต่โดยดีกันนะ?” เขาคาดเดาอย่างใคร่รู้พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ครั้นเห็นว่ายังไม่พลบค่ำจึงรีบนั่งลงกับพื้นและเข้าสู่สมาธิ...
ทันใดนั้นปราณแห่งจิตวิญญาณโลกอันบริสุทธิ์พลันร่วงลงจากท้องฟ้าและแทรกซึมเข้าไปทั่วร่างกายของเขา!
ร่างกายของเขายามนี้ปราศจากผลึกเส้นโลหิตมังกรซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ทว่าสองถึงสามวันมานี้ปราณแห่งจิตวิญญาณโลกบนยอดเขาเมฆาอินทนิลหนาแน่นกว่าทุกครั้ง นับเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะทำสมาธิฝึกตนที่นี่เพื่อซึมซับปราณนั้น ใช้ความพยายามน้อยลงแต่จะได้รับพลังงานที่สูงกว่าผลึกถึงสองเท่า!
อาวุโสลำดับสองเอาแต่ง่วนอยู่กับการศึกษาตำรา การได้รับรู้ข้อบกพร่องของค่ายกลวิญญาณโอสถประหนึ่งได้รับสมบัติล้ำค่า! เขาดำเนินการซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณโอสถทุกแห่งบนยอดเขาเมฆาอินทนิลทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่ปริปากกล่าววาจากับผู้ใด แม้ช่วงเช้าที่ทั้งสำนักวุ่นวายต้อนรับการมาเยือนของเจ้าสำนักเครื่องนิลเขาก็หาใส่ใจไม่ สำหรับเยี่ยฉวน...หนานกงเหรินเป็นเสมือนแรงงานชั้นดีที่เขาไม่จำเป็นต้องจ้าง!
หนานกงเหรินเอาใจใส่ดูแลสมุนไพรทุกชนิดที่อยู่ในสำนักเป็นอย่างดีและต้องการกำจัดแมลงวันอสูรที่ร้ายกาจเหล่านั้นให้หมดสิ้น ความมุ่งมั่นและการทำหน้าที่ของเขาช่างสมฉายาผู้คลั่งไคล้โอสถโดยแท้!
ยามนี้ฝูงแมลงวันอสูรบนยอดเขาเมฆาอินทนิลนับว่าน้อยลงแล้วหากเทียบกับยอดเขาอื่น ทว่าขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับสามของหนานกงเหริน ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมค่ายกลโอสถวิญญาณแม้จะพยายามทุ่มเทแรงกายอย่างเต็มที่ เพราะยังมีอีกหลายจุดบกพร่องที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้โดยละเอียด เยี่ยฉวนพบปัญหาเหล่านั้นแล้ว...คงต้องฝึกตนให้บรรลุในระดับขั้นที่สูงกว่านี้จนมีพลังมากพอที่จะซ่อมแซม
พลังปราณที่ไหลเวียนรอบแกนพลังชีวิตของเยี่ยฉวนหมุนวนอย่างช้าๆ
แม้พลังปราณที่ไหลเวียนจะเป็นใบเบิกทางชั้นดีในการโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ถึงครึ่งใบ ทว่ายังห่างไกลจากยันต์ที่สมบูรณ์เต็มใบมากนัก
เยี่ยฉวนต้องการบ่มเพาะรากฐานในแต่ละระดับอย่างมั่นคงจึงไม่รีบร้อน หลังซึมซับปราณแห่งจิตวิญญาณโลกแล้ว ทันใดนั้นยันต์กลืนกินสวรรค์ค่อยๆ รวมตัวอย่างหนาแน่น...พลังมหาศาลไร้ขอบเขตแผ่กระจายไปทั่วร่างก่อนพุ่งเข้าขัดเกลากระดูกและกล้ามเนื้อจนสั่นรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ และเกิดเสียงระเบิดดังก้องราวอสนีบาตฟาด!
วิธีที่ผู้ฝึกเลือกใช้ในการฝึกตนให้บรรลุแต่ละระดับของขั้นอู๋เจ๋อ ส่งผลอย่างยิ่งต่อศักยภาพในภายภาคหน้า...
ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงต้องใช้ความพยายามมากกว่าศิษย์ทั่วไปถึงสิบหรือร้อยเท่าเพื่อฝึกตนให้บรรลุขั้นอู๋เจ๋อระดับห้า เพราะตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องบรรลุทุกระดับไปถึงจุดสูงสุด
ยามราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็ว...
ค่ำคืนนี้บรรดาศิษย์ภายในสำนักหมอกเมฆาต่างเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีและวุ่นอยู่กับการประดับประดาโคมไฟและป้ายหลากสีสันในพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น
พวกเขานึกถึงศิษย์พี่จินหัวที่บัดนี้เป็นผู้ครอบครองผลึกเส้นโลหิตมังกร ทั้งยังจะได้แต่งงานเพื่อผูกสัมพันธไมตรีกับบุตรสาวแห่งเจ้าสำนักเครื่องนิลในอีกไม่กี่ชั่วยาม ไม่แน่ว่าหลังจากนี้จินหัวอาจจะได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายและอาจขึ้นดำรงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แทนเยี่ยฉวนก็เป็นได้! ดังนั้นต้องเร่งหาสิ่งของไปกำนัลแก่จินหัวเพื่อให้เขาโปรดปรานและมอบตำแหน่งต่างๆให้พวกตน
เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นหลังฝึกตนอย่างเงียบสงบเป็นเวลานาน เขามองยันต์กลืนกินสวรรค์ในร่างกายด้วยความสนใจและพบว่ามันมีสภาพแข็งแกร่งขึ้นมากแม้รูปร่างยังไม่สมบูรณ์ คำจารึกบนตัวยันต์เต้นตุบๆ ประหนึ่งมีชีวิต ทั้งยังเผยพลังที่เรียบง่าย เก่าแก่และลึกลับ...
“ยามนี้ไอ้เด็กจินหัวนั่นมีท่าทีเช่นไรนะ? กำลังฉุนเฉียวฟาดงวงงา...หรือกำลังหาทางหลบหนี?!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขามองท้องฟ้าภายนอกผ่านกรอบหน้าต่าง จากนั้นจึงเรียกโคมบงกชสีครามออกจากร่าง ดวงจิตหยินพร้อมออกท่องราตรีอีกครั้ง!
การใช้เคล็ดวิชาดวงจิตหยินท่องราตรีในครั้งก่อนทำให้เขาเกิดความชำนาญมากขึ้นจากบทเรียนและประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ สายลมหมุนวนพัดพาดวงจิตของเขาไปยังตำหนักหอแปรธาตุซึ่งเป็นที่พักอาศัยของอีกฝ่าย แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าจินหัวไม่ได้อยู่ที่นั่น!
‘ไอ้เด็กนั่นกล้าหลบหนีหรือ?!’ เขาไม่คิดว่าจินหัวจะกล้าทำเช่นนั้น ครั้นสัมผัสได้ถึงบางสิ่งจึงเคลื่อนย้ายดวงจิตไปทางอื่น
ห่างจากตำหนักไปไม่ไกล ณ สวนหย่อมเล็กๆ ที่แต่งแต้มด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ...
“ศิษย์น้องหญิง! เร็วเข้า! เจ้าจงใจทรมานข้าหรือย่างไร?!” เสียงแหบพร่าของจินหัวดังมาจากบ้านไม้มืดสลัว
ในขณะที่สำนักอบอวลไปด้วยความยินดีทว่าตัวเขาแทบกระอักเลือด! เพียงคิดว่าคืนนี้จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับโท่วป่าเซียงเนียว...จิตใจของเขายิ่งเป็นทุกข์ เขาจึงซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งนี้อย่างเงียบเชียบและแสวงหาความสำราญส่วนตน
สตรีนางหนึ่งผู้เหลือเสื้อผ้าติดกายเพียงครึ่งท่อนโอบลำคอของจินหัวพลางออดอ้อน “ศิษย์พี่...ท่านจะแต่งงานกับนังนกอินทรียักษ์นั่นจริงหรือ? หลังจากนั้นเล่า…ข้าจะทำเช่นไร?”
“ข้าคงต้องรอให้ผ่านพ้นคืนนี้ไป...และรออาวุโสลำดับสามสละตำแหน่งให้ข้าสืบทอด เช่นนั้นข้าจึงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่โดยชอบธรรม” จินหัวกล่าวอย่างเศร้าสลด
‘ความอดทนระดับนี้ไม่ใช่คนแล้ว!’
เยี่ยฉวนนึกชื่นชมอีกฝ่ายที่อดทนรับชะตากรรม ผู้อื่นหากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่จำยอมและหนีเตลิดไปแล้ว! แต่ก็ดี! หากจินหัวหนีการแต่งงานจริงๆ ศิษย์พี่ใหญ่เช่นเขาคงพลาดเรื่องน่าอับอายตรงหน้า!
สตรีผู้ถูกจินหัวเรียกขานว่า เสี่ยวซิง เปลื้องเสื้อผ้าของตนก่อนจัดการถอดเสื้อของอีกฝ่ายออกอย่างเบามือ นางโน้มตัวเข้าแนบชิดเขาราวร่างกายไร้กระดูก “ศิษย์พี่ช่างปราดเปรื่อง ทว่าคืนนี้ท่านก็ยังต้อง...”
“ไร้สาระ! ไยเจ้าจึงเอาแต่พูดถึงกับเรื่องอัปมงคลพรรค์นั้น! เสี่ยวซิง...ปรนนิบัติข้าเร็วเถิด! เราทั้งสองจะได้มีความสุข!”
จินหัวกระชากเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนหันกลับมาและผลักศิษย์น้องหญิงของเขาให้นอนคว่ำ!
แค่นึกไปถึงตอนเข้าห้องหอร่วมกับโท่วป่าเซียงเนียวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนด้วยไม่อยากใกล้ชิดสตรีร่างยักษ์! ดังนั้นเขาจึงลากเสี่ยวซิงให้มาพบและหมายเร่งปลดเปลื้องความต้องการให้เสร็จโดยเร็ว!
“อุ๊ย! ศิษย์พี่ช่างดุร้ายนัก!”
“ฮึ่ม! หากไม่ดุร้ายจะเรียกว่าศิษย์พี่ได้อย่างไรกัน!”
“เอ๊ะ! ศิษย์พี่...เหตุใดจู่ๆ ส่วนนั้นของท่านจึงไม่ผงาดแล้วเล่า?”
“รอสักครู่ ไม่ช้ามันจะทิ่มแทงเจ้าจนโอดโอย!”
หากโท่วป่าเซียงเนียวรู้ว่าชายที่นางหลงรักแต่แรกพบเช่นจินหัว ประพฤติตนเสเพลทั้งยังลอบกระทำสิ่งน่าอับอายกับหญิงสาวเช่นนี้ นางจะผิดหวังและเสียใจเพียงใด?
จินหัวไม่ต้องการให้ภาพของโท่วป่าเซียงเนียวอันชวนสะอิดสะเอียนมาปรากฏในห้วงความคิดอีกต่อไป เขาพยายามทำใจจดจ่ออยู่กับภาพพิศวาสเย้ายวนตรงหน้า ครั้นถึงช่วงสำคัญกลายเป็นว่าท่อนกระสุนของเขาไม่ผงาดพร้อมสู้ศึก! มันอยู่ในสภาพอ่อนปวกเปียกราวตัวทาก...ฉับพลันก็ผงาดแกร่ง! แต่พอเขาเตรียมควบอาชาไนยมันกลับอ่อนตัวลงอีกเป็นเช่นนี้สลับไปมา
“ศิษย์พี่...หากท่านมีเรื่องไม่สบายใจแล้วล่ะก็ เราสามารถสานต่อมันภายหลังได้นะเจ้าคะ?!” เสี่ยวซิงรู้สึกเมื่อยล้าเต็มทีกับการนอนคว่ำเช่นนี้
“ไม่! ข้าต้องการเจ้าในคืนนี้!” ผิวบริเวณมังกรของเขาแปรเป็นซีดจางอย่างน่ากลัว! เขาพยายามจัดการกับมันอีกครั้งทว่ายังไร้ประโยชน์
เสี่ยวซิงยิ้มหวานโดยไม่ถือโทษโกรธเคือง นางหยิบเม็ดยาสีแดงออกมาจากใต้หมอน “นี่...รับไปเถิด! ข้านึกแล้วเชียวว่าสักวันท่านจะมีอาการเช่นนี้!”
“ยามังกรพยัคฆ์?!” จินหัวกลืนยาเม็ดดังกล่าวลงคอด้วยดวงตาเปล่งประกาย ความรู้สึกร้อนวาบเกิดขึ้นบริเวณท้องน้อยครู่เดียวยาเม็ดนั้นก็แผลงฤทธิ์! ท่อนกระสุนของเขาพลันผงาดราวเสาต้นยักษ์ค้ำยันท้องฟ้า! ทว่ามันจุดประกายความหวังให้เขาได้ไม่นานนัก พอประคองเข้าแนบชิดหญิงสาวมันกลับอ่อนตัวลงเช่นเดิม สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเพราะมันไม่แข็งตัวอีกเลย!
“โธ่...ศิษย์พี่...แม้แต่ยาเม็ดนี้ยังช่วยท่านไม่ได้!”
“ให้ข้าลองอีกครั้งเถิดเสี่ยวซิง!”
“ศิษย์พี่! ดูท่าไม่ดีเสียแล้ว...เวลากระชั้นเข้ามาทุกที ยามนี้ข้าต้องรีบไป!”
“รอข้าประเดี๋ยว! ไม่! ศิษย์น้องหญิง...อย่าเพิ่งไป!”
เสี่ยวซิงบ่นกระฟัดกระเฟียดก่อนลุกยืนขึ้นพลางหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่แล้วเร่งเดินจากไป ทิ้งให้จินหัวนอนเปลือยเปล่าอยู่ในบ้านไม้มืดสลัว ลมเย็นที่พัดโชยมากระทบร่างพาลให้จิตใจของเขาเย็นเยือก...
หากค่ำคืนนี้เขาไม่สามารถทำในสิ่งที่บุรุษทั่วไปพึงกระทำยามเข้าห้องหอจะทำอย่างไร?
หากโท่วป่าเซียงเนียวไม่เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วไปฟ้องความแก่โท่วป่าเซียงผู้เป็นบิดาทั้งยังโหดเหี้ยมยิ่งกว่า การแต่งงานในครั้งนี้คงถูกยกเลิกเป็นแน่!
เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?!
อดีตชายเจ้าสำราญผู้เคยผงาดฉกรรจ์ดุจมังกรพยัคฆ์ร่ำไห้ครวญครางด้วยน้ำเสียงอันน่าสมเพช!
ดวงจิตของเยี่ยฉวนยิ้มกระหยิ่มอย่างมาดร้ายอยู่บริเวณมุมมืดหลังต้นไม้ในสวนหย่อม ความทุกข์ทรมานของไอ้เด็กจินหัวนั่นสร้างความเบิกบานใจให้แก่เขายิ่งนัก!
เป็นอย่างไร? เด็กน้อย...ผลึกเส้นโลหิตมังกรของข้ายอดเยี่ยมหรือไม่?!
ใบหน้าของเขาแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มทว่าแววตากลับเย็นชาลงทุกขณะ สำหรับเขาการถอนพิษน้ำยาทลายหยางไม่ใช่เรื่องเหนือความสามารถ ทว่าจงใจทำเป็นไม่รู้เท่าทันปล่อยให้จินหัวดื่มด่ำอยู่กับความสำเร็จในแผนการสกปรกเพียงฝ่ายเดียว บัดนี้กรรมตามสนองแล้ว...ในเมื่อจินหัวมีสภาพเช่นนี้แล้วจะเข้าพิธีแต่งงานและเข้าห้องหอโดยราบรื่นได้อย่างไร?
ปัจฉิมบทแห่งเรื่องราวเพิ่งเริ่มต้น...ต่อจากนี้จึงจะเป็นเนื้อหาอันน่าเร้าใจอย่างแท้จริง!
ครั้นสังเกตการณ์จนเห็นจินหัวร้องไห้สิ้นสภาพโดยไร้น้ำตาเช่นนั้นแล้ว ดวงจิตของเยี่ยฉวนจึงค่อยๆ ถอยจากไปพร้อมกับสายลมบางเบาอย่างเงียบเชียบ...