สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 57
ตอนที่ 57 คดีหลุด และคนตายเดินได้
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของลุคก็ดังขึ้น ลุครับสายพูดคุยกับคนในสายเล็กน้อยก่อนจะวางสายและเขาก็เงียบไปราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
เซลิน่าที่กำลังขับรถ เหลือบมองเขา “ว่าไง คราวนี้อะไรอีก?”
“รองผู้กำกับโทมัสโทรมาบอกว่าคดีนี้ถูกโอนให้หน่วยงานอื่นแล้ว และพวกเราไม่ต้องทำอะไรแล้ว” ลุคตอบเซลิน่าด้วยสีหน้าราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"โอนให้หน่วยไหน??" เซลิน่าถามกลับอย่างสงสัย
ลุคตอบเธอไปว่า “เอฟบีไอ”
เมื่อทั้งคู่มาถึงที่กรมตำรวจ พวกเขาเห็นกลุ่มคนประมาณ 4 คนเดินออกมาจากกรมโดยรูปแบบการเดินของพวกเขาคือมีคนหนึ่งเดินนำอยู่ด้านหน้าในขณะที่อีกสามคนตามมาข้างหลังอย่างกระชั้นชิด คนทั้งสี่สวมชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดและมีสีหน้าเคร่งขรึม จะว่าไปคนพวกนี้ดูเหมือนสมาชิกแก๊งมาเฟียจากภาพยนตร์ยังไงอย่างงั้น
ทั้งสี่คนเดินผ่านลุคและเซลิน่าไปอย่างรวดเร็ว
ลุคและเซลิน่ากลับไปที่แผนกอาชญากรรมหลักของพวกเขาและมุ่งตรงไปที่สำนักงานของบร็อค
เมื่อพวกเขากลับมาบร็อคก็ถามอย่างเฉยเมยว่า “ได้เรื่องว่าไงบ้าง?”
ลุคมีสีหน้าแปลกๆ เหมือนตอนที่คุยโทรศัพท์ก่อนหน้านี้อีกครั้ง “บอส ท่านรองโทมัสถ่ายโอนคดีนี้ไปให้พวก FBI แล้ว เรามาที่นี่เพื่อรายงานให้คุณทราบ”
บร็อคตะลึง “โอนแล้ว? ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง? รองหัวหน้าโทมัสบอกคุณอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าของบร็อคเปลี่ยนไปเป็นไม่สบอารมณ์อย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่รองผู้กำกับเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
เพราะสุดท้ายแล้วหากผู้บริหารระดับสูงเข้ามามีส่วนร่วมในทุกคดีเป็นการส่วนตัวอย่างนี้ แล้วจะมีผู้บังคับบัญชาอย่างเขาไปเพื่ออะไร? จะให้เป็นเพียงหุ่นเชิดงั้นเหรอ?
ลุคคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปสักพักจะพูดว่า “อันที่จริงเราได้รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องหลังจากที่เราไปถึงแผนกนิติเวชเพื่อตรวจสอบศพที่หายไปนะครับ”
บร็อคพยักหน้า เรื่องที่ลุคบอกมาทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยที่สุดสองคนนี้ก็ไม่ได้รู้อะไรพอๆ กับเขา
บร็อคหยิบแฟ้มที่ว่างอยู่บนโต๊ะอีกเล่มหนึ่งและพูดกับพวกลุคว่า “งั้นก็เอาเรื่องนี้ไปจัดการแทนก็แล้วกัน” และโบกมือบอกให้ทั้งสองคนออกไป
ลุคและเซลิน่าตอบตกลงและจากไป
ด้านนอกออฟฟิศบร็อคเซลิน่ากระซิบว่า“ดูเหมือนว่าบร็อคจะโมโหมากนะ”
ลุคตอบว่า“อย่าไปคิดมากเขาไม่ได้โมโหพวกเราหรอก ไปดูเคสใหม่ของเรากันดีกว่า”
พวกเขากลับไปที่โต๊ะและเปิดแฟ้มดู เซลิน่าตกใจกับเนื้อหาของมันทันที “นี่มันหมายความว่ายังไงเนี้ย? นี่เขาอคติอะไรกับพวกเรารึเปล่า? ดูเคสนี้สิ เขามอบอะไรอย่างนี้ให้เราเนี่ย”
ลุคยังคงนิ่งเงียบ หลังจากอ่านแฟ้มแล้วเขาก็พูดด้วยเสียงกระซิบเบา ๆ ว่า“ไม่ต้องไปเดาให้ปวดหัวหรอกเซลิน่า เป็นเพราะเขามีอคติกับพวกเราอยู่แล้ว ที่นี่คือฮูสตันนะ ขนาดพวกลักลอบขนอาวุธก็ยังไม่ยอมยิงตำรวจเลย แต่คุณสังเกตให้ดีๆ คุณจะพบว่าปลายทางของอาวุธที่ลักลอบนำเข้ามาคือเม็กซิโก”
เซลิน่ามีความคิดบางอย่าง แต่ก็ยังไม่สบอารมณ์กับคดีนี้ “ก็จริงที่ว่าเราเคยต่อสู้กับพวกอาชญกรเม็กซิกันมาก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรารู้ทุกซอกทุกมุมของเม็กซิโก ทำไมถึงให้เราทำคดีแบบนี้ในวันแรกของการทำงานกัน? เราไม่มีสายหรือทรัพยากรใดๆ ในการรวบรวมข้อมูลของคดีนี้ด้วยซ้ำ!”
ลุคพยักหน้า “เราไม่มีโรเบิร์ตคอยช่วยพวกเราอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้วยของเราตัวเอง และเนื่องจากตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลอะไรในมือ เพราะงั้นเราจึงต้องหาข้อมูลเอง แต่ก็นะสายข่าวที่จะให้ข้อมูลเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ”
ทันใดนั้นเซลิน่าก็คิดอะไรบางอย่างและตัดสินใจที่จะหยุดพูด
ความจริงแล้วสาเหตุหลักที่ทั้งสองคนไม่มีคอนเนคชั่นกับพวกสายสืบหรือผู้ให้ข้อมูลใดๆ เป็นเพราะลุคขอให้พวกเขายังคงเป็นคู่หูกันอยู่เหมือนเดิม
มิฉะนั้นพวกเขาแต่ละคนจะติดตามนักสืบที่มีประสบการณ์และจะสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลของพวกนักสืบรุ่นเก๋าที่พวกเขาติดตามได้ จากนั้นพวกเขาจะมีเวลาในการสร้างคอนเนคชั่นสายข่าวของพวกเขาเองได้อย่างช้าๆ
ลุคพอจะเดาได้มานานแล้วว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้น
แน่นอนว่าที่ลุคเต็มใจที่จะทำงานกับเซลิน่าต่อไป นั่นเป็นเพราะลุคเชื่อว่าเซลิน่าจะสนับสนุนเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในสมัยที่ยังอยู่ในเท็กซัสที่ในตอนที่เป็นคู่หูกันนั้นของเขาทั้งสองคนจะแบ่งปันเครดิตและผลงานเท่าๆ กันเมื่อพวกเขาคลี่คลายคดี แต่การคำนวณของระบบ การอัตรามีส่วนร่วมของลุคจะสูงมากกว่าเซลิน่าพอสมควร
ถ้าลุคต้องทำงานร่วมกับพวกนักสืบรุ่นเก๋าพวกนั้นแทน ลุคจะต้องกลายเป็นคนที่ทำตามคำสั่งของคนอื่น ซึ่งนั่นจะทำให้อัตราการมีส่วนร่วมของเขาจากการคลี่คลายคดีก็จะลดลงอย่างมาก
ทั้งสองไม่รอช้าและขับรถออกไปอีกครั้ง
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติของชีวิตเหล่าตำรวจนักสืบในแผนกอาชญากรรมหลัก
เพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งงานและได้รับการเลื่อนขั้นพวกเขาจะต้องทำงานหนัก และมีงานอีกมากมายที่ต้องทำและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เสร็จภายในเวลาทำงานปกติ
หลังจากออกจากแผนกพวกเขาก็แวะทานอาหารที่ร้านอาหารฟาสฟูดแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นร้านอาหารฟาสฟูดสไตล์เม็กซิกัน
พวกเขาสั่งทาโก้ไส้เนื้อและราดด้วยซอสเผ็ดตามสูตรของชาวเม็กซิกัน
หลังจากที่ได้ลิ้มรสทาโก้ที่สั่งมาลุคและเซลิน่าก็ลงมติกันว่าให้ร้านนี้เป็นร้านประจำของพวกเขาแน่นอน
นอกจากนี้พ่อแม่ของเซลนิน่าเป็นชาวเม็กซิกันที่อพยพเข้ามา ดังนั้นที่บ้านของเธอจึงทานอาหารเม็กซิกันที่บ้านเกือบตลอดเวลาอยู่แล้วจึงไม่ได้มีความรู้สึกแปลกอะไรกับอาหารรสชาติเผ็ด
ส่วนลุคนั้นในชาติที่แล้วของเขามาจากมณฑลเสฉวนประเทศจีน ดังนั้นลุคจึงชอบอาหารรสเผ็ดไปโดยปริยาย
เซลิน่าทานทาโก้สองชิ้นในขณะที่ลุคทานเข้าไปถึงสี่ชิ้น พวกเขาใช้เวลาเกือบ 40 นาทีในการรับประทานอาหารครั้งนี้
หลังจากเสร็จมื้ออาหารแล้ว เมื่อพวกเขากลับเข้าไปในรถเซลิน่าถามว่า“อร่อยดีนะว่างั้นไหม?”
ลุคตอบว่า“อืมทาโก้ที่นี่รสชาติใช้ได้เลยนะ แต่ผมว่ายังแย่กว่าของแซนดร้านิดหน่อย”
เซลิน่ากลอกตา “ให้ตายเถอะลุค หยุดอวยเธอได้แล้วแม่ของฉันไม่อยู่ที่นี่ซะหน่อย” เธออาจจะพูดแบบนั้น แต่ภายในใจเซลิน่ายังรู้สึกมีความสุขที่ได้ยินลุคชมแม่ของเธอ
ลุคยิ้มมุมปากเล็กน้อย“ทุกอย่างก็ดูดีนะสำหรับอาหารที่นี่ แต่ถ้าเรามาที่นี่แค่กินข้าวเฉยๆ ไม่ได้มาหาข่าว และถ้าหาสายข่าวของเราสักคนง่ายๆ เหมือนหาร้านกับข้าวก็คงจะดีสิ พวกเคสยากๆ ก็คงจะใช้เวลาไม่นานในการคลี่คลาย ลองมาขับวนไปรอบๆ บริเวณนี้ดูก่อนแล้วกัน”
คดีใหม่ที่พวกเขาได้รับ เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธและสงสัยว่ามีแก๊งชาวเม็กซิกันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
นี่คือสาเหตุที่เซลิน่าเชื่อว่าบร็อคมีอคติกับพวกเขาทั้งสองคน
แก๊งเหล่านี้มีหลากหลายขนาดตั้งแต่สมาชิกหลักหลายสิบคนไปจนถึงสมาชิกหลักหลายร้อยคน นักสืบมือใหม่สองคนที่ไม่มีเครือข่ายข้อมูลและสายข่าวที่เชื่อถือได้ คงจะไม่สามารถจัดการกับแก๊งดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามลุคไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่เซลิน่าคิด แต่เขาก็เก็บความคิดของเขาไว้ในใจ
บางทีบร็อคกำลังคิดที่จะเอางานที่ลุคกับเซลิน่าน่าจะถนัดให้ทั้งสองคน และแน่นอนว่าบร็อคไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถคลี่คลายคดีได้ในเร็วๆ นี้หรอก
ถ้าพวกลุคจัดการคลี่คลายคดีได้ง่ายดายนักสืบคนอื่น ๆ ในทีมก็คงจะดูโง่ไปกันหมดใช่ไหมหล่ะ?
ในความเป็นจริงคดีนี้อยู่กับแผนกมานานกว่าสองเดือนแล้ว นักสืบที่รับผิดชอบคดีนี้ก่อนหน้านี้ถูกย้ายออกไปทำงานในคดีเร่งด่วนที่อื่น เห็นได้ชัดว่าทุกคนเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คลี่คลายคดีนี้อย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เซลิน่าขับรถลุคก็สังเกตสภาพแวดล้อมของพวกเขาอย่างละเอียด
ทันใดนั้นใบหน้าของลุคก็อยู่ในอาการตกตะลึงไปทันที เนื่องจากลุคเจอใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เดินสวนกลับกับรถของพวกเขาไป ลุคเห็นใบหน้านั้นจากหางตาของเขา
ลุครู้สึกว่าเขาเคยเห็นหน้าคนๆ นั้นมาก่อนแน่ๆ แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าชื่อของคนๆ นั้นชื่ออะไร ซึ่งนั้นทำให้ลุคมั่นใจว่าไม่รู้จักคนๆ นั้นอย่างแน่นอน แต่ทว่าเหมือนลุคเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน
รถเคลื่อนที่ต่อไปอีกไม่กี่สิบเมตรก่อนที่ลุคจะพูดว่า“กลับรถก่อนๆ”
และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ลุคยังชอบที่จะทำงานกับคนที่รู้ใจกันเป็นอย่างดี เซลิน่ากลับรถโดยทันทีและไม่ได้มีความลังเลใดๆ เธอถามลุคหลังจากที่กลับรถแล้ว “นายเจออะไร?”
ในที่สุดลุคก็จำได้ว่าใบหน้านั้นเป็นของใคร ลุครู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ขณะที่เขาพูดตอบเซลิน่าว่า“ผมคิดว่า…เมื่อกี้ผมเห็นคนตายเดินอยู่ริมถนน”
เซลิน่าไม่ได้สงสัยในคำพูดของเขา แต่เธอถามอย่างสงสัยว่า“ใคร”
ลุคหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดว่า“คุณจำคดีก่อนหน้านี้ได้ไหม? คนที่ผมเห็นคือผู้ตายที่คุณเดาว่าเขาเป็นแม่มดไงหล่ะ…ผมเห็นเธอเดินอยู่ริมถนนเมื่อกี้”
มือของเซลิน่าสั่นสะท้าน เธอเกือบที่จะขับรถไปชนขอบฟุตบาท “ฮะ?”
นี่เป็นเรื่องที่น่าสยดสยองมากเมื่อได้ยิน
คนตายเดินอยู่ข้างถนนได้อย่างไร? นี่เป็นการฟื้นคืนชีพ เป็นผี หรืออะไรงั้นหรอ?
เซลิน่าควบคุมสติอย่างรวดเร็วและขับรถเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มมองไปยังพื้นที่รอบๆ เพื่อหาคนที่ลุคพูดถึง
.
B_R : ปุกาศ ปุกาศ !!!!!!!!!
ช่วงนี้จะช้าหน่อยนะครับผู้อ่านทั้งหลาย
แต่จะพยายามเร่งให้ได้อ่านกันไวๆ นะครับ
.
.
เรามีเพจแล้วน้าเข้าไป Follow กดถูกใจ พูดคุย ติดตามข่าวสารกันได้น้า ….
https://www.facebook.com/สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ-SDFW-105519611538127