บทที่ 91 ทุกหนทางเพื่อให้แกร่งขึ้น (3)
“อืมมม…”
อีวานลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงครวญคราง
ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมมานาที่น่ารําคาญนั้นให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้
เขายืนขึ้นด้วยหน้าตาที่บูดบึ้ง
เขานั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานดังนั้นกล้ามเนื้อของเขาจึงเจ็บมากจนแทบตาย
เขาไม่สามารถแม้แต่จะล้างตัวได้ดังนั้นในขณะนั้นเขาจึงมีกลิ่นตัวที่ค่อนข้างแย่
พูดง่ายๆคือเขาอยู่ในสภาพที่โทรมที่สุด
“ในที่สุดนายก็ตื่น!”
อีวานหันกลับมาและเห็นเฟรย์ยืนรออยู่ เขาจ้องเขาตาเบิกกว้าง
"มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?"
“หนึ่งสัปดาห์กับอีกสองวัน”
ความรู้สึกเกี่ยวกับเวลาของอีวานยุ่งเหยิง เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเพียงสี่หรือห้าวันเท่านั้น
อีวานยืดกล้ามเนื้อที่ช้ำขณะมองเฟรย์ ไม่เหมือนกับเขาเฟรย์แต่งกายด้วยชุดที่เรียบร้อยและสะอาด
“ฉันเดาว่ามานาจากผลไม้ ไม่ได้สร้างปัญหาให้นายมากนัก”
“เออ...ฉันไม่ได้กินมัน”
"ฮะ?"
เมื่อเฟรย์หยิบผลไม้ออกมาและแสดงให้เขาเห็น
“นายไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่กับฉันนิ ฉันแน่ใจว่าฉันรู้สึกได้”
“นายพูดถูกแต่ฉันเสริมพลังด้วยตัวช่วยอื่นที่ไม่ใช่ผลไม้”
“…”
อีวานมองเฟรย์ด้วยสีหน้าแปลกๆ
แม้ว่าคำพูดของเฟรย์จะดูแปลกๆแต่กลับเป็นออร่าของเฟรย์ที่อีวานให้ความสำคัญมากกว่า
ออร่ารอบตัวของเฟรย์แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่เขารู้สึกเมื่อสัปดาห์ก่อน
‘นี่…ทำไมถึงรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนธรรมดาๆ’
จากออร่าของเขาที่ไม่ว่าใครๆก็ต้องคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยร่ำเรียนเวทมนตร์มาก่อน แต่ความเป็นจริงเขากลับเป็นอาร์ชเมจที่ทรงพลัง
อีวานไม่สามารถรู้สึกถึงมานาใดๆจากตัวเฟรย์เลยซึ่งมันเหมือนกับอาจารย์ของเขา
และนั่นทำให้วิธีที่เขามองเฟรย์ดูแปลกประหลาดขึ้น
สุดท้ายเขาก็อดที่จะถามไม่ได้
“นาย…นายเพิ่งอัพระดับขึ้นหรือเปล่า?”
เฟรย์หัวเราะกับคำถามของเขา
"ใช่"
“งั้นนายก็เป็นวิซาร์ดระดับ 7 ดาวแล้วสินะตอนนี้…”
“8 ดาวต่างหาก!”
อีวานตกตะลึง แม้แต่เขาซึ่งเป็นนักรบเวทมนตร์ก็รู้ถึงความสำคัญของวิซาร์ดระดับ 8 ดาว
“นาย…นายอายุเท่าไหร่?”
“ฉันอายุยี่สิบ”
"หรืออาจจะยี่สิบเอ็ด?"
เฟรย์เอียงศีรษะขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามอีวานที่ได้ยินสิ่งนี้ถึงกับพูดไม่ออก
เขาโตขึ้นมากับคำชมว่าเขามีพรสวรรค์ แต่เฟรย์นั่นอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากคำว่าพรสวรรค์อย่างสิ้นเชิง
‘…ไม่สิ’
‘พรสวรรค์’ ยังเป็นคำที่สามารถอธิบายความสามารถของเฟรย์ได้อยู่อีกหรือ?
แม้ว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นความวุ่นวายทางอารมณ์ของอีวาน แต่เฟรย์ก็พูดอย่างใจเย็น
“แล้วนายจะทำอะไรตอนนี้?”
"ฮะ?"
“แม้ว่าเราจะไม่บรรลุเป้าหมายจริงๆแต่เราก็ได้ฆ่าโอดินตามที่ริกิร้องขอเราทำภารกิจสำเร็จแล้ว”
“อืม…”
เฟรย์พูดถูก
โอดินตายไปแล้วและเขายังได้รับผลไม้จากฮรูฮิราลอีกด้วย
ลิลันด์เป็นหมู่บ้านที่น่าทึ่งแต่มันก็เป็นสถานที่ที่แย่ที่สุดสำหรับคนอย่างอีวาน
“ฉันจะทำสิ่งที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ต่อไป”
“ก่อนหน้านี้นายทำอะไรอยู่?”
"เออ...ใช่ ฉันกำลังมองหาอาวุธหลักสามชื้นของคาซาจิน”
“อาวุธหลัก…”
“ถุงมือของราชาเสือเข็มขัดยักษ์และสร้อยคอพายุของสามชิ้นของคาซาจิน”
อีวานเดาะลิ้นของเขาเบาๆ
“อาจารย์มีสร้อยคอพายุแต่เขาไม่รู้ว่าถุงมือของราชาเสือและเข็มขัดยักษ์อยู่ที่ไหน ฉันไม่ชอบพึ่งไอเทมสักเท่าไหร่แต่อาจารย์บอกฉันว่าฉันต้องหามันให้เจอถ้าฉันอยากจะเหนือกว่าคาซาจิน”
“อาจารย์?”
“อดีตผู้สืบทอดราชันนักรบเวทมนตร์ เธอน่ารังเกียจและก็แข็งแรง… แต่ส่วนใหญ่น่ารังเกียจมากกว่า”
อีวานทำสีหน้ารังเกียจ
ปฏิกิริยานี้ทำให้เฟรย์สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของอาจารย์ของอีวาน
"ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?"
"ไม่รู้สิ จู่ๆเธอก็หายตัวไปเมื่อสามปีก่อนและไม่เหลืออะไรเลยนอกจากจดหมายที่บอกให้ฉันตามหาถุงมือของราชาเสือและเข็มขัดยักษ์ ฉันไม่มีอะไรทำดังนั้นฉันจึงตามหาสองสิ่งนั้นเรื่อยมา”
เฟรย์พยักหน้า
การค้นหาไอเทมทั้งสามชิ้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอีวาน
“ถ้านายต้องการเหนือกว่าคาซาจินนายจะต้องหาไอเทมทั้งสามชิ้นให้เจอ”
"ฮะ? เพื่ออะไร?"
“เพราะนายจะสามารถเห็นรูปแบบที่แท้จริงของหมัดราชาได้”
"จริงๆดิ? ไม่สิที่สำคัญไปกว่านั้น…นายรู้ได้ยังไง?”
ลองคิดดูเขายังไม่ได้ถามเลยว่าผู้ชายคนนี้เรียนรู้หมัดราชาได้อย่างไร
เขาลืมไปหลังจากเจอเหตุการณ์บ้าๆรั่วเข้ามาเป็นชุดเมื่อเร็วๆนี้
เฟรย์ไม่ได้เสแสร้งหาข้ออ้างและยักไหล่
“ก็เรียนมาจากสักแห่ง”
“นายไม่อยากบอก อืม...ฉันเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของอีวานนั่นเท่เอามากๆเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เสแสร้งที่จะพูดอย่างนั้น - เขาไม่ได้อยากรู้เลยจริงๆ
และยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าถ้าเฟรย์ไม่อยากบอกเขาเรื่องนี้มันต้องมีเหตุผล
อย่างไรก็ตามเขายังคงรู้สึกแปลกๆ
นั่นเป็นเพราะความรู้สึกที่ไว้เนื้อเชื่อใจนี่เกิดขึ้นเพียงกับอาจารย์ของเขาเท่านั่น
‘นี่เป็นเรื่องปกติเหรอ?’
สิ่งสำคัญที่เขาเลือกยอมรับก็คือเฟรย์นั้นแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ
“แล้วนายจะไปทำอะไรต่อเฟรย์?”
“ฉันจะเข้าร่วมการประชุมของเดมิก็อดกับริกิ”
"ฮะ? นายจะไปที่นั่นทำไม?”
"คือว่า…"
เฟรย์อธิบายสั้นๆว่าเขาได้ยินอะไรจากริกิเขายังเล่าบางสิ่งที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับตระกูลเบลค
นั่นเป็นเพราะเฟรย์มั่นใจว่าทัศนคติของอีวานจะไม่เปลี่ยนไปหลังจากที่เขารู้ว่าเขามาจากที่ไหน
“โอ้ว นายเป็นลูกผสมที่สามารถใช้ได้ทั้งมานาและพลังศักดิ์สิทธิ์ จริงดิ!”
“…”
ปฏิกิริยาของเขาเป็นไปอย่างที่เฟรย์คาดหวังแต่มันก็ไม่รู้สึกดีที่โดนอีวานเรียกว่าลูกผสม
เฟรย์พยักหน้าอย่างแข็งกร้าว
"ฉันเข้าใจ อย่างไรก็ตามมันอันตรายมาก”
“มันอันตรายแต่ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะไปตายที่นั่น อีกอย่างอีวานหลังจาก...”
เมื่อน้ำเสียงของเฟรย์จริงจังอีวานก็เอียงศีรษะอย่างสงสัย
"ฮะ?"
“การประชุมของเหล่าเซอร์เคิลทุกๆสองปีจะจัดขึ้นในอีกประมาณหนึ่งปีครึ่ง กล่าวกันว่าเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่สมาชิกคนสำคัญของเซอร์เคิลจะเข้าร่วมทุกคน”
"ใช่ ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เขาได้ยินเรื่องนี้จากอาจารย์ของเขาสองสามครั้ง
แน่นอนว่าอีวานไม่เคยเข้าร่วมเลยและอาจารย์ของเขาก็หยุดเข้าร่วมหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
“ฉันจะคว่ำมัน”
"…ฮะ? คว่ำ? คว่ำอะไร? ”
“ทุกๆอย่างที่เคยบอกไว้ เซอร์เคิลในปัจจุบันเป็นเหมือนคอกหมูที่เต็มไปด้วยพวกปศุสัตว์เหม็นเน่า”
เฟรย์หัวเราะสั้นๆ
"ฉันเห็นด้วยกับนาย ฉันจะแก้ไขมัน ฉันจะกำจัดกลิ่นและจัดระเบียบให้เหมาะสม…คิดว่าเป็นการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก็ได้”
"ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่!"
อีวานดูตื่นเต้น หากเป็นคนอื่นที่พูดคำเหล่านั้นออกมาอีวานคงจะเพิกเฉยต่อคำเหล่านั้น แต่ถ้ามันมาจากปากของเฟรย์ มันก็แตกต่างออกไป
ผู้ชายคนนี้อาจจะแปลกไปนิดหน่อยแต่เขาไม่ใช่คนโง่
เมื่อเขาคิดเช่นนี้เขาก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมนายถึงมาบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ละ?”
“เพราะนายจะช่วยฉันแน่…”
"ช่วย…?"
การแสดงออกของอีวานกลายเป็นความภาคภูมิใจเล็กน้อยและเมื่อเห็นเช่นนั้นเฟรย์จึงตัดสินใจเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อย
“…สร้างโอกาส”
ไวยากรณ์กลายเป็นเรื่องแปลกไปเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจ ความหมายต่างหากที่สำคัญ
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นเฟรย์ก็ยื่นมือไปหาอีวาน
“อื้อหือ!”
อีวานไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไปและระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขจนเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง
เขาจับมือเฟรย์แน่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“จากนี่อีกหนึ่งปีครึ่ง”
“จากนี่อีกหนึ่งปีครึ่ง”
อีวานอดไม่ได้ที่จะคิด
‘มันจะต้องวุ่นวายแน่’
เขารอคอยให้วันนั่นมาถึงและไม่รู้ว่าจะอดทนรอได้ไหม
* * *
อีวานบอกว่าเขากำลังจะเดินทางไปทางใต้
“ซิลคิดประเทศแห่งทะเลทราย ตามที่อาจารย์บอกว่าเป็นสถานที่สุดท้ายที่พบร่องรอยของคาซาจิน”
“มันอยู่ในทะเลทรายอามากันหรือเปล่า?”
"ถูกตัอง"
เขารู้เพราะได้ยินเรื่องการตายของคาซาจินจากฮรูฮิราล
“ฉันจะพยายามค้นหาร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่นั่น ไม่น่าจะเป็นที่ๆน่าเบื่อจนเกินไป ฉันได้ยินมาว่าทะเลทรายนั้นเต็มไปด้วยนักรบที่แข็งแกร่ง”
เฟรย์พยักหน้า
"ฉันขอให้นายโชคดี"
“ขอบคุณ”
และด้วยเหตุนี้อีวานก็จากไป
ไซแอ็กซ์เป็นคนนำทางเขาออกจากป่าใหญ่
ดูเหมือนว่าเธอจะปล่อยวางความรู้สึกแย่ๆที่มีต่ออีวานได้แล้ว แถมแววตาของเธอยังเต็มไปด้วยความเคารพอย่างชัดเจนขณะที่เธอมองเขา
ทัศนคติของเธอเป็นที่เข้าใจได้เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ช่วยหมู่บ้านของเธอ
เมื่อคิดว่าพวกเขาดูเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาคาดไว้เฟรย์จึงพูดเบาๆ
"สโนว์"
“ในขณะที่ฉันสวมหน้ากากเรียกฉันว่าซอร์ดน่าเถอะ”
สโนว์โปรยปรายลงมาจากด้านบนของเขา จากนั้นเธอก็หันไปมองเฟรย์ด้วยความสับสนที่ปรากฏในดวงตาของเธอ
“นายรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ตรงนั่น? ฉันไม่ได้เปิดเผยตัวเองเหมือนครั้งที่แล้วนะและฉันก็ค่อนข้างมั่นใจในความสามารถในการพรางตัว”
“เป็นเพราะตอนนี้ฉันเป็นพ่อมดระดับ 8 ดาวแล้วยังไงละ”
จริงๆเป็นเพราะเขากลายเป็นพ่อมดระดับ 8 ดาว
การแสดงออกของสโนว์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเธอจำคำอธิบายที่ไซแอ็กซ์บอกกับเธอได้
“…อะไรแบบนั้นเป็นไปได้หากไปถึงระดับ 8 ดาว?”
"ถูกตัอง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันเรียกคุณ”
“…”
“คุณช่วยพาฉันไปพบกับริกิได้ไหม ฉันมีสิ่งที่ต้องคุยกับเขา”
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้นเฟรย์และสโนว์ก็มุ่งหน้าไปที่กระท่อมของริกิอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้เฟรย์ได้ข้ามขั้นตอนการวาดวงเวทย์ไปโดยสิ้นเชิงโดยร่ายวาร์ปโดยตรง ใช้เวลาในการร่ายเพียงเล็กน้อยและคาถานั้นให้ความรู้สึกเบาเหมือนกับคาถาบลิ้ง
ในขณะที่กระท่อมของริกิอยู่ในระยะมองเห็น
[อย่าเพิ่งเข้ามา!]
“…!”
มันคือเสียงของริกิ
การแสดงออกของเฟรย์และสโนว์เปลี่ยนไปทันที
[ซ่อนตัว ! ด่วน!]
การได้ยินน้ำเสียงเร่งด่วนของริกิเป็นครั้งแรกก็เพียงพอที่จะอธิบายความร้ายแรงของสถานการณ์ได้
พวกเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เฟรย์และสโนว์สบตากันครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะกระจัดกระจายไปยังทั้งสองด้านและซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้
ในขณะเดียวกันประตูก็เปิดออก
“…”
เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู
เฟรย์สั่นเล็กน้อยเมื่อสบดวงตาสีเหลืองสดใสของเธอ
'เดมิก็อด!'
ความกดดันที่เธอแผ่ออกมาไม่รุนแรงเหมือนกับนอซด็อกหรือริกิซึ่งหมายความว่าเธอไม่ใช่อะโพคาลิปส์
อย่างไรก็ตามเธอยังคงเป็นเดมิก็อดดังนั้นเขาจึงต้องเฝ้าระวัง
กรึบ
เธอแลบลิ้นยาวออกมา
“มันแปลกจัง ~ ฉันแน่ใจว่าฉันรู้สึกถึงคลื่นมานา ~”
เธอมีน้ำเสียงแปลกๆซึ่งทำให้เสียงของเธอฟังยาก
ริกิที่เดินตามเธอพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“คุณคงเข้าใจผิดไปแล้วไฮดรา”
“อย่างนั้นเหรอ ~ อืม ~”
ผู้หญิงที่ชื่อไฮดราเอียงศีรษะไปด้านข้าง
ตอนนั้นเอง
“…”
สายตาของเธอหันไปยังจุดที่สโนว์ซ่อนตัวอยู่
“อืม”
สีหน้าของเธอเริ่มแปลก
อีกครั้งที่เธอแลบลิ้นออกมาและกระดิกสองสามครั้ง
จากนั้นเธอก็เริ่มเดินไปยังตำแหน่งที่สโนว์ซ่อนตัวอยู่
“…”
สีหน้าของเฟรย์แข็งกร้าว
‘เธอสังเกตเห็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันหรอ?’
การแสดงออกของสโนว์ดูจริงจังมากขึ้น
มือของเธอจับด้ามดาบและเฝ้าดูขณะที่ไฮดราเดินเข้าไปหาเธอด้วยความวิตกกังวล
“จะไปไหนนะไฮดรา?”
อย่างไรก็ตามริกิถามเธอในนาทีสุดท้าย
จากนั้นไฮดราก็เอียงศีรษะอีกครั้ง
“ฉันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างตรงนั่น ~”
“…อัครสาวกของฉันเอง”
“หืม? จริงหรือ?”
"ถูกตัอง และฉันไม่มีเจตนาที่จะแสดงให้ใครเห็นว่าอัครสาวกของฉันมีหน้าตาเป็นอย่างไรจนกว่าจะเปิดเผยตัวตนของผู้ทรยศ”
แม้ว่าน้ำเสียงของริกิจะค่อนข้างคมชัด แต่ไฮดราก็ยังคงแสดงท่าทีไร้กังวล
“อืม ใช่ ถูกตัอง ลอร์ดบอกเช่นนั้นเช่นกัน อัตลักษณ์ของอัครสาวกของพวกเราควรถูกซ่อน”
ตอนนั้นเอง
จู่ๆไฮดราก็เริ่มหัวเราะคิกคัก
“ฮิฮิ! ฮิฮิ! … แต่มันตลกจริงๆ”
“ตลกอะไร?”
“อันที่จริงฉันเห็นพวกเขามาสักพักแล้ว เพราะฉันมีตาเยอะ…มากกว่าคุณถึง 9 เท่า ดังนั้นฉันจึงไม่พลาด ~”
ไฮดราหัวเราะอีกรอบ
“ริกิอัครสาวกของคุณเป็นเอลฟ์? ฮะ ลองคิดดูสิเหยื่อที่นอซด็อกเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เป็นเอ..”
ในขณะนั้นการแสดงออกของริกิซึ่งรู้สึกอายเพียงเล็กน้อยจมลงไปเหมือนก้อนหินในแม่น้ำ
จู่ๆ
ชิก
จู่ๆหัวของไฮดราลอยขึ้นไปในอากาศ เลือดสีเขียวได้พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ