ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 15 ยืนหยัดอย่างน่าเกรงขาม
บทที่ 15 ยืนหยัดอย่างน่าเกรงขาม
จินหัวและเหอไท่ซวีหวาดเกรงยิ่งว่าตนไม่อาจชนะหนานเทียนตูเป็นแน่ เพราะความสามารถของอีกฝ่ายเป็นที่ประจักษ์ชัด หันไปอีกทางก็พบเข้ากับเยี่ยฉวน ทั้งสองเริ่มตึงเครียดเพราะหมดหนทางหนี!
“พวกเจ้าทั้งสองอุตส่าห์มาถึงที่นี่ เหตุใดจึงรีบกลับเล่า?! หวาดกลัวข้าเพียงนั้นเชียวหรือ?”
เยี่ยฉวนเดินเข้าหาพร้อมรอยยิ้ม...
เขายิ้มอย่างไร้พิษภัยราวไม่มีความแค้นต่อกัน แต่สำหรับจินหัวและเหอไท่ซวีแล้ว ยิ่งอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มเจิดจรัส จิตใจของพวกเขาก็ยิ่งกระสับกระส่าย!
ยามนี้เยี่ยฉวนกลายเป็นคนใหม่และสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้อื่นอยู่บ่อยครั้ง ไม่หลงเหลือความขลาดเขลาหรือเหนียมอายอีกต่อไป!
“จะ...เจ้าจะทำการใด?!” จินหัวเผยสีหน้าซีดเผือด!
ครั้นเห็นเยี่ยฉวนเดินคืบเข้าใกล้ เขาพยายามข่มใจให้นิ่งทว่ายังรู้สึกกังวลจนหัวใจสั่นระรัว!
เขาเป็นศิษย์ชั้นเลิศของหอแปรธาตุ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือขั้นซิวฉือระดับสองและบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านหัวหน้า การถูกเยี่ยฉวนดูหมิ่นเช่นนี้ ต่อไปเขาจะสามารถสู้หน้าผู้ใดได้!?
เขารู้สึกร้อนรนและสูญเสียการควบคุมอีกครั้งขณะอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่คอยสังเกตการณ์ไม่ห่าง
“หึๆ! ข้าจะทำการใดงั้นหรือ?! เหตุใดเจ้าจึงไม่ปริปากออกมาเองเล่า?!”
เยี่ยฉวนเดินตรงเข้าหาทั้งสองพลางแสยะยิ้มพร้อมยกแส้ในมือ “เหตุใดศิษย์น้องอย่างพวกเจ้าจึงกล้ายุยงให้เขาเดินทางมายังยอดเขาเมฆาอินทนิลเพื่อให้เกิดการประลอง?! ถ้าหากข้าไม่สั่งสอนพวกเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าคงเป็นศิษย์พี่ที่แย่พอควร!”
“หยุดนะ! ไอ้ตัวบัดซบ! หากเจ้ากล่าวหาว่าพวกข้ากระทำผิดอย่างไรก็ควรให้หออาญาเป็นผู้ตัดสิน! แต่นี่เจ้าจะทำการใดกันแน่?!” เหอไท่ซวีรีบยกนามหออาญามาอ้าง!
ยามนี้เขาต้องการออกจากยอดเขาเมฆาอินทนิลอย่างเร็วที่สุด หากออกไปได้โดยราบรื่นผู้เป็นนายเช่นจินหัวคงใช้ฐานะบุตรชายแห่งเจ้าหอแปรธาตุจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น!
“สำนักหมอกเมฆาของเรามีกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติกำหนดไว้ ศิษย์พี่ใหญ่อย่างข้าก็มีกฎเช่นกัน! ผู้ใดก็ตามที่กล้าล่วงเกิน...ข้าจะลงโทษโดยการลงแส้ฟาดก้นด้วยตัวเอง!”
เยี่ยฉวนประกาศกล่าวโดยไม่กระพริบตา เขาไม่ใส่ใจว่าเหอไท่ซวียกสิ่งใดมาอ้างด้วยซ้ำ!
จินหัวและเหอไท่ซวีรู้ว่าเยี่ยฉวนไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยง่ายเป็นแน่จึงหมุนกลับเพื่อฝ่าออกจากวงล้อมฝูงชน! พวกเขาเคลื่อนกายหลบทั้งทางซ้ายและขวา แม้พวกเขาบรรลุถึงขั้นซิวฉือระดับสองแต่กลับช้ากว่าหนานเทียนตูที่ยกร่างทั้งคู่ทุ่มลงกับพื้นทันที!
“ทำดีทีเดียว! ศิษย์น้องเทียนตู! คราวนี้จงช่วยข้าดึงกางเกงของพวกเขาลงทีเถิด ระหว่างที่ท่านเจ้าสำนักไม่อยู่ศีลธรรมและมารยาทภายในสำนักเสื่อมทรามลงทุกวัน หากข้าปกครองโดยเพิกเฉยบรรดาศิษย์ก็จะไร้ระเบียบ วันนี้ศิษย์พี่ใหญ่จำต้องลงโทษเพื่อไม่ให้ทุกคนยึดเป็นเยี่ยงอย่าง!”
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจเบา เห็นทีเขาคงต้องลงโทษจินหัวโดยการจับถลกกางเกงแพรลงจริงๆ เสียแล้ว!
หนานเทียนตูไม่เอ่ยคำใดทว่าปฏิบัติตามอย่างซื่อตรง พละกำลังของเขาทำให้ร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัวของจินหัวและเหอไท่ซวีไม่อาจขัดขืนใดๆ ได้ ฉับพลันบั้นท้ายขาววับสองคู่ก็เปลือยปรากฎต่อสาธารณะ! ศิษย์หญิงที่ล้อมดูอยู่ต่างกรีดร้องพลางปิดตาด้วยความกระดากอาย ส่วนบรรดาศิษย์ชายต่างเบิกตากว้างและรอคอยความครื้นเครงอย่างจดจ่อ!
ผู้มีสายตาเฉียบคมคงสังเกตได้ว่าจินหัวอับอายเพียงใดที่ถูกถลกกางเกงแพรประจานเช่นนี้! เขาใช้วิธียุยงหนานเทียนตูให้ลงจากเขามาท้าประลองชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ ทว่าแผนการล้มเหลว! สิ่งที่วางแผนมาอย่างหนักในที่สุดก็หล่นทับเท้าเขาเองจนได้!
ทุกคนรับรู้เรื่องราวอย่างกระจ่างแล้ว แต่ที่น่ารอคอยยิ่งกว่าคือเยี่ยฉวนจะกล้าทำดังป่าวประกาศหรือไม่?!
จินหัวเป็นใคร?!
เขาเป็นบุตรชายเพียงผู้เดียวของเจ้าหอแปรธาตุ ฐานะสูงส่งราวคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ทั้งยังมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าอาวุโสลำดับสามโปรดปรานเขาถึงขั้นจะยกให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อไป!
แม้เยี่ยฉวนจะเป็นศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนัก ทั้งยังดำรงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาแต่อำนาจและอิทธิพลของเขาน้อยกว่า ตัวท่านเจ้าสำนักไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว บรรดาศิษย์น้องต่างพากัน
รังแกและต่อแถวท้าประลองกับเขาในทุกๆ ห้าวัน เทียบกับจินหัว...สถานะของทั้งสองช่างห่างกันไกลลิบ
แม้เยี่ยฉวนรู้ทันอุบายของอีกฝ่าย แต่เขากล้าหาญพอจะต่อกรกับบรรดาผู้สนับสนุนเหล่านั้นหรือ?! เขาไม่หวาดเกรงการแก้แค้นหรือความไม่พึงใจจากเจ้าแห่งหอแปรธาตุเลยหรืออย่างไร?!
ในใจของทุกคนพลันเกิดข้อกังขาขณะเฝ้าดูอย่างไม่ละสายตา
ยามนี้เยี่ยฉวนไม่ได้คำนึงถึงสิ่งใด เขาตั้งท่ายกแส้เทวะพลางตัดสินใจแน่วแน่...เพื่อยืนหยัดอย่างน่าเกรงขาม วันนี้เขาจะต้องลงโทษทั้งนายและบ่าวเจ้าปัญหาต่อหน้าบรรดาศิษย์ร่วมสำนักให้จงได้!
“ไอ้เลวระยำ! เจ้ากล้าหรือ?!”
จินหัวทั้งตื่นกลัวและโมโหยิ่ง แค่ถูกดึงกางเกงลงต่อหน้าผู้คนก็อับอายเกินพอ หากเยี่ยฉวนใช้แส้ฟาดและทิ้งรอยแดงไว้ตรงบั้นท้ายเขาจริงๆ เล่า?! เขาจะกล้าสู้หน้าผู้ใดได้อีก?!
“อันที่จริงข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้หรอกนะ!”
เยี่ยฉวนโคลงศีรษะพลางวางไม้กวาดในมือลง
หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกันและแสดงความผิดหวัง ตอนแรกเยี่ยฉวนดูเด็ดขาดยิ่งที่ตัดสินใจลงโทษแต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่กล้า ท่ามกลางฝูงชนคงมีเพียงจูซือเจียที่ไม่ปริปากเอ่ยคำใดเพราะยังคงคอยอย่างจดจ่อ แม้แต่บั้นท้ายของนางยังถูกเขาตีมาแล้ว! ไยเขาจะไม่กล้าลงมือ!
จินหัวและเหอไท่ซวีผ่อนคลายลงเพราะคิดว่าพวกตนรอดพ้นแล้ว ขณะนั้นเองเยี่ยฉวนกลับหัวเราะเย็นเยือก เขายกแส้เทวะขึ้นสูงและตีลงเต็มแรงอย่างไร้ความปรานีจนเกิดเสียงเพี้ยะดังลั่น! จินหัวพลันเปล่งเสียงโอดโอยราวหมูถูกเชือด! ความภาคภูมิใจในพลังยุทธ์แทบมลายสิ้นเมื่อตกอยู่ใต้อาณัติไม้กวาดด้ามนี้!
“ไม้นี้ลงโทษในนามสมุนไพรของอาวุโสลำดับสองที่ถูกเหยียบย่ำ!”
เยี่ยฉวนกล่าวเสียงแข็งพร้อมชูแส้ในมือเป็นครั้งที่สองแล้วฟาดลงไปโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง! เสียงเพี้ยะและรอยเลือดซิบอีกรอยปรากฏขึ้นบนบั้นท้ายขาวเนียนของจินหัว!
“ไม้นี้ลงโทษในนามท่านเจ้าสำนักที่พวกเจ้าฝ่าฝืนกฎและทำการยุยงให้เกิดความขัดแย้ง...ถือเป็นอาญาร้ายแรงยิ่ง! การลงแส้ฟาดก้นเช่นนี้ถือเป็นการลงโทษสถานเบาเท่านั้น!”
เยี่ยฉวนลงมือฟาดอีกเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้จินหัวผู้บรรลุขั้นซิวฉือระดับสองเจ็บปวดจนหมดสติ เขาแสดงออกชัดแจ้งว่าขายหน้าและเปี่ยมโทสะเพียงใด!
ถูกลงมือรุนแรงเพียงนี้ เขาสิ้นฤทธิ์เสียแล้ว!
หลังจากนี้หากเขายังไม่เลิกใช้แผนการสกปรกและโหดเหี้ยมหรือแม้กระทั่งคิดฆ่าเยี่ยฉวนอีก เรื่องในวันนี้คงพอจะเป็นที่โจษจันและจะถูกหยิบยกมาเยาะเย้ยให้เขาอับอายไปตลอดชีวิต!
เหอไท่ซวีได้ยินเสียงร้องน่าอนาถของผู้เป็นนายเหงื่อพลันเปียกชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง เคราะห์ดีที่ตนยังไม่ถูกแส้ฟาดลงมา ทว่าปลอบใจตนเองได้เพียงครู่เขาก็ได้ลิ้มรสอานุภาพของแส้เทวะในที่สุด! ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นขึ้นมาจากบั้นท้าย! เสียงโหยหวนของทั้งนายและบ่าวดังก้องไปทั่วยอดเขาเมฆาอินทนิล!
ครั้นเห็นสภาพน่าสังเวชของทั้งสอง บรรดาศิษย์ต่างมองเยี่ยฉวนด้วยความสาแก่ใจระคนครั้นคร้าม จากนี้พวกเขาคงต้องไตร่ตรองและระวังกิริยาให้มากขึ้นก่อนกระทำการหยาบโลนใดๆ หรือคิดเพิกเฉยต่อศิษย์พี่ใหญ่!