ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 14 เมื่อน้ำท่วมวิหารราชันย์มังกร
บทที่ 14 เมื่อน้ำท่วมวิหารราชันย์มังกร
พละกำลังและความแข็งแกร่งของหนานเทียนตูน่าอัศจรรย์ขึ้นเรื่อยๆ! เกิดพายุหมุนและฝุ่นผงตลบคลุ้งอยู่รอบกายเขาแม้ยังไม่เริ่มโจมตี! อักษรโบราณที่สลักอยู่บนใบดาบเปล่งแสงจรัสจ้าราวไข่มุกทั้งยังแผ่จิตสังหารออกมาเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ผู้คนรอบข้าง!
มนุษย์ธรรมดาหากมีกระบี่วิเศษอยู่ในมือก็ทำให้สวรรค์สั่นสะเทือนได้!
ยอดฝีมือ!
เขาผู้นี้คือยอดฝีมือรุ่นเยาว์! อัจฉริยะในรอบพันปี!
บรรดาศิษย์ที่มุงดูตกตะลึงจนไม่อาจกะพริบตา!
หนานเทียนตูผู้ฝึกตนอย่างสันโดษมาโดยตลอดมีชื่อเสียงก้องสำนักมานมนาน ทว่า ณ เวลานี้ ระดับขั้นวิทยายุทธของเขายิ่งเหนือกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการได้! เทียบกับเหล่าอัจฉริยะในสำนักแล้วพวกนั้นล้วนด้อยกว่า!
“เจ้าอ้วนซื่อบื้อ! เหตุใดยังไม่รีบไปเชิญท่านเจ้าสำนักมาอีก?!” จูซือเจียเผยสีหน้าหวั่นวิตกยิ่ง!
แม้เป็นคนโง่ก็มองออกว่าเป้าหมายการชิงตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของหนานเทียนตูในยามนี้คือฆ่าเท่านั้น! เขาจงใจใช้เคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์เล่นงานอีกฝ่ายถึงตาย! หากไม่มีผู้ใดเข้าขัดขวางเห็นทีเยี่ยฉวนคงสิ้นใจบนยอดเขาเมฆาอินทนิลแห่งนี้เป็นแน่!
“ตึง!”
เสียงคำรามของกระบี่นิลสลักพลันดังก้องขณะจูซือเจียยังคิดลังเลที่จะก้าวออก! หนานเทียนตูปล่อยพลังจิตสังหารอันมหาศาลจู่โจมอีกฝ่าย! กระบี่ลอยเด่นอยู่บนอากาศพร้อมเงาเลือนรางของมังกรที่ปรากฏขึ้น! มันอ้าปากเปื้อนคราบเลือดออกพลางหวีดร้องใส่เยี่ยฉวน!
กระบวนท่าแรกของเก้ากระบี่สะท้านสวรรค์...หัตถ์สังหารมังกร!
หนานเทียนตูไม่เอ่ยคำใดให้สิ้นเปลือง เขาทุ่มแรงทั้งหมดเข้าโรมรันอย่างบ้าระห่ำ!
การฟาดฟันกระบี่เมื่อครู่ทำให้บรรดาศิษย์ที่เฝ้าดูอยู่รู้สึกอึดอัดราวถูกแรงกดให้จมอยู่ใต้น้ำ! แม้แต่ศิษย์ฝีมือดีที่บรรลุขั้นซิวฉือยังตะลึงงันไม่ขยับเขยื้อนกายแม้แต่น้อย!
เป็นถึงศิษย์ฝีมือดียังรู้สึกเช่นนั้น แล้วเยี่ยฉวนที่บรรลุเพียงระดับห้าของขั้นอู๋เจ๋อจะปัดป้องการโจมตีจากหนานเทียนตูได้อย่างไร?!
ทุกคนต่างตระหนักรู้ว่าช่วงเวลาสุดท้ายได้มาถึงแล้ว! จ้าวต้าจื่อล้มโครมขณะวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือ ดังนั้นมันจึงสายเกินไป!
เยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน!
แม้วิทยายุทธของหนานเทียนตูไม่อาจเทียบเคียงบุคคลในอดีต แต่ด้วยพรสวรรค์อันน่าทึ่ง…อายุยังเยาว์แต่กลับปลดปล่อยพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ราวเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเขา ทำให้เยี่ยฉวนรู้สึกคล้ายเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์สะท้านสวรรค์อีกครั้ง!
จิตสังหารของหนานเทียนตูรุนแรงยิ่ง! บรรดาศิษย์เริ่มร้องไห้อย่างอกสั่นขวัญแขวนโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่กำลังจะตายอย่างอนาถา!
ทันใดนั้นจอบขุดพืชสมุนไพรพลันปรากฎเข้าขวางกระบี่! เสียงดังเคร้ง! ที่เกิดขึ้นทำให้เยี่ยฉวนสบจังหวะยกไม้กวาดขึ้นป้องกันได้ทันเวลา!
ชายชราเคราขาวผมเผ้ายุ่งเหยิงใบหน้าเปื้อนคราบดินปรากฏกายอยู่ตรงหน้า เขาปัดหนวดเคราพลางหันไปจ้องหนานเทียนตูเขม็ง “ไอ้เด็กเนรคุณ! ใครอนุญาตให้เจ้าลงจากเขา?! ปีกกล้าขาแข็งนักหรือจึงมาอวดดีอยู่ที่นี่?!”
นั่นใครกัน?
เขาไม่รักชีวิตตนเองหรือไรจึงกล้าพ่นถ้อยคำตำหนิยอดฝีมือในรอบพันปีเช่นหนานเทียนตู!?
บรรดาศิษย์ต่างตกตะลึงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทว่าฉากต่อมากลับทำให้ทุกคนต้องตระหนกยิ่งกว่า!
หนานเทียนตูผู้อหังการถึงขั้นจะฆ่าศิษย์พี่ใหญ่ต่อหน้าเหล่าศิษย์ในสำนักกลับโยนกระบี่นิลสลักในมือทิ้ง! เขาคุกเข่าลงบนพื้นราวเด็กน้อยที่ทำผิดมหันต์! ใบหน้าแปรเป็นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย “ศิษย์ไม่บังอาจ! ขออาจารย์โปรดลงโทษ!”
“หึ! เจ้าทำอันใดผิด?!” ชายชราเชิดหน้าพร้อมพ่นลมหายใจแรง
“ศิษย์...ศิษย์ไม่ควรลงจากยอดเขาโดยไม่รับอนุญาตและไม่...ไม่ควรคิดฆ่าศิษย์พี่ใหญ่ขอรับ!” หนานเทียนตูตอบกลับ เมื่อครู่เขายังทำตัวโอหังอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าหลังพบชายชราผู้นี้เขากลับมีท่าทีราวหนูพบแมว!
“ผิด! ผิดมหันต์!”
ชายชราเช็ดคราบดินที่เปื้อนใบหน้าออกพลางตวาดดังจนใบหน้าของลูกศิษย์เต็มไปด้วยละอองน้ำลาย! “เจ้าลงจากเขาแล้ว จะไล่เข่นฆ่าคนเป็นร้อยเป็นพันก็ย่อมได้! แต่ไม่ควรอวดดีต่อศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเช่นนี้! เจ้าไม่เคารพเขาเท่ากับไม่เคารพข้า! ไอ้เด็กบ้านี่! ยังไม่รีบกล่าวขอโทษอีก?!”
คำพูดของชายชราสร้างความตื่นตระหนกยิ่งแก่ฝูงชนจนพวกเขาก้าวถอยหลังโดยทันที! ชายชรากวาดตามองโดยรอบ ณ ยามนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่สายตาทุกคนแล้ว เขาไม่ใช่ใครอื่นเสียนอกจากหนานกงเหริน...อาวุโสลำดับสองผู้คลั่งไคล้โอสถและรักการปลูกพืชสมุนไพร! ไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้นผมเผ้าของเขาจึงกระเซอะกระเซิงทั้งเสื้อผ้ายังขาดรุ่ยราววณิพกเช่นนั้น!
หนานเทียนตูเงยหน้ามองอาวุโสลำดับสองที่กำลังก่นด่าเขาอยู่ จากนั้นจึงมองเยี่ยฉวนที่อยู่ในสภาพปางตายด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ทุกคนคิดว่าเขาต้องขัดคำสั่งของอาวุโสลำดับสองเป็นแน่ ทว่าเขากลับเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน ก่อนน้อมกายลงคำนับ “ศิษย์พี่ใหญ่ ได้โปรดรับการคารวะจากเทียนตูด้วย ข้ารับรู้ความผิดแล้ว ขอศิษย์พี่ใหญ่โปรดเมตตา!”
หนานเทียนตูขออภัยเยี่ยฉวนอย่างจริงใจ หนานเทียนตูผู้หยิ่งยโสอยู่เป็นนิจอีกทั้งไม่เคยเห็นผู้ใดในสายตา กลับเชื่อฟังอาวุโสลำดับสองเป็นที่สุด! หากท่านอาจารย์สั่งให้ไปทางตะวันออกเขาไม่บังอาจไปทางตะวันตกอย่างแน่นอน!
ผู้อื่นรู้เพียงว่าหนานเทียนตูเป็นคนแปลกประหลาดและรักความสันโดษ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คืออาวุโสลำดับสองไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ของเขาเท่านั้น ทว่ายังเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดและเป็นผู้สอนวิทยายุทธแก่เขาอีกด้วย! หลายปีก่อนครอบครัวของเขาถูกศัตรูสังหารสิ้น ชายชราผ่านมาพบจึงช่วยชีวิตเอาไว้...
หนานเทียนตูไม่เคยลืมบุญคุณของชายชรา ทั้งสองมีสถานะเป็นอาจารย์และศิษย์แต่สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นราวพ่อลูก เนื่องด้วยเคารพรักชายชราเสมือนบิดาผู้ให้กำเนิดจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง แม้มีท่านอาจารย์คอยสนับสนุนแต่เขาไม่เคยโอ้อวดและพยายามฝึกฝนด้วยตนเองอย่างหนัก ไม่เหมือนจินหัวที่อวดเบ่งไปทั่วสำนัก!
“ฮ่าๆๆ! ดี! ดีแล้ว! ลุกขึ้นเร็วเถิด! อาวุโสสอง…ท่านได้ศิษย์ที่ดียิ่ง!”
เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางเดินไปพยุงหนานเทียนตูขึ้นพร้อมหัวเราะอย่างเปิดเผย
การพบเจอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาคาดไม่ถึงอยู่หลายสิ่ง!
พละกำลังของหนานเทียนตูทำให้เยี่ยฉวนรู้สึกประหลาดใจยิ่ง หากเขาเพียรฝึกฝนเช่นนี้ต่อไป...ไม่นานฝีมือคงเทียบเท่ามหาปราชญ์สะท้านสวรรค์หรืออาจแกร่งกว่าด้วยซ้ำ! และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดคือการที่ยอดฝีมือผู้นี้เป็นศิษย์ของอาวุโสลำดับสอง! หากอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับชายชรา มีหรือเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหนานเทียนตูอีกคน!
“นี่! เจ้าเยี่ยฉวน! น้ำยาสมุนไพรที่ใช้รักษาพลับพลึงวารีหมดแล้ว เจ้าจะเริ่มทำการซ่อมค่ายกลวิญญาณโอสถที่เคยบอกข้าเมื่อใด?” ชายชราเปลี่ยนน้ำเสียงราวคนละคนกับที่เพิ่งตวาดด่าหนานเทียนตูเมื่อครู่ เขามองอีกฝ่ายอย่างร้อนใจทั้งยังพูดคุยกับเยี่ยฉวนอย่างไม่ถือตนแม้แต่น้อย
“นี่ขอรับ! โปรดรับไปเถิด! ข้าได้บันทึกวิธีการทั้งหมดไว้แล้ว...ท่านลองนำไปใช้ก่อน หากมีข้อสงสัยสามารถมาหาข้าได้” เยี่ยฉวนหยิบหนังแกะแผ่นบางออกแล้วยื่นให้อาวุโสลำดับสอง บนหนังแกะบันทึกวิธีการกลั่นน้ำยาสมุนไพรไว้ ที่สำคัญยังมีขั้นตอนการแก้ไขความบกพร่องของค่ายกลมากมายอีกด้วย!
“เทียนตู! เจ้าจงอยู่ดูแลเขาที่นี่เถิด หากผู้ใดกล้าเหิมเกริมต่อศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าก็ตีมันให้ตายเสีย!”
อาวุโสลำดับสองรับหนังแกะมาจากเยี่ยฉวน จากนั้นก็กลับไปทำงานของตนอย่างขะมักเขม้นทันทีราวได้รับสมบัติล้ำค่า! สำหรับเขาทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเยี่ยฉวนว่าจะสามารถคืนชีวิตให้แก่พืชสมุนไพรที่เหี่ยวเฉาได้จริงหรือไม่?!
“เหตุใดกลายเป็นเช่นนี้ล่ะ?! ไม่! เป็นไปไม่ได้!”
ครั้นจินหัวเห็นเยี่ยฉวนผูกสัมพันธ์กับหนานเทียนตูผู้จองหองได้เพียงพริบตา เขาจึงขยี้ตาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นและร้องออกมาอย่างเหลืออดแทบกระอักเลือดเสียเดี๋ยวนี้!
แผนการที่ดูเข้าทีเช่นนี้กลับล่มไม่เป็นท่าในตอนท้ายทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่ง! ก่อนหน้านี้ทุกแผนการของเขาล้วนประสบความสำเร็จ ทว่านับตั้งแต่เยี่ยฉวนกลับจากสุสานเทพเจ้า ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีอย่างไรมันกลับตาลปัตรไปหมดจนเขาแทบบ้า!
“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งสิ้นนั่นแหละ ศิษย์น้องจินหัว…ข้าว่าเจ้ายังสบายดีเช่นเคยนะ! นับจากที่เราพบกันคราวก่อน!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะเดินไปทางจินหัวที่ยืนอยู่หลังฝูงชน สำเร็จไปอีกหนึ่งแผนการและแผนการอื่นจะค่อยๆ ตามมา ถึงเวลาที่เขาต้องสั่งสอนจินหัวบ้างแล้ว!
ครั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นดังคาดทั้งยังเลวร้ายสำหรับพวกเขา เหอไท่ซวีจึงรีบคว้าไหล่ผู้เป็นนายเพื่อดึงให้หลบออกไป ทว่าหนานเทียนตูเร็วกว่า เขาปราดเข้าประชิดและขวางทางไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะไหวตัวทัน!