ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 12 หนานเทียนตู
บทที่ 12 หนานเทียนตู
เหอไท่ซวีเร่งดำเนินการโดยรัดกุมทันที เขาพาจินหัวไปยังยอดเขาเมฆาอินทนิลในยามบ่ายของวันถัดมาเพื่อรับชมชะตากรรมของเยี่ยฉวน!
ณ ลานกว้างบนยอดเขาเมฆาอินทนิล เยี่ยฉวนเอนกายลงบนแคร่ไม้ไผ่พร้อมจิบชาคามิลเลียชั้นยอดแห่งบรรพตหมอกเมฆาอย่างสบายใจ แรกที่ลิ้นสัมผัสชาจะมีรสขมปลายแล้วจึงแปรเป็นรสหวาน ทิ้งรสชาติเยี่ยมไว้ในลำคอ ทว่าเขาจิบชายังไม่ถึงครึ่งถ้วยดี คิ้วของเขาพลันกระตุกเพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากระยะไกลที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
“แมลงวันอสูรบนภูเขานี้แม้กำจัดเท่าใดก็ไม่หมดสิ้นเสียที!? ตายแล้วเกิดใหม่ได้หรืออย่างไรกัน!?”
เยี่ยฉวนโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายขณะลุกออกไปที่ลานด้านนอก
ณ ลานกว้างบนยอดเขาเมฆาอินทนิล ชายร่างสูงใหญ่ในชุดดำปรากฎตัวขึ้นพร้อมกระบี่เล่มยาวที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง เขาเดินตรงมาทางนี้อย่างเชื่องช้า…
ชายผู้นี้รูปงามยิ่ง หากเดินอยู่บนถนนคงมีหญิงสาวหลายคนกรีดร้องด้วยความต้องตาเป็นแน่! ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งแต่เย็นเยือกดุจธารน้ำแข็ง จังหวะการเดินที่เนิบช้ามีระยะย่างก้าวเกือบสิบเมตร! ท่าทีของเขาดูคุกคามให้หลายคนอกสั่นขวัญแขวน! ยิ่งไปกว่านั้นในยามที่เยื้องย่างพื้นดินก็พลอยสั่นสะเทือน ทั้งยังทิ้งรอยเท้าลึกลงไปราวช้างแมมมอธ
ยอดฝีมือ!
หากไม่ใช่ยอดฝีมือขั้นซิวฉือระดับสามก็คงเป็นระดับสี่!?
ม่านตาของเยี่ยฉวนหดลงขณะพิจารณาอีกฝ่าย...
เป็นครั้งแรกหลังออกมาจากสุสานเทพเจ้าที่เยี่ยฉวนรู้สึกถึงภัยคุกคามทั้งจากจิตสังหารแข็งแกร่งและดวงตาคมกริบคู่นั้นด้วย!
แม้เคยเป็นนักปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์แต่เขากลับไม่เคยพบพานสายตาเช่นนี้มาก่อน ราวชายชุดดำผู้นี้เป็นมือสังหารที่ฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล! จากการแต่งกายคงเป็นหนึ่งในศิษย์ของสำนักหมอกเมฆา ทว่าในบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์มีชายลักษณะเช่นนี้ด้วยหรือ?!
เยี่ยฉวนขมวดคิ้ว พบว่าไม่มีชายผู้นี้ปรากฏในความทรงจำของเขาเลย
ฝีเท้าของชายชุดดำทั้งสงบนิ่งและทรงพลัง เขาหยุดฝีเท้าห่างจากเยี่ยฉวนเพียงสิบเมตรโดยไม่กล่าวคำใด ดวงตาเฉียบคมคู่นั้นเป็นประหนึ่งมีดที่พร้อมเสียบทะลุร่าง!
เยี่ยฉวนยังสงวนท่าที สำรวจแขกที่ไม่ได้รับเชิญตั้งแต่หัวจรดเท้า
เยี่ยฉวนไม่ได้พบคู่ต่อสู้เช่นนี้นานแปดล้านหรือสิบล้านปีแล้ว! จิตสังหารที่แผ่ออกมาทำให้เขารู้สึกตึงเครียด ทว่ากลับรู้สึกคุ้นเคยและตื่นเต้นราวย้อนเวลาไปสมัยที่เขายังสามารถซ่อนเร้นสวรรค์ได้ด้วยฝ่ามือ!
ขณะเดียวกันมีเสียงแว่วดังมาแต่ไกล
ชายชุดดำผู้นี้ไม่ได้มายังยอดเขาเมฆาอินทนิลเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเหล่าลูกศิษย์กลุ่มใหญ่จึงเร่งร้อนมาที่นี่เพื่อรับชมเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น!
เยี่ยฉวนกวาดสายตาไปยังฝูงชนโดยรอบและเห็นบุคคลที่คุ้นเคย
จ้าวต้าจื่อและจูซือเจียยืนปะปนกับฝูงชนด้วยสีหน้าหวั่นวิตก จินหัวลูกศิษย์หอแปรธาตุก็อยู่ที่นั่นและยังพาที่ปรึกษาอย่างเหอไท่ซวีมาด้วย! ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกลุ่มฝูงชน ขณะที่คนส่วนใหญ่ที่มีสีหน้ากังวลใจ แต่จินหัวและเหอไท่ซวีกลับเผยรอยยิ้มร้ายกาจ สายตาบ่งบอกชัดว่าพวกเขารอคอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างจดจ่อ
จินหัวอีกแล้วสินะ!
ไอ้ตัวบัดซบ! เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยที่จะมีลมหายใจต่อไปใช่หรือไม่!
ดวงตาของเยี่ยฉวนฉายแววเย็นเยียบเพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! จินหัวและเหอไท่ซวีจัดฉากให้เขาทะเลาะกับผู้อาวุโสลำดับสองไม่สำเร็จ และพวกเขาก็มีแผนการร้ายอีกแล้ว! สองคนนี้ร้ายกาจและน่ารำคาญยิ่งกว่าแมลงวันอสูรเสียอีก! ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ! เขาไม่รู้ว่าจินหัวและเหอไท่ซวีเสาะหาและโน้มน้าวยอดฝีมือเช่นนี้ได้อย่างไร!
“เจ้าคือเยี่ยฉวน ศิษย์เอกของท่านเจ้าสำนักใช่หรือไม่?!”
ชายชุดดำจ้องมองเยี่ยฉวนอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ถูกแล้ว…ข้าเยี่ยฉวน แล้วเจ้าคือผู้ใด?”
“หนาน เทียน ตู!”
ชายชุดดำกล่าวเน้นชื่อของตนทีละคำ
ฝูงชนที่สังเกตการณ์อยู่ร้องอุทานออกมาอย่างตกตะลึง! เยี่ยฉวนชะงักงันชั่วครู่พลางนึกไปถึงคนผู้หนึ่ง
แม้หลายปีมานี้สำนักหมอกเมฆาจะตกต่ำลง ทว่ารากฐานยังหยั่งลึกราวรากแก้ว...มีลูกศิษย์และคนงานจำนวนมาก แบ่งย่อยออกเป็นศิษย์นอกสำนัก ในสำนัก ทั้งยังแตกแขนงเป็นศิษย์สามัญกับศิษย์อัจฉริยะอีกด้วย!
ศิษย์ที่เข้ามาในสำนักหมอกเมฆาแล้วจะถูกจัดสรรให้ไปเรียนยังหอลาดตระเวน หอเครื่องมือ หอปรุงยาหรือหออื่น โดยจะมีหน้าที่ในแต่ละหอที่แตกต่างกันไป หากทำหน้าที่รับผิดชอบของตนอย่างขันแข็งก็จะได้รับแต้มคะแนน สามารถนำไปแลกเป็นของวิเศษหรือสมบัติได้!
ทว่าศิษย์บางคนกลับต่างออกไป พวกเขาหาสถานที่สงบเงียบเพื่อฝึกตนอย่างสันโดษ คนประเภทนี้มีขีดจำกัดในการเติบโตเพราะขาดการสนับสนุนจากทางสำนัก แต่ในประวัติศาสตร์ก็ปรากฎยอดฝีมืออยู่หลายราย หนานเทียนตูเป็นหนึ่งในยอดฝีมือรุ่นเยาว์ ลือกันว่าในวัยสิบสองเขาบรรลุขั้นซิวฉือด้วยตนเอง ฝีมือของเขาฉกาจฉกรรจ์ทั้งวิทยายุทธก็ล้ำหน้ากว่าจินหัวที่เป็นศิษย์ชั้นเลิศของหอแปรธาตุเสียอีก!
ในอดีตเยี่ยฉวนมักเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในสำนักเมฆาอินทนิล ทำให้ไม่รู้ความเป็นไปของโลกภายนอก ชายผู้ปลีกวิเวกอยู่เป็นนิจเช่นหนานเทียนตูก็ไม่เคยสนใจความเป็นไปภายในสำนัก ทั้งสองเปรียบดังกระบี่คนละฝักที่ไม่เคยประมือกัน ทว่ายามนี้หนานเทียนตูกลับออกจากที่ของตนมายังยอดเขาเมฆาอินทนิลเพื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวน!
“สำนักมีกฎว่าทุกๆ ห้าวันจะต้องมีการประลองหนึ่งครั้ง แต่เวลาของข้ายังไม่ครบห้าวันดี แล้วศิษย์น้องเทียนตูมาทำอันใดที่นี่หรือ?” เยี่ยฉวนรวบรวมสติพลางข่มใจให้นิ่ง
หนานเทียนตูที่มีท่าทีเย็นชามาตลอดพลันสำรวจอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ บรรดาลูกศิษย์ลือกันว่าความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่ธรรมดายิ่ง! ทว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น! ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้โดดเด่นกว่าศิษย์คนอื่นที่เขาเคยพบนัก! เพียงใช้ท่าทีสงบนิ่งก็ทำให้ผู้อื่นด้อยกว่าแล้ว!
“ฆ่า!” หนานเทียนตูกล่าวเสียงเย็นเยียบ
ช่างบ้าคลั่งเสียจริง!
หนานเทียนตูผู้นี้กล้าหาญและเถรตรงยิ่ง!
ฝูงชนโดยรอบร้องออกมาอย่างตื่นตะลึงอีกครั้ง! จ้าวต้าจื่อพลันอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา!
แม้เยี่ยฉวนธรรมดาสามัญเพียงใดเขาก็มีฐานะเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ หากกล้าทำร้ายเขาถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎของสำนักและมีโทษร้ายแรง! ไม่กี่วันก่อนที่จ้าวต้าจื่อบุกไปหมายจะลอบทำร้ายยังหวาดหวั่นจนต้องหาผ้ามาปิดบังใบหน้า! แต่หนานเทียนตูกลับเผยใบหน้าเข้าเผชิญอย่างเด็ดเดี่ยว หนำซ้ำยังพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการสังหารเขา?!
“ฮ่าๆๆ! ประเสริฐ! มาเถิด! แต่เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?!” เยี่ยฉวนหัวเราะเสียงดัง เขาชอบใจยิ่งที่หนานเทียนตูจองหองกว่าที่คาดไว้
เพื่อที่จะยืนหยัดขึ้นอย่างช้าๆ และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของการฝึกตนอีกครั้ง ไม่เพียงต้องหมั่นฝึกตนเท่านั้น เขายังต้องการคู่ต่อกรที่แข็งแกร่งเช่นหนานเทียนตู!
“หลังฆ่าเจ้าแล้ว...สำนักจะไม่ต้องแบกรับความอัปยศใดๆ ในการประลองระหว่างสามสำนัก! ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ไร้ความสามารถเช่นนั้นข้าจะไปแทน!”
หนานเทียนตูก้าวออกอย่างช้าๆ เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็อยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนแล้ว! เคร้ง! เสียงดังขึ้นเมื่อเขาชักกระบี่ออกจ้วงแทงอีกฝ่าย!
ขณะที่เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นร่างสูงโปร่งของหนานเทียนตูได้หายไปแล้ว แสงสว่างวาบสะท้อนเข้าตาก่อนเขาจะสัมผัสถึงอันตรายที่พุ่งเข้ามา! พื้นดินปรากฎรอยแตกยาวตรงไปทางเขา เสียงบาดหูดังลั่นในโสตประสาท!
ช่างเป็นปราณกระบี่ที่แกร่งยิ่ง!
หัวใจของทุกคนกระตุกวูบพลางถอยห่างจากทั้งสองฉับพลัน!
ปราณกระบี่ที่แผ่ออกแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แล้วเยี่ยฉวนจะหลบคมกระบี่ของหนานเทียนตูได้อย่างไร?! หากไม่ถูกสับร่างออกเป็นแปดส่วน ก็คงจะถูกฟันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเป็นแน่!
บรรดาศิษย์ต่างสูดลมหายใจลึก! ทว่าจินหัวที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังกลับเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ! ไปตายซะ...ไอ้บัดซบ! คิดจะลองดีด้วยการแย่งชิงผู้หญิงของข้างั้นหรือ?!”
จินหัวเผยสีหน้าชั่วร้ายขณะระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจมาเป็นเวลาหลายวัน!