ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 3 หลี่ฟู่กุ้ยที่ไม่น่าเชื่อถือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 5 โดดหนีตายด่านนรกสามสันเขา

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 4 พี่สามที่ถูกบังคับให้เคลื่อนไหว


ตอนที่ 4 พี่สามที่ถูกบังคับให้เคลื่อนไหว

ฉินหยู่ไม่ได้สนใจผู้ชายสี่คนและผู้หญิงคนนั้นในตอนแรก แต่เมื่อแมวแก่พูด เขาก็ใช้หางตามองไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง เห็นชายทั้งสี่สวมแจ็กเกตขนหนังกลับ ชุดเอี๊ยม และรองเท้าบูตหนังที่ขาดๆ เหมือนกันคล้ายสวมชุดฟอร์ม ดวงตาของพวกเขาเฉียบคมและผิวหนังนอกร่มผ้าเผยให้เห็นผิวแดงคล้ายเป็นแผลเล็กน้อย

“ฉันไม่คิดว่าพวกเขาเป็นคนในเขตพิเศษ” ฉินหยู่ก้มศีรษะคิดอะไรบางอย่าง

“นายรู้ได้อย่างไร” แมวแก่สงสัยเล็กน้อย

“เสื้อผ้ามันหนาเกินไป และมีน้ำแข็งกัดตามตัว” ฉินหยู่ตอบสั้นๆ ว่า “ดูเหมือนพวกฟ้าคำรามในพื้นที่โครงการพัฒนา”

“ฟ้าคำรามคืออะไรเหรอ”

“พวกหากินด้วยคมมีด” ฉินหยู่เกาจมูกของเขา

เมื่อแมวแก่ได้ยินอย่างนี้ เขาก็เสแสร้งทำเป็นเก่งเล็กน้อย “ถ้างั้นเราสองคนก็กล้าพอที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเราจะจัดการพวกมันได้”

“นายเอาปืนมาหรือเปล่า” ฉินหยู่ถาม

“มานี่เพื่อกินข้าวเย็น ฉันไม่ได้เอามาแน่นอน” แมวแก่ส่ายหัว

“ถ้างั้น ฉันแนะว่าอย่าขยับ” ฉินหยู่ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “โทรหาทีม”

ขณะที่ทั้งสองคุยกันอย่างรวดรัด ชายสี่คนก็พาหญิงสาวลุกขึ้นแล้ว เรียกเก็บเงินค่าอาหารและเตรียมตัวออกไป

“ให้ตายเถอะ พวกมันกำลังจะไปแล้ว” แมวแก่หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา แล้วพูดน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า “เราจะตามไปมั้ย?”

“นายไปอยู่ไหนมา แล้วรถนายอยู่ไหน!” ฉินหยู่ตอบอย่างเถียงต่อไม่ได้ “พวกเขาขับรถมาที่นี่ และนายจะวิ่งตามพวกมันด้วยสองขาเหรอ เมาหรือเปล่า!”

“ไอ้ห่า ฉันลืมว่ะ....”

ฉินหยู่แอบมองชายทั้งสี่คนขมวดคิ้วครุ่นคิด “หากจะมีอะไรผิดปกติกับฟ้าคำรามพวกนี้ พวกมันก็ต้องพกอาวุธอยู่กับตัว 100% แม้ว่าเราจะโผล่ออกไป เราก็หยุดพวกมันไม่ได้อยู่ดี”

แมวแก่รู้สึกกระวนกระวายอย่างหนัก เพราะแม้ว่าเขาจะอยู่ในทีมจัดการคดีระดับแนวหน้า แต่เขาก็เป็นคนประเภทจ้าวหลักการ และเขาไม่สามารถทำงานที่เป็นอันตรายได้เลย ดังนั้นโดยปกติแล้ว เขาจะใช้ปืนด้านล่างได้ดีกว่าปืนในมือมาก และเขาไม่เคยเข้าร่วมในการสู้รบจับกุมขนาดใหญ่ใดๆ เลย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพูดกับฉินหยู่ว่า “ถ้าเราเป็นคนธรรมดา เราคงถูกน็อกไปแล้ว แต่เมื่อเราอยู่ในชุดฟอร์ม เราจะเพิกเฉยไม่ได้เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ นายควรคิดหาทางออก…”

“ตัวฉันไม่มีอะไรเลย ฉันไม่เก่งเลข ไล่ตามใครก็ไม่ทัน มันสายเกินไปที่จะแจ้งให้ทีมทราบ... ฉันจะหาทาง” แมวแก่ตื่นตระหนกจนคุมสติไม่อยู่ ฉินหยู่เหงื่อแตกพลั่ก “เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์ มิฉะนั้น....”

ในขณะนั้น ประตูร้านอาหารเปิดออก และชายร่างกำยำหกคนเดินเข้ามา และหันมองไปรอบๆ จากนั้นพี่สามที่เป็นผู้นำก็เปิดปากตะโกนเรียก “ฉินหยู่!”

หลังจากพูดจบ ฉินหยู่และแมวแก่หันขวับทันที และมองดูเขาด้วยความประหลาดใจอย่างมาก ต่อการปรากฏตัวของพี่สามและลูกทีมคนอื่นๆ ที่พึมพำสะใจพร้อมกับดวงตาเป็นประกาย “ไอ้ห่ากิน ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย”

พี่สามสวมชุดฟอร์มตำรวจสีเขียวอ่อน นำพี่น้องร่วมทีมอีกห้าคนมาด้วย ปากเขาคาบบุหรี่ไฟฟ้าและสบถขึ้นมา

“ตอนแกเพิ่งมาถึง แกบอกว่ากระเป๋าแห้ง ไม่มีปัญญาซื้อของในร้านพวกเรา แต่ตอนนี้มาแดกข้าวในร้านอาหาร ไอ้เวร! แกยังมีเงินอยู่นี่หว่า ออกมาเดี๋ยวนี้! หรือให้ข้าลากคอแกออกมา!”

“พี่สาม นายมาที่นี่เพื่อทำคดีใช่มั้ย?!” ก่อนที่ฉินหยู่จะได้ออกมาพูด แมวแก่ก็ก้าวออกมาข้างหน้า ดึงแขนของอีกฝ่ายแล้วถาม

พี่สามดูสับสน “คดีอะไรหา?”

“อ้าวนายไม่ได้จะมาที่นี่เหรอ?” แมวแก่ทำหน้างง

“ใช่! ฉันถามแล้วได้ยินว่าเขาอยู่ที่นี่”

“งั้นก็ใช่แล้ว นายพากำลังพลมากี่คน? มีพี่น้องในทีมอยู่ข้างนอกอีกไหม?”

“...!” พี่สามเริ่มสับสนมากขึ้นในขณะที่เขาพูด “ไม่ นายกำลังพูดถึงอะไรเนี่ย?”

“นายเป็นอะไรของนายน่ะ โง่เหรอวะ! ฉันบังเอิญเจอพวกมัน ทำไมพวกนายถึงเข้ามาหลบพวกมันในนี้ล่ะ” แมวแก่ตบแขนเขาแล้วถามอย่างเร่งด่วน “จับพวกมันเลย หรือไม่ก็กลับไป”

“ไม่ ดูเหมือนเรากำลังคุยกันคนละเรื่อง” พี่สามชี้ไปที่ฉินหยู่แล้วพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อพบเขา”

แมวแก่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และชี้ไปที่ชายสี่คนที่บาร์ด้วยท่าทีที่คลุมเครือ “พวกนายจะจับคนพวกนั้นไม่ได้เหรอ?”

“จับพวกมัน? ข้อหาอะไรล่ะ?”

“มันเป็นเรื่องบังเอิญ” แมวแก่พูดเสียงต่ำพร้อมกับเม็ดเหงื่อผุดบนหน้าผาก “คนสี่คนนั่นลักพาตัวผู้หญิงคนหนึ่งและปล่อยให้เราเข้าชนกันเอง ตอนนี้ฉันกับฉินหยู่กำลังคุยกันว่าจะทำยังไง และนายโผล่มาที่นี่... ...ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เข้าจับพวกมันเลย เรามีกำลังคนพอแล้ว”

“???” สีหน้าพี่สามดูว่างเปล่าเพราะความงงงวยและอดกลั้นไว้เป็นเวลานาน “บัดซบ ฉัน... ฉัน... นาย... ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาฉินหยู่!”

“ร้านอาหารของพี่สาวคนรองไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจของทีม 1 ทำไมนายถึงตามหาฉินหยู่ในเวลานี้” แมวแก่พูดด้วยเสียงต่ำ “นายรู้วิธีที่จะจับมันใช่ไหม”

“ฉัน... ฉันกำลังหาเรื่องใส่ตัว... ไม่แน่ใจว่าฉันพร้อมหรือเปล่า!” พี่สามหงุดหงิดบ่นกับตัวเอง และเงยหน้าขึ้นมองทั้งสี่คนอีกครั้ง “ฉันไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร”

ทันทีที่พี่สามและคนอื่นๆ เข้าไปในร้านอาหาร คนทั้งสี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นพวกเขาแล้ว เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้สวมเครื่องแบบตำรวจและพบกับแมวแก่กับฉินหยู่อีกครั้ง พวกเขารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง

ทั้งสี่คนเหลือบมองกัน และเข้าประกบหญิงสาวไว้ตรงกลางทันที และก้มศีรษะเตรียมตัวจะเดินออกไป

“อย่างี่เง่า หาวิธีจับให้ได้สิ บอกแผนฉันมาว่าจะเอายังไง...?!” หัวใจของแมวแก่เต้นแรง เขาก้มศีรษะลงและกระตุ้นพี่สามและคนอื่นๆ

พี่สามผิดหวังต่อตนเองมากจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เกิดเรื่องกับนายสองคน แล้วฉันต้องหาแผนจับกุมให้พวกนาย?”

“ก็นายคือกำลังหลัก เราไม่มีอาวุธในมือเลย”

“กองกำลังหลัก บ้าบออะไรวะ!” พี่สามเหงื่อแตกพลั่ก หันไปพูดเบาๆ กับพี่น้องตำรวจที่มากับเขา “ถ้าเจอก็อย่าเพิกเฉย...แมวแก่มันคือไอ้โง่ พวกเราหาทางหลบไปซะดีกว่า เดี๋ยวทำรายงานเล็กๆ เรื่องเขาได้ง่ายมาก”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“เสี่ยวหูแจ้งทีมว่าคนอื่นๆ ควรกระจายตัว” พี่สามก้มหัวลงสั่ง “กัวเอ๋อ เข้าไปตรวจสอบว่าพวกเขามีใบอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่หรือไม่ ถ้าพวกเขาไม่มีใบรับรองการเข้าออกจากเขตพิเศษ...ถ้าพวกนั้นทำอะไรเป็นการขัดขืน ยิงได้เลย”

“จะให้ฉันไปตรวจสอบพวกเขาเหรอ พี่ชาย?” ชายหนุ่มชื่อกัวเอ๋อสีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้ “ทำไมหัวหน้าไม่ให้แมวแก่ไปล่ะ!”

“สองคนนี้ไม่ได้ใส่ชุดตำรวจ นายไปเถอะ”

“...เหี้ยเอ๊ย แม่งน่าเศร้าจริงๆ” กัวเอ๋อสบถขณะตัดสินใจเดินสองสามก้าวไปด้านข้าง เข้าขวางทางชายทั้งสี่โดยตรง “ด้วยอำนาจของผู้กำกับการฯ ของถนนสีดำ แสดงใบอนุญาตพำนักของคุณให้ฉันดูด้วย”

ทั้งสี่คนหยุดเมื่อได้ยินเสียงนั้น และหันมองดูพี่สามและคนอื่นๆ อย่างไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา

หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาทั้งสี่ เธอกำหมัดแน่นและเหงื่อไหลย้อยจากขมับลงมา

“ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ ฉันต้องการดูใบอนุญาตผู้พำนัก” กัวเอ๋อพูดซ้ำอีกครั้ง

“เรามาจากพื้นที่โครงการพัฒนา เพื่อซื้อสินค้า” ชายวัยกลางคนตัวเตี้ยพูดเสียงเบา “ฉันไม่มีใบอนุญาตผู้พำนักระยะยาว”

“งั้นแสดงใบรับรองการเข้าถึง” กัวเอ๋อเหยียดฝ่ามือออกไปรอรับ

“โอเค” ชายร่างเตี้ยก้มหัวลงไปล้วงควานหาในกระเป๋ากางเกงอย่างงุ่มง่าม

พี่สามก็เป็นคนไร้สาระที่มีประสบการณ์เช่นกัน เขาชำเลืองดูเครื่องแต่งกายของอีกฝ่าย และถอยไปหนึ่งก้าวด้วยความเคยชินของสัญชาตญาณ เขาแสร้งทำเป็นเอามือขวาไพล่หลัง แต่ตั้งใจที่จะสัมผัสปืนเพื่อเตรียมพร้อม

ขณะชายร่างเตี้ยกำลังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ทันใดนั้นหญิงสาวก็ร้องลั่น “ช่วยด้วย! ฉันโดนลักพาตัว!”

“อย่าขยับ!”

ทันทีที่พูดจบ เพื่อนที่อยู่ถัดจากชายร่างเตี้ยก็สะบัดแขนเสื้อของเขา มือขวากำลังกำลูกระเบิดมือของทหาร และตะโกน “มันถอดสลักแล้ว ทุกคนอย่าขยับ ไม่งั้นตาย!”

“อา!!!”

ในชั่วพริบตา ร้านอาหารก็เกิดความโกลาหล และผู้รับประทานอาหารก็แตกฮือกระจัดกระจายไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก

ชายร่างเตี้ยดึงหญิงสาวกลับมาและพูดอย่างใจเย็นว่า “คุ้มกันด้วย ฉันจะออกทางประตูหลัง”

ที่หน้าผากพี่สามมีเหงื่อแตกพลั่ก และเขาชักปืนออกจากซองหนัง เล็งไปที่ชายวัยกลางคนที่มือข้างหนึ่งถือระเบิดอยู่ และตะโกนว่า

“อย่าตื่นเต้นไปพี่ชาย ถ้ามันไม่ลั่นตูมตามขึ้นมาก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามันลั่นขึ้นมาละก็ ผลลัพธ์มันคนละเรื่องเลยนะ”

"เพล๊ง!"

ทันทีที่เขาพูดจบ ทันใดนั้นแมวแก่ก็กระโดดขึ้น คว้าขวดไวน์บนโต๊ะแล้วทุบไปที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง

“พั้วะ!”

ชายวัยกลางคนเสียหลักถอยหลังไปด้วยสีหน้าที่ดุร้ายอย่างยิ่ง และขว้างระเบิดใส่ฝูงชนโดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น

ทันใดนั้น ฉินหยู่ก็กระโดดขึ้นคว้าคอแมวแก่แล้วลากถอยหลังไปหลายก้าว

“บูม!!!”

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้น เศษอิฐจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวกระจายไปในอากาศ โต๊ะ 2 ตัวแตกกระจาย ตำรวจ 3 นายได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดและล้มลงกับพื้น

พี่สามนอนลงบนพื้นและตะโกนเสียงดัง “หลบ หลบเร็ว! ยิงคนถือระเบิด…”

“ปัง ปัง!”

เสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ขณะที่พี่สามกำลังจะลุกขึ้น ทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมาจากบั้นท้ายของเขาและพี่สามก็ล้มลงอีกครั้ง

“โครม!”

“ไอ้ระยำบัดซบ!” พี่สามจับบั้นท้ายตนเองด้วยความตื่นตระหนก และเมื่อเห็นเลือด เขาหันไปจ้องมองและสาปแช่ง “ฉันจะกระทืบแก ไอ้แมวแก่... แกตายแน่ๆ...!”

…………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด