ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 2 การจราจล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 4 พี่สามที่ถูกบังคับให้เคลื่อนไหว

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 3 หลี่ฟู่กุ้ยที่ไม่น่าเชื่อถือ


ตอนที่ 3 หลี่ฟู่กุ้ยที่ไม่น่าเชื่อถือ

ภายในโรงแรม

ทั้งสามมานั่งในร้านอาหาร แมวแก่สั่งอาหารจีนสามจาน สองจานเป็นพวกเนื้อ อีกจานเป็นผัก และเหล้าจินอย่างถูกที่สุดครึ่งขวด

“ไม่ต้องช่วยฉันประหยัด สั่งเพิ่มอีกสองจานเลย” ฉินหยู่พูดอย่างสุภาพแต่เห็นสีหน้าเขารู้สึกอีกอย่าง

“ช่างเหอะ นายยังไม่ได้เงินเดือนในวันแรกที่เข้างานหรอก แค่นี้ก็พอกินแล้ว” แม้ว่าแมวแก่จะผงะเล็กน้อยในคำพูดของฉินหยู่ แต่ที่จริงเขาเป็นคนจิตใจดีมาก เข้าถูมือเข้าด้วยกันและมองฉินหยู่พร้อมกับคำถาม “ฉันได้ยินมาว่านายมาจากพื้นที่โครงการพัฒนา?”

“ใช่” ฉินหยู่พยักหน้า

“ที่นั่นอยู่ไม่ง่ายเลยใช่ไหม?”

“มันไม่มีอะไรยากหรอก ถ้าไม่กลัวที่จะทำความคุ้นเคยกับมัน” ฉินหยู่ยิ้ม “เมื่อนายชินกับมัน มันก็เหมือนกันหมดทุกที่แหละ”

“นั่นก็จริง”

“...”

ทั้งสามคนยังอยู่ในวัยหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงไม่มีช่องว่างระหว่างวัยเวลาสนทนากัน ยิ่งไปกว่านั้น แมวแก่และฉินหยู่เป็นคนร่าเริงและชอบเล่นมุกเล่นหัวทั้งคู่ ทำให้พวกเขาคุ้นเคยกันเร็วมากระหว่างการสนทนา ฉินหยู่ได้คนพบรายละเอียดนิสัยของฉีหลินอีกอย่าง นั่นคือฉีหลินค่อนข้างจะยกยอปอปั้นแมวแก่อยู่เล็กน้อย ทั้งการปฏิบัติตัวและการพูดจา หรือพูดรวมๆ ได้ว่า เขาอ่อนน้อมถ่อมตนมากเกินไป

หลังจากอาหารและสุรามาเสิร์ฟแล้ว ฉินหยู่ยกแก้วและพูด “เมื่อนั่งร่วมโต๊ะกันแล้ว เราเป็นเพื่อนกัน ฉันมาใหม่ที่นี่ ต่อไปพวกเราเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ และดูแลกันด้วยนะครับ”

“ดูแลนายให้เสียเวลาเปล่านะสิ” หลังจากแมวแก่ตอบทื่อๆ อย่างจริงใจแล้ว เขาก็ยกแก้วขึ้นด้วยและพูดเสริม “จะยังไงไม่รู้ แต่เราต้องไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ถ้านายกล้าชนกับพวกพี่สาม เราเป็นเพื่อนกันได้แน่”

“เฮะเฮะ” ฉินหยู่ยิ้มตอบ “ตกลง!”

“ตกลง!”

“ตกลง!”

ทั้งสามชนแก้วแล้วดื่มพร้อมกัน

“มา เติมอีก” ฉีหลินเอาแขนเช็ดปากและคว้าขวดเหล้าเทเหล้าให้แมวแก่ “พี่ชาย นายช่วยทำอะไรที่ฉันบอกคราวก่อนได้ไหม?”

แมวแก่กลอกตาเมื่อเขาได้ยินเสียง เขาใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมาและพูดยั่ว “นายนี่มันโจรจริงๆ เสี่ยวหยู่พยายามเลี้ยงเพื่อน แต่นายกลับขอเพื่อนให้ทำงานให้ โตได้แล้วเจ้าหนู”

ฉีหลินไม่ได้รู้สึกขายหน้าแต่อย่างใดเมื่อเพื่อนพูดถึงเขาแบบนั้น เขาแค่เกาหัวและตอบ “ก็ฉัน…ฉันกระเป๋าแห้งนะช่วงนี้”

“ฉันแค่ถามว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับนาย งานบริการพลเรือนไม่มีวันหยุด อยากจะเข้าไป นายต้องจุดธูปเทียนบูชาอ้อนวอน แต่เงินไม่พอก็ต้องรอนานหน่อย” ฉินหยู่ผงะเมื่อได้ยิน และถามอย่างสงสัย

“ทำไมนายต้องไปทำงานงานบริการพลเรือน?”

“เจ้านี่มันขี้ขลาด” แมวแก่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “สรุปรายงานจากผู้กำกับการตำรวจปีที่แล้ว ในช่วงหกเดือน เราเสียกำลังพลไปแล้ว 35 คนในเขตนี้ ตอนนี้โลกเราเกิดโกลาหลอยู่ แต่มันหลับหูหลับตาอยู่ในทีม 1 และพยายามหางานเบาๆ ทำ”

“โอ อย่างงั้นเองเหรอ” ฉินหยู่ไม่ได้แสดงความแปลกใจออกมาแต่อย่างใด เพราะความปลอดภัยในพื้นที่ที่นี่เทียบกับพื้นที่โครงการพัฒนาแล้ว ที่นี่เสมือนสวรรค์ชั้นยอด

แมวแก่หันมองฉีหลิน ตำหนิเขาด้วยสายตาดูแคลน “ฉีหลิน นายต้องเข้าใจความจริง ตอนนี้สภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้านายไม่สู้ตายหรือเสี่ยงซะบ้าง เมื่อไหร่นายจะเปลี่ยนชีวิตได้ ฉันหางานแผนกพลเรือนให้นายได้ แต่มันไม่สำคัญหรอก นายจะถูกบีบอีกตามเคยหลังจากทำงานไปสักพักอยู่ดีใช่ไหม? แล้วนั่นกำลังบอกอะไรรู้มั้ย? สถานการณ์สร้างฮีโร่ ไม่ต้องพูดถึงใครไกลตัว แค่พูดถึงพี่ชายของกัปตันหยวน ก่อนเขาจะมาตั้งรกรากที่เขตพิเศษที่ 9 นายบอกว่าพวกเขาเป็นอะไรนะ? โลกกำลังอยู่ในความโกลาหล คนบางคนกลับโตอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้ที่เฮ่ยเจีย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ใช่มั้ย? เขามีลูกสะใภ้ 6 คน คนไหนที่เขาวางใจได้? ไม่มีสักคนเลย!

“อย่างฉัน เทียบกับเขาไม่ได้หรอก” ฉีหลินยิ้ม “ฉันแค่ต้องการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ หรือภัยพิบัติ และฉันสามารถเลี้ยงดูแม่และน้องสาวได้”

“นายมีความทะเยอทะยานแค่นั้นเหรอ” แมวแก่ตอบด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “ฉันแนะนำนายเข้าทีม 1 เพราะคิดว่านายจะหาโอกาสพิสูจน์ตัวเองและหาทางเติบโตขึ้นไป แต่ไม่ได้คิดว่านายจะไปซักถุงเท้าและเสิร์ฟชาเสิร์ฟน้ำให้พวกนั้น นายบอกว่านั่นคือตัวตนของนาย มันก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนแจกกำปั้นให้นายคนละทีสองที เพราะพวกเขาคิดว่าทำอะไรกับนายก็ได้ นายไม่มีสถานะเท่าเทียมกับพวกเขาด้วยซ้ำ แล้วทำไมพูดถึงเรื่องคอนเน็กชัน เพราะนั่นคือวิธีที่นายหาเพื่อนใช่ไหม?

ฉีหลินนั่งก้มหน้าเงียบ

“โถ่ นายนี่ช่างปวกเปียกซะจริง พ่อนายตั้งชื่อนายว่าฉีหลิน ส่วนฉันเป็นคนดีจริงๆ แต่แม่ฉันกลับตั้งชื่อให้ว่าหลี่ฟู่กุ้ย บอกฉันสิ มันมีเหตุผลห่าอะไรสำหรับเรื่องนี้วะ? แมวแก่ส่ายหัวและถอนใจเหนื่อยหน่าย

“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องเหล่านี้เถอะ เรามาพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า” ฉินหยู่พยายามไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์เย็นลง

ณ จุดนั้น ฉีหลินไม่เอ่ยถึงเรื่องโอนย้ายแผนกอีก ทั้งสามเปลี่ยนไปดื่มและคุยเรื่องอื่นกันอย่างเพลิดเพลิน จนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

สามทุ่มแล้ว ฉีหลินมองลงไปที่ข้อความใหม่ที่โทรศัพท์มือถืออีกครั้งและพูดเชิงรีบร้อน “ฉันต้องไปก่อนล่ะ มีเรื่องต้องทำที่บ้าน พรุ่งนี้เจอกันนะ” “ไม่ดื่มต่ออีกหน่อยเหรอ?” ฉินหยู่ถาม

“ไม่ล่ะ ฉันต้องกลับก่อน”

“งั้นฉันเดินออกไปส่งนาย

“ไม่เป็นไร ฉันออกไปเองได้”

“ช้าหน่อย”

“ไม่เป็นไร”

“...!”

หลังจากบอกลากันแล้ว ฉีหลินรีบร้อนเดินจากไป ในขณะที่ฉินหยู่ยังนั่งดื่มต่อกับแมวแก่ผู้ซึ่งยังไม่อยากกลับเหมือนกัน

“แมวแก่ ถ้าเรานั่งดื่มด้วยกัน ก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน” ฉินหยู่เกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้าแห่งความหวัง “ในวันหน้า รักษาน้ำใจฉีหลินหน่อยก็ดีนะ” “ฉันต่อว่าเขาที่ไหนกัน? ฉันพยายามกระตุ้นเขาต่างหาก” แมวแก่ตบโต๊ะด้วยความกระตือรือร้นและพูดน้ำเสียงเด็ดขาด “หมอนี่ ถ้าเขาเอาแต่คอยคุกเข่าให้คนอื่นแบบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสได้ยืนขึ้นได้ในวันหน้า นายเข้าใจไหม?”

ฉินหยู่ครุุ่นคิดตามเรื่องที่ได้ยิน และเขาพยักหน้าเห็นด้วยไปโดยไม่รู้ตัว

“ฉันอยู่ในกองกำลังตำรวจ และเขาก็เป็นเพื่อน ฉันอยากเห็นเขาได้ดีกว่านี้” แมวแก่ส่ายหัวช้าๆ  “ช่างมัน เลิกพูดถึงเขาเถอะ ฉันมีเรื่องใหญ่กว่าให้สนใจแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินหยู่ผงะ

“เมื่อกี้ฉันสังเกตเห็นน้องสาวคนนั้น เธอไม่น่าจะมีเป็นอะไรกับผู้ชายสี่คนนั้น” แมวแก่กะพริบตาและพูดเสียงต่ำ

“ฉันคิดว่าได้เวลาลงมือแล้ว”

ฉินหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย “น้องสาวคนไหน? หา?”

“ไอ้หอก ทำไมนายไร้ความสามารถนักวะ ก็คนที่ลงจากรถเมื่อกี้ไง” แมวแก่กัดฟันพูด “เธอช่างมีเสน่ห์แรงจริงๆ  ฉันมองเธอแล้ว สัญชาตญาณเรียกร้องสามครั้งแน่ะ เฮ้ ดูเธอสิ สวยกว่าดาราเก่าอีก จุนจีฮยุน... สูงสง่าและขาเรียวยาว”

ฉินหยู่เหงื่อแตกพลั่ก “พี่ชาย เอามือบังไว้หน่อย มันขึ้นมาอีกแล้ว นายนี่ฟุ้งซ่านจริงๆ…”

“โอเค โอเค กำลังพยายามอยู่ว้อย! แมวแก่ถูฝ่ามือไปมาพยายามผ่อนคลาย เขายืนขึ้นอย่างไม่เป็นท่า และรีบเดินไปที่โต๊ะข้างหน้าต่าง พร้อมกับมือที่กุมเป้าตัวเองไว้

ที่ถนนข้างนอก

ฉีหลินยืนอยู่ข้างถนนและกำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าสองสามที เขาลังเลอยู่นานก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาและต้องการโทรหาฉินหยู่ แต่เมื่อเขากดนิ้วลงบนหน้าจอเขาก็จำได้ว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของฉินหยู่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบสื่อสารของกรมตำรวจ ดังนั้นเขาจึงโทรออกได้เฉพาะหมายเลขของแมวแก่

ภายในโรงแรม

แมวแก่ลูบผมของเขาให้เรียบร้อยขึ้นขณะเดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง แล้วถามหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “หวัดดีครับ คุณช่างงดงามเหมือนนางฟ้าจริงๆ ออกมากินข้าวกับครอบครัวเหรอครับ?”

เธอหยุดมองออกไปนอกหน้าต่าง และหันมาเมื่อได้ยินเสียงแมวแก่เรียกเธออย่างสงสัย “คุณ... มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ใช่แล้ว ฮิฮิ ฉันเป็นผู้อำนวยการคอลัมน์ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ และเรากำลังออดิชั่น คุณสนใจที่จะรู้มากกว่านี้ไหม” แมวแก่ถามไร้สาระ

ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยที่นั่งตรงข้ามถามเพื่อนของเขาเบาๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสายตาแปลกๆ ว่า “โนฮิน โนะ เดสึกะ (แลกเปลี่ยน)?” ชายทั้งสองเหลือบมองไปที่แมวแก่และขมวดคิ้วเล็กน้อย “อินโกเดะ วานาอิ (เขาไม่ได้พูดรหัสลับ)”

เมื่อทั้งสองคุยกัน หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว และตอบแมวแก่ผู้หล่อเหลาอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณมาจากสถานีโทรทัศน์จริงๆ เหรอคะ ช่างบังเอิญจริงๆ ฉันบังเอิญ ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวพอดี”

แมวแก่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดดีกับเขาขนาดนี้ เขาเลยตอบทันทีด้วยดวงตาเป็นประกาย “เยี่ยมมาก คุณมีที่อยู่ติดต่อไหมครับ? เราจะได้ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวภายหลังอีกที”

ขณะที่พูด แมวแก่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่เขาเตรียมไว้แล้วยื่นให้เด็กสาว แต่เป็นโทรศัพท์ของเขาที่ใช้ส่วนตัว ไม่ใช่ของที่กรมตำรวจบังคับให้ซื้อ

หญิงสาวรับโทรศัพท์แล้วก้มหน้าลงกดป้อนหมายเลข

“ขวับ!”

ชายวัยกลางคนตัวเตี้ยลุกขึ้นเข้ามาจับแขนของหญิงสาว และขมวดคิ้วเล็กน้อย “เอาโทรศัพท์คืนเขาไป แล้วกินข้าวซะ”

“ลุง ฉันสนใจมากค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม

“ฉันขอให้เธอคืนโทรศัพท์เขาไป” ชายวัยกลางคนตัวเตี้ยพูดซ้ำอีกครั้ง

แมวแก่เหลือบมองอีกฝ่ายโดยเอียงคอสงสัย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันมาจากสถานีโทรทัศน์จริงๆ อย่ากังวลไปครับ ฉันไม่มีเจตนาร้ายเลย”

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคืนโทรศัพท์ให้แมวแก่ทันที และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ช่างมันเถอะ ฉันขอโทษค่ะ”

แมวแก่มีความสุขมากที่เห็นเด็กหญิงร่าเริง แต่เมื่อ “ก็อบลิน” ปริศนาปรากฏตัวขึ้นตรงกลางเพื่อขัดจังหวะ เขาก็รู้สึกโกรธมากและเปิดปากจะพูดโต้ตอบบางอย่าง

“ลืมไปเลย ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยืนยัน

แมวแก่ผงะไปครู่หนึ่ง จ้องมองหญิงสาวเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นก็กัดฟันและพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันขอโทษที่รบกวนคุณครับ”

...

นาทีต่อมา

แมวแก่เดินกลับมานั่งตรงข้ามฉินหยู่และมองกลับไปด้วยสายตาแปลกๆ

“มีคนทำหน้าบึ้งใส่มาหรือเปล่า เฮะเฮะ” ฉินหยู่ถามพร้อมกับคีบผักอยู่ในมือกำลังจะเอาเข้าปาก

แมวแก่กะพริบตาและเตะขาฉินหยู่ใต้โต๊ะ “มองลงไป”

ฉินหยู่ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มศีรษะลงและมองไปใต้โต๊ะ ในขณะที่แมวแก่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือขวาระดับต่ำกว่าโต๊ะและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ดูที่หน้าจอ”

ฉินหยู่กวาดตามองหาและเห็นตัวเลข “959595” ในหน้าการโทรบนหน้าจอมือถือ

“นายหมายถึงอะไร” ฉินหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย

แมวแก่เอามือซ้ายลูบหน้าเขา และก้มหัวลงแล้วตอบเบาๆ ว่า

“ให้ตายห่า... ฉันคิดว่า ฉันไปชนกับอะไรบางอย่าง”

“นายหมายถึง…?”

“ผู้หญิงกับผู้ชายสี่คนนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันแน่ๆ เธอเพิ่งเตะขาฉันใต้โต๊ะเมื่อกี้เอง” แมวแก่เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าและยกเหล้าดื่มและพูดต่อ “แต่ฉันบอกไม่ได้ว่ามันเรื่องอะไร ...แต่ต้องมีบางอย่างผิดปกติ ผู้หญิงคนนั้นกำลังขอให้เราช่วยเธอ”

ข้างโต๊ะอาหารริมหน้าต่าง ชายร่างเตี้ยเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แล้วกระซิบบอกเพื่อนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “คนที่เพิ่งมาคุยกับยัยเด็กนั่น มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมันทดสอบเรากันแน่?”

“บอกยาก” เพื่อนเขาส่ายหัว

หลังจากมองด้วยความงุนงง ชายร่างเตี้ยชำเลืองมองแมวแก่ด้วยความไม่สบายใจพร้อมพูด “ถึงเวลานัดแล้ว อย่ารอเลย ไปกันเถอะ”

“ตกลง” เพื่อนพยักหน้าและพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าเล่นลูกไม้นะ ไปได้แล้ว”

หญิงสาวเหงื่อแตกโซกเต็มหน้าผากขาวนวลของเธอ เธอแอบมองแมวแก่ก่อนจะพยักหน้าให้เล็กน้อย

ไม่ไกลออกไปจากโต๊ะริมหน้าต่าง

แมวแก่ลูบแก้มของเขาด้วยความรำคาญเล็กน้อย และถามฉินหยู่ด้วยเสียงต่ำ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายไม่สนใจเหรอ?”

“ชิ๊ง!”

ในขณะเดียวกัน รถยนต์ไฟฟ้าคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาหยุดที่ทางเข้าโรงแรม

………………………………………………………….

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด