บทที่ 88 เก็บกวาด(4)
เฟรย์ตัดสินใจตรงไปที่กระท่อมของริกิทันที
เพราะเขาไม่มีกิจกรรมอื่นๆที่วางแผนไว้
เมื่อสโนว์ลุกขึ้นราวกับว่าเธอจะไปกับเขา เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ราชินีเอลฟ์จะจู่ๆเดินทางออกจากหมู่บ้านได้หรือ?”
"ฮะ?"
“คุณต้องปกป้องป่าใหญ่นิ?”
เขาไม่รู้ว่าเธอจะออกจากป่าแบบนั้นได้ไหม
เฟรย์คิดว่าคำถามของเขาค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่สายตาที่สโนว์ยิงเขาในขณะนั้นทำให้เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“บางครั้งนายก็พูดเรื่องที่ล้าสมัยไปนะ ราชินีจำเป็นต้องอยู่ในหมู่บ้านตลอดเวลาด้วยหรือ?”
“…จริงด้วยดูเหมือนว่าพวกไฮเอลฟ์จะเริ่มมีความยืดหยุ่นสูง”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ควรยึดมั่นในอุปาทานที่เขามีอีกต่อไปเพราะความรู้ในอดีตของเขา
ขณะที่เฟรย์พยายามไตร่ตรองเรื่องนี้สโนว์ก็เอียงศีรษะเล็กน้อย
"ฮะ? นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ถ้าหากผู้อาวุโสรู้สิ่งที่ฉันกำลังจะทำพวกเขาจะพยายามหยุดฉันอย่างแน่นอน ”
"อะไรนะ?"
“สิ่งสำคัญคือการซ่อนตัวต่างหาก”
สโนว์หัวเราะเบาๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันมักจะทิ้งดอพเพลแกงเกอร์ (ร่างตัวแทน) ของฉันไว้กับแม่เมื่อฉันออกไปข้างนอก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคุยโม้นะแต่ฉันไม่เคยถูกจับได้ ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เชี่ยวละ หุหุ!”
“…”
แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอวดสักเท่าไหร่ แต่เฟรย์ไม่ได้พูดอะไรเลยเพราะมันยากที่จะเข้าหรือออกจากป่าใหญ่โดยไม่มีเอลฟ์คอยนำทาง
‘การไม่มีไกด์นำทางเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก’
มันช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถขอให้ไซแอ็กซ์พาเขาไปพบกับริกิได้
อีวานไม่สามารถติดตามเขาได้ในขณะที่เขายังคงดูดซับมานาอยู่ที่ชั้นใต้ดินด้านล่างของฮรูฮิราล
ก่อนที่พวกเขาจะจากไปเฟรย์หันไปหาสโนว์และพูดว่า
“เราต้องใช้เวลานานในการกลับไปกลับมา เราใช้วาร์ปเลยดีไหม?”
"ฮะ?"
สโนว์มองเขาด้วยสีหน้าสับสน
“นั่นจะประหยัดเวลาไปมาก… แต่เป็นไปได้หรือ?”
“มันก็ไม่ยากเกินไปเพราะมีแค่เราสองคนอีกอย่างฉันก็ยังจำพิกัดของกระท่อมของริกิได้”
เมื่อพวกเขาไปที่กระท่อมของริกิเป็นครั้งแรกเฟรย์จดจำพิกัดไว้ทันทีเพราะเขามั่นใจว่าเขาจะต้องมาหาริกิอีกแน่ในอนาคต
เมื่อใช้คาถาวาร์ปจะมีร่องรอยมานาดังนั้นมันจะดูเด่นเกินไปถ้าเขาวาร์ปในเมือง
หากมีบางอย่างผิดพลาด อาจเป็นไปได้ที่ผู้ติดตามจากตระกูลเบลคจะสังเกตเห็น อย่างไรก็ตามในป่าใหญ่ซึ่งมีความหนาแน่นของมานาค่อนข้างสูงจะทำให้ร่องรอยของมานาจะหายไปหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง
และมันดูแปลกถ้าพวกเฟรย์จะสามารถเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้ด้วยการเป็นคนนอก
สโนว์มองดูเฟรย์ด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ
‘เป็นไปได้ไหมที่เขาจะร่ายวาร์ปด้วยตัวเอง?’
แน่นอนในทางทฤษฎีมันเป็นไปได้
ดูเหมือนว่าเฟรย์จะเป็นพ่อมดระดับ 7 ดาวที่มีการควบคุมมานาและความสามารถที่ดูถูกไม่ได้
อย่างไรก็ตามมันไม่มีหินวาร์ปที่นั่น
การใช้วาร์ปโดยไม่มีหินวาร์ปโดยแค่การจดจำพิกัดอย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยปรกติต้องมีพ่อมดอย่างน้อย10กว่าคนเพื่อทำการคำนวณและปรับเปลี่ยนความซับซ้อนของการย้ายตำแหน่ง
'อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทำทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียว'
ไม่ว่าในกรณีใดเธอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหากเฟรย์สามารถทำได้จริงๆ
“ฉันติดหนี้นายอีกแล้วนะ อย่างไรก็ตามหากเราวาร์ปใกล้หมู่บ้านมันอาจดึงดูดความสนใจได้ ดังนั้นเราควรทำหลังจากออกจากป่าใหญ่”
เฟรย์พยักหน้าเนื่องจากเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเธอ
พวกเขาสามารถออกจากป่าได้ภายในครึ่งวันโดยใช้ทางลัดเดียวกับที่ไซแอ็กซ์เคยพาเขาเข้ามา
อย่างไรก็ตามเวลาที่พวกเขาใช้ลดลงครึ่งหนึ่งเพราะพวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร่งรีบ
จากนั้นเฟรย์ก็พบพื้นที่โล่งขนาดใหญ่และเริ่มวาดวงเวทย์สำหรับวาร์ปบนพื้นทันที
สโนว์ไม่สามารถละสายตาจากเฟรย์ที่ขยับมือโดยไม่ลังเล
“ฉันวาดวงเวทย์เสร็จแล้วคุณก็เข้ามาได้เลย”
“มีวงเวทย์อยู่ที่กระท่อมของริกิด้วยหรือ?”
“ไม่”
เขาตอบในทันที
เฟรย์สังเกตวงเวทย์ที่พื้นอยู่ครู่หนึ่งขณะอธิบาย
“เหตุผลส่วนใหญ่ที่วาร์ปนั่นมีตำแหน่งต้นทางและปลายทางวาดไว้แล้วเพราะว่าเราจะสามารถประหยัดมานาได้อย่างมากโดยการคำนวณส่วนใหญ่และสร้างวงกลมเวทย์มนตร์ไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่านี่หมายความว่าจุดวาร์ปนั่นจะถูกกำหนดไว้ตายตัว”
“ถ้าอย่างนั้นมันจะไม่ยากหรือถ้าไม่มีวงเวทย์อยู่ที่ปลายทาง?”
"ไม่เสมอไป ในทางกลับกันหากคุณทำการคำนวณทั้งหมดก่อนที่จะร่ายเวทย์และมีมานาตามปริมาณที่ต้องการและระบุพิกัดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเรืองนี่ก็ไม่ใช่ปัญหา”
เฟรย์หัวเราะและเสื้อคลุมของเขากระพือปีกเมื่อมานาของเขาถูกปลดปล่อย
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมมันไม่มีปัญหาสำหรับฉัน”
* * *
เมื่อวาร์ปสิ้นสุดลงสโนว์ก็มองลงไปที่มือของเธอ
“มันเสถียรจนไม่น่าเชื่อ”
ไม่มีความรู้สึกถึงอาการเมาและเวียนศีรษะที่เป็นลักษณะปกติของการวาร์ปเลย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนคนที่เคลื่อนไหวมีน้อยแต่ผลลัพธ์นี้ไม่สามารถทำได้หากพ่อมดคนนั่นไม่มีความชำนาญในการควบคุมมานา
สโนว์มองใบหน้าของเฟรย์อย่างใกล้ชิด
แม้จะใช้เวทย์วาร์ปที่ซับซ้อนและเปลืองมานาแต่เขาไม่มีแม้แต่เหงื่อ
'มีอะไรอีกมากมายที่ฉันอยากรู้'
จำนวนคำถามที่เธอมีเกี่ยวกับเฟรย์นั้นมีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม
'มีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก'
เธอมองไปที่กระท่อมซอมซ่อหลังเล็กๆกลางที่โล่ง
ทันทีที่เธอหันไปมองประตูกระท่อมก็เปิดออกราวกับว่ามันกำลังรอพวกเขาอยู่
เอียด!
มันเป็นสัญญาณให้พวกเขาที่จะเข้าไปข้างใน
เฟรย์และสโนว์เดินเข้าไปในห้อง
มันเป็นพื้นที่เหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นระหว่างการมาครั้งแรก แม้แต่ริกิก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม
“นายมาเร็วมากเลยนะ วาร์ปสินะ มันเป็นคาถาที่มีประโยชน์มาก”
มีถ้วยชาอยู่ตรงหน้าเขารวมทั้งเฟรย์และสโนว์ด้วย
ไอน้ำเพิ่มขึ้นออกมาจากกาและดูเหมือนว่าชาจะเพิ่งถูกต้ม
“ดื่มชากันสักหน่อยไหม?”
แน่นอนว่าเฟรย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะดื่มมัน
“โอดินไม่ใช่อัครสาวกของนอซด็อก”
แม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม แต่การแสดงออกของริกิก็ไม่เปลี่ยนไป
“ฉันไม่รู้ว่ามันมีวิธีดังกล่าว”
“…นั่นคือทั้งหมดที่นายจะพูดหรอ? อีวานกับฉันต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้ไปอย่างสูญเปล่าก็เพราะนาย”
“นายต้องการให้ฉันขอโทษใช่ไหม?”
“ฉันไม่ต้องการอะไรจากผู้ชายที่ดื้อรั้นอย่างนาย อย่างไรก็ตามนายต้องรับทราบข้อเท็จจริงที่ว่านายให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่เรา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกันในอนาคต”
บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง
เฟรย์และริกิจ้องหน้ากันในขณะที่สโนว์กำลังกลืนน้ำลาย
'ชายคนนี้…'
เขาไม่ยอมถอยเลยแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเดมิก็อดอยู่ก็ตาม
นี่เป็นสิ่งที่สโนว์อดไม่ได้ที่จะตกใจ
ชายผมสีเงินคนนี้เป็นผู้ที่มีพลังติดอันดับ 1 ใน 5 ของเดมิก็อดทั้งหมด
แม้แต่พ่อมดที่ไปถึงระดับสูงสุด อัศวินที่เคยเห็นจุดสูงสุดของศิลปะดาบ หรือนักรบเวทมนตร์ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จนถึงขีดจำกัดก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความตายเมื่อเผชิญหน้ากับเขา
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาจะไม่ฆ่าเฟรย์แต่ความกลัวโดยธรรมชาติมี่สัตว์จะรู้สึกถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ล่าที่แท้จริงก็ไม่สามารถละเลยได้
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเฟรย์ไม่กลัวเดมิก็อด
"นายพูดถูก ฉันเข้าใจในสิ่งที่นายกำลังพูดและฉันขอโทษที่ให้ข้อมูลผิดกับนาย "
“…!”
คำขอโทษที่จริงใจของริกิไม่เพียงแต่สโนว์แต่ยังทำให้เฟรย์ประทับใจในตัวเขา
สิ่งที่เฟรย์เพิ่งทำอาจถือเป็นการเอาชีวิตของเขาไปเล่นพนันเพื่อดูว่าชายตรงหน้าเขาได้ทรยศต่อเดมิก็อดจริงๆหรือไม่
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการยั่วยุเล็กน้อยแต่ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเดมิก็อดก็ทำให้สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นอันตรายมาก
แต่เฟรย์ก็ยังเต็มใจจะเลือกสิ่งนั้น
ถ้าริกิไม่จริงใจมันจะอันตรายมากสำหรับเขาที่จะสานต่อพันธมิตรนี้
ริกิยังคงพูดด้วยท่าทางสงบ
“แค่ขอโทษด้วยวาจามันไม่เพียงพอดังนั้นฉันจะให้สิ่งที่จะช่วยนายด้วย”
“สิ่งที่จะช่วย?”
“ถ้านายฆ่าอัครสาวกนายจะได้รับคริสตัลและดูเหมือนว่าเซอร์เคิลจะรับรู้เรื่องนี้แล้ว”
"ถูกตัอง"
เฟรย์รู้แล้วว่าคริสตัลเหล่านี้น่าทึ่งแค่ไหน
มานาที่มีอยู่ในนั้นเปรียบได้เท่า 'โฟรเซินริฟเวอะ' ที่เขาเคยรับมาก่อน ถ้าเขาสามารถได้มาอีกสักสองชิ้นเขาจะสามารถไปถึงระดับ 8 ดาวได้ทันที
ริกิหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าของเขา
“นั่นคือ…”
“มันคือคริสตัลอย่างไรก็ตามฉันไม่ได้รับสิ่งนี้มาจากอัครสาวก นี่คือคริสตัลที่ฉันได้มาหลังจากฆ่าอินดรา”
“…!”
เมื่อมองไปที่สีหน้าตกใจของเฟรย์ริกิพูดต่อ
“นี่เป็นเพียงสิ่งที่เหลืออยู่แต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยเพิ่มพลังของมนุษย์ได้มาก”
ของเหลือ
แม้ว่าริกิจะพูดแบบนั้นแต่เฟรย์ก็รู้ดีว่าคริสตัลนี้ไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้
เมื่อเขาล่าเดมิก็อดในอดีตก็มีสิ่งหลงเหลือ ไม่สิ เขาไม่สามารถเรียกพวกมันว่าสิ่งหลงเหลือ
ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในเวลานั้นพวกเขาคงไม่กล้าที่จะพยายามย่อยสิ่งที่หลงเหลือจากเดมิก็อด
ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตามคริสตัลที่ริกินำออกมานั้นแตกต่างกัน
'มันเพียงพอแล้วสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง'
ยิ่งไปกว่านั้นมันมีขนาดใหญ่กว่าคริสตัลที่เขาได้รับจากลุคล์หลายเท่า
ไม่สิ อาจกล่าวได้ว่าพลังในคริสตัลนั้นน่าจะมีมากขึ้นตามขนาดของมัน แต่เขามั่นใจว่าถ้าเขากลั่นมันออกมาเขาจะสามารถไปถึงระดับ 8 ดาวได้
‘8 ดาว’
เฟรย์สั่นสะท้านไปทั้งตัว คำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนักมาก
‘ถ้าฉันไปถึงระดับ 8 ดาวและอีวานที่ดูดซับพลังงานในผลไม้จนหมด ขอเพียงแค่มีพ่อมดระดับ 7 ดาวและอัศวินที่แข็งแกร่งอีกสองสามคนคอยสนับสนุนฉัน…'
เป็นไปได้ที่พวกเขาจะสังหารเดมิก็อดที่มีพลังไม่มากได้หนึ่งคน
แน่นอนเขาไม่แน่ใจทั้งหมดนี้แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างน้อยที่สุดโอกาสของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
อาจเป็นไปไม่ได้สำหรับพ่อมดคนอื่นๆแม้ว่าพวกเขาจะถึงระดับ 8 ดาวแล้วก็ตาม
แต่เฟรย์ที่มีประสบการณ์ เขาเคยต่อสู้กับเดมิก็อดหลายครั้งก่อนหน้านี้และเคยสังหารพวกมันไปหลายคน
ประสบการณ์ที่เขามีนั้นคุ้มค่าพอๆกับทองคำ
“ถ้านายดื่มสิ่งนี้นายน่าจะถูกยกระดับขึ้นไปได้หนึ่งระดับ”
ริกิก็ดูเหมือนจะรู้เช่นกัน
เขามองเฟรย์ด้วยสายตาที่ลึกล้ำก่อนจะพูด
“เฟรย์นายควรเข้าร่วมการประชุมของเดมิก็อดในสามเดือนข้างหน้า”
"อะไรนะ?"
“ริกินายกำลังพูดถึงอะไร?”
มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างสิ้นเชิง
การแสดงออกของเฟรย์เปลี่ยนไป สโนว์เองก็เช่นกันแม้ว่าเธอจะคาดหวังเอาไว้แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามริกิยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเดิม
“อะโพคาลิปส์อีกสี่คนเช่นเดียวกับลอร์ดจะเข้าร่วมการประชุมนี้พร้อมกับอัครสาวกของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะใช้สารพัดวิธีในการซ่อนตัวตน ... แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่เราไม่ควรพลาด”
“ฉันเห็นด้วยแต่มันจะไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรือ? นอกจากนี้เฟรย์ก็ไม่ได้เป็นอัครสาวกจริงๆ ลอร์ดจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้เลยหรือ?”
“เขาสามารถตรวจดูได้ว่ามีใครเป็นอัครสาวกตัวจริงได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ตามมีวิธีหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของลอร์ดอยู่ เช่นเดียวกับที่ฉันไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าโอดินเป็นเพียงเหยื่อล่อ เดมิก็อดไม่ได้รอบรู้ไปทุกเรื่องหรอกนะ”
สโนว์ไม่เข้าใจว่าริกิพูดถึงอะไร
การแสดงออกของเฟรย์ดูแปลกไปเล็กน้อย
“…นายกำลังขอให้ฉันกลายเป็นอัครสาวก?”
"ถูกตัอง"
“…!”
มันไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
เฟรย์คิดอะไรบางอย่างที่คล้ายกันขณะมองไปที่สโนว์
เขาจะตอบสนองอย่างไรถ้าเดมิก็อดคนอื่นอย่างริกิเสนอให้เขาเป็นอัครสาวก?
"ฉันขอปฏิเสธ"
เฟรย์มั่นใจ
แต่เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ
ในเวลานั้นเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีความลังเลในคำพูดของเขาเลย
"ทำไมละ?"
“ไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหนฉันก็ไม่เคยตั้งใจที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพราะฉันเป็นพ่อมด”
ใช่
นั่นคือเหตุผล
เฟรย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งเวทมนตร์
การศึกษาเวทมนตร์ซึ่งติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดได้ตราตรึงอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาแล้ว
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเรียกมันว่ารากฐานของเขา
ถ้าเขาต่อสู้กับพวกเดมิก็อดหลังจากเลิกใช้พลังเวทย์แล้วเขามั่นใจว่าสติของเขาจะถูกทำลายลงในเวลาไม่นาน
4,000 ปี
เขาสามารถมีสติได้ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในอเวจีซึ่งรู้สึกว่ามันคงอยู่ชั่วนิรันดร์ทั้งหมดนี้เป็นเพราะวิทยาศาสตร์เวทย์มนต์
"ใช่และไม่มีเดมิก็อดคนไหนที่จะไม่เข้าใจเรื่องนั้น”
นั่นควรจะหมายถึงอะไร?
ก่อนที่เฟรย์จะเริ่มไตร่ตรองถึงความหมายของคำพูดนั้น ริกิก็พูดต่อ
“เฟรย์ดูดซับคริสตัลสายฟ้าของอินดราสิ นายสามารถควบคุมทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์และมานาได้พร้อมๆกัน”
“นั่นเป็นไปไม่ได้”
พลังทั้งสองไม่สามารถผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของริกิยังคงมั่นใจ
“ไม่ มันเป็นไปได้”
"ทำไมนายถึงคิดอย่างงั้น?"
"เพราะว่า..."
ดวงตาของริกิหันไปมองผมสีเทาของเฟรย์
สีที่หาได้ยากในอาณาจักรคัสต์เคา เป็นสีที่หายากแม้แต่ในทวีปทั้งทวีป
“เพราะว่านายเป็นสายเลือดของตระกูลเบลคยังไงละ!”