ตอนที่แล้วบทที่ 87 เก็บกวาด(3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 89 ทุกหนทางเพื่อให้แกร่งขึ้น (1)

บทที่ 88 เก็บกวาด(4)


เฟรย์ตัดสินใจตรงไปที่กระท่อมของริกิทันที

เพราะเขาไม่มีกิจกรรมอื่นๆที่วางแผนไว้

เมื่อสโนว์ลุกขึ้นราวกับว่าเธอจะไปกับเขา เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“ราชินีเอลฟ์จะจู่ๆเดินทางออกจากหมู่บ้านได้หรือ?”

"ฮะ?"

“คุณต้องปกป้องป่าใหญ่นิ?”

เขาไม่รู้ว่าเธอจะออกจากป่าแบบนั้นได้ไหม

เฟรย์คิดว่าคำถามของเขาค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่สายตาที่สโนว์ยิงเขาในขณะนั้นทำให้เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“บางครั้งนายก็พูดเรื่องที่ล้าสมัยไปนะ ราชินีจำเป็นต้องอยู่ในหมู่บ้านตลอดเวลาด้วยหรือ?”

“…จริงด้วยดูเหมือนว่าพวกไฮเอลฟ์จะเริ่มมีความยืดหยุ่นสูง”

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ควรยึดมั่นในอุปาทานที่เขามีอีกต่อไปเพราะความรู้ในอดีตของเขา

ขณะที่เฟรย์พยายามไตร่ตรองเรื่องนี้สโนว์ก็เอียงศีรษะเล็กน้อย

"ฮะ? นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ถ้าหากผู้อาวุโสรู้สิ่งที่ฉันกำลังจะทำพวกเขาจะพยายามหยุดฉันอย่างแน่นอน ”

"อะไรนะ?"

“สิ่งสำคัญคือการซ่อนตัวต่างหาก”

สโนว์หัวเราะเบาๆ

“ไม่ต้องกังวล ฉันมักจะทิ้งดอพเพลแกงเกอร์ (ร่างตัวแทน) ของฉันไว้กับแม่เมื่อฉันออกไปข้างนอก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะคุยโม้นะแต่ฉันไม่เคยถูกจับได้ ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เชี่ยวละ หุหุ!”

“…”

แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอวดสักเท่าไหร่ แต่เฟรย์ไม่ได้พูดอะไรเลยเพราะมันยากที่จะเข้าหรือออกจากป่าใหญ่โดยไม่มีเอลฟ์คอยนำทาง

‘การไม่มีไกด์นำทางเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก’

มันช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถขอให้ไซแอ็กซ์พาเขาไปพบกับริกิได้

อีวานไม่สามารถติดตามเขาได้ในขณะที่เขายังคงดูดซับมานาอยู่ที่ชั้นใต้ดินด้านล่างของฮรูฮิราล

ก่อนที่พวกเขาจะจากไปเฟรย์หันไปหาสโนว์และพูดว่า

“เราต้องใช้เวลานานในการกลับไปกลับมา เราใช้วาร์ปเลยดีไหม?”

"ฮะ?"

สโนว์มองเขาด้วยสีหน้าสับสน

“นั่นจะประหยัดเวลาไปมาก… แต่เป็นไปได้หรือ?”

“มันก็ไม่ยากเกินไปเพราะมีแค่เราสองคนอีกอย่างฉันก็ยังจำพิกัดของกระท่อมของริกิได้”

เมื่อพวกเขาไปที่กระท่อมของริกิเป็นครั้งแรกเฟรย์จดจำพิกัดไว้ทันทีเพราะเขามั่นใจว่าเขาจะต้องมาหาริกิอีกแน่ในอนาคต

เมื่อใช้คาถาวาร์ปจะมีร่องรอยมานาดังนั้นมันจะดูเด่นเกินไปถ้าเขาวาร์ปในเมือง

หากมีบางอย่างผิดพลาด อาจเป็นไปได้ที่ผู้ติดตามจากตระกูลเบลคจะสังเกตเห็น อย่างไรก็ตามในป่าใหญ่ซึ่งมีความหนาแน่นของมานาค่อนข้างสูงจะทำให้ร่องรอยของมานาจะหายไปหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง

และมันดูแปลกถ้าพวกเฟรย์จะสามารถเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้ด้วยการเป็นคนนอก

สโนว์มองดูเฟรย์ด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ

‘เป็นไปได้ไหมที่เขาจะร่ายวาร์ปด้วยตัวเอง?’

แน่นอนในทางทฤษฎีมันเป็นไปได้

ดูเหมือนว่าเฟรย์จะเป็นพ่อมดระดับ 7 ดาวที่มีการควบคุมมานาและความสามารถที่ดูถูกไม่ได้

อย่างไรก็ตามมันไม่มีหินวาร์ปที่นั่น

การใช้วาร์ปโดยไม่มีหินวาร์ปโดยแค่การจดจำพิกัดอย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยปรกติต้องมีพ่อมดอย่างน้อย10กว่าคนเพื่อทำการคำนวณและปรับเปลี่ยนความซับซ้อนของการย้ายตำแหน่ง

'อาจจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทำทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียว'

ไม่ว่าในกรณีใดเธอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธหากเฟรย์สามารถทำได้จริงๆ

“ฉันติดหนี้นายอีกแล้วนะ อย่างไรก็ตามหากเราวาร์ปใกล้หมู่บ้านมันอาจดึงดูดความสนใจได้ ดังนั้นเราควรทำหลังจากออกจากป่าใหญ่”

เฟรย์พยักหน้าเนื่องจากเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเธอ

พวกเขาสามารถออกจากป่าได้ภายในครึ่งวันโดยใช้ทางลัดเดียวกับที่ไซแอ็กซ์เคยพาเขาเข้ามา

อย่างไรก็ตามเวลาที่พวกเขาใช้ลดลงครึ่งหนึ่งเพราะพวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร่งรีบ

จากนั้นเฟรย์ก็พบพื้นที่โล่งขนาดใหญ่และเริ่มวาดวงเวทย์สำหรับวาร์ปบนพื้นทันที

สโนว์ไม่สามารถละสายตาจากเฟรย์ที่ขยับมือโดยไม่ลังเล

“ฉันวาดวงเวทย์เสร็จแล้วคุณก็เข้ามาได้เลย”

“มีวงเวทย์อยู่ที่กระท่อมของริกิด้วยหรือ?”

“ไม่”

เขาตอบในทันที

เฟรย์สังเกตวงเวทย์ที่พื้นอยู่ครู่หนึ่งขณะอธิบาย

“เหตุผลส่วนใหญ่ที่วาร์ปนั่นมีตำแหน่งต้นทางและปลายทางวาดไว้แล้วเพราะว่าเราจะสามารถประหยัดมานาได้อย่างมากโดยการคำนวณส่วนใหญ่และสร้างวงกลมเวทย์มนตร์ไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่านี่หมายความว่าจุดวาร์ปนั่นจะถูกกำหนดไว้ตายตัว”

“ถ้าอย่างนั้นมันจะไม่ยากหรือถ้าไม่มีวงเวทย์อยู่ที่ปลายทาง?”

"ไม่เสมอไป ในทางกลับกันหากคุณทำการคำนวณทั้งหมดก่อนที่จะร่ายเวทย์และมีมานาตามปริมาณที่ต้องการและระบุพิกัดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเรืองนี่ก็ไม่ใช่ปัญหา”

เฟรย์หัวเราะและเสื้อคลุมของเขากระพือปีกเมื่อมานาของเขาถูกปลดปล่อย

“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือมมันไม่มีปัญหาสำหรับฉัน”

* * *

เมื่อวาร์ปสิ้นสุดลงสโนว์ก็มองลงไปที่มือของเธอ

“มันเสถียรจนไม่น่าเชื่อ”

ไม่มีความรู้สึกถึงอาการเมาและเวียนศีรษะที่เป็นลักษณะปกติของการวาร์ปเลย

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำนวนคนที่เคลื่อนไหวมีน้อยแต่ผลลัพธ์นี้ไม่สามารถทำได้หากพ่อมดคนนั่นไม่มีความชำนาญในการควบคุมมานา

สโนว์มองใบหน้าของเฟรย์อย่างใกล้ชิด

แม้จะใช้เวทย์วาร์ปที่ซับซ้อนและเปลืองมานาแต่เขาไม่มีแม้แต่เหงื่อ

'มีอะไรอีกมากมายที่ฉันอยากรู้'

จำนวนคำถามที่เธอมีเกี่ยวกับเฟรย์นั้นมีเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม

'มีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก'

เธอมองไปที่กระท่อมซอมซ่อหลังเล็กๆกลางที่โล่ง

ทันทีที่เธอหันไปมองประตูกระท่อมก็เปิดออกราวกับว่ามันกำลังรอพวกเขาอยู่

เอียด!

มันเป็นสัญญาณให้พวกเขาที่จะเข้าไปข้างใน

เฟรย์และสโนว์เดินเข้าไปในห้อง

มันเป็นพื้นที่เหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นระหว่างการมาครั้งแรก แม้แต่ริกิก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม

“นายมาเร็วมากเลยนะ วาร์ปสินะ มันเป็นคาถาที่มีประโยชน์มาก”

มีถ้วยชาอยู่ตรงหน้าเขารวมทั้งเฟรย์และสโนว์ด้วย

ไอน้ำเพิ่มขึ้นออกมาจากกาและดูเหมือนว่าชาจะเพิ่งถูกต้ม

“ดื่มชากันสักหน่อยไหม?”

แน่นอนว่าเฟรย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะดื่มมัน

“โอดินไม่ใช่อัครสาวกของนอซด็อก”

แม้เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม แต่การแสดงออกของริกิก็ไม่เปลี่ยนไป

“ฉันไม่รู้ว่ามันมีวิธีดังกล่าว”

“…นั่นคือทั้งหมดที่นายจะพูดหรอ? อีวานกับฉันต้องเสี่ยงชีวิตต่อสู้ไปอย่างสูญเปล่าก็เพราะนาย”

“นายต้องการให้ฉันขอโทษใช่ไหม?”

“ฉันไม่ต้องการอะไรจากผู้ชายที่ดื้อรั้นอย่างนาย อย่างไรก็ตามนายต้องรับทราบข้อเท็จจริงที่ว่านายให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแก่เรา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกันในอนาคต”

บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง

เฟรย์และริกิจ้องหน้ากันในขณะที่สโนว์กำลังกลืนน้ำลาย

'ชายคนนี้…'

เขาไม่ยอมถอยเลยแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเดมิก็อดอยู่ก็ตาม

นี่เป็นสิ่งที่สโนว์อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ชายผมสีเงินคนนี้เป็นผู้ที่มีพลังติดอันดับ 1 ใน 5 ของเดมิก็อดทั้งหมด

แม้แต่พ่อมดที่ไปถึงระดับสูงสุด อัศวินที่เคยเห็นจุดสูงสุดของศิลปะดาบ หรือนักรบเวทมนตร์ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จนถึงขีดจำกัดก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความตายเมื่อเผชิญหน้ากับเขา

แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาจะไม่ฆ่าเฟรย์แต่ความกลัวโดยธรรมชาติมี่สัตว์จะรู้สึกถึงเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ล่าที่แท้จริงก็ไม่สามารถละเลยได้

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเฟรย์ไม่กลัวเดมิก็อด

"นายพูดถูก ฉันเข้าใจในสิ่งที่นายกำลังพูดและฉันขอโทษที่ให้ข้อมูลผิดกับนาย "

“…!”

คำขอโทษที่จริงใจของริกิไม่เพียงแต่สโนว์แต่ยังทำให้เฟรย์ประทับใจในตัวเขา

สิ่งที่เฟรย์เพิ่งทำอาจถือเป็นการเอาชีวิตของเขาไปเล่นพนันเพื่อดูว่าชายตรงหน้าเขาได้ทรยศต่อเดมิก็อดจริงๆหรือไม่

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการยั่วยุเล็กน้อยแต่ความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเดมิก็อดก็ทำให้สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นอันตรายมาก

แต่เฟรย์ก็ยังเต็มใจจะเลือกสิ่งนั้น

ถ้าริกิไม่จริงใจมันจะอันตรายมากสำหรับเขาที่จะสานต่อพันธมิตรนี้

ริกิยังคงพูดด้วยท่าทางสงบ

“แค่ขอโทษด้วยวาจามันไม่เพียงพอดังนั้นฉันจะให้สิ่งที่จะช่วยนายด้วย”

“สิ่งที่จะช่วย?”

“ถ้านายฆ่าอัครสาวกนายจะได้รับคริสตัลและดูเหมือนว่าเซอร์เคิลจะรับรู้เรื่องนี้แล้ว”

"ถูกตัอง"

เฟรย์รู้แล้วว่าคริสตัลเหล่านี้น่าทึ่งแค่ไหน

มานาที่มีอยู่ในนั้นเปรียบได้เท่า 'โฟรเซินริฟเวอะ' ที่เขาเคยรับมาก่อน ถ้าเขาสามารถได้มาอีกสักสองชิ้นเขาจะสามารถไปถึงระดับ 8 ดาวได้ทันที

ริกิหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าของเขา

“นั่นคือ…”

“มันคือคริสตัลอย่างไรก็ตามฉันไม่ได้รับสิ่งนี้มาจากอัครสาวก นี่คือคริสตัลที่ฉันได้มาหลังจากฆ่าอินดรา”

“…!”

เมื่อมองไปที่สีหน้าตกใจของเฟรย์ริกิพูดต่อ

“นี่เป็นเพียงสิ่งที่เหลืออยู่แต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยเพิ่มพลังของมนุษย์ได้มาก”

ของเหลือ

แม้ว่าริกิจะพูดแบบนั้นแต่เฟรย์ก็รู้ดีว่าคริสตัลนี้ไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้

เมื่อเขาล่าเดมิก็อดในอดีตก็มีสิ่งหลงเหลือ ไม่สิ เขาไม่สามารถเรียกพวกมันว่าสิ่งหลงเหลือ

ด้วยความรู้และเทคโนโลยีที่มีอยู่ในเวลานั้นพวกเขาคงไม่กล้าที่จะพยายามย่อยสิ่งที่หลงเหลือจากเดมิก็อด

ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายหากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตามคริสตัลที่ริกินำออกมานั้นแตกต่างกัน

'มันเพียงพอแล้วสำหรับมนุษย์คนหนึ่ง'

ยิ่งไปกว่านั้นมันมีขนาดใหญ่กว่าคริสตัลที่เขาได้รับจากลุคล์หลายเท่า

ไม่สิ อาจกล่าวได้ว่าพลังในคริสตัลนั้นน่าจะมีมากขึ้นตามขนาดของมัน แต่เขามั่นใจว่าถ้าเขากลั่นมันออกมาเขาจะสามารถไปถึงระดับ 8 ดาวได้

‘8 ดาว’

เฟรย์สั่นสะท้านไปทั้งตัว คำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนักมาก

‘ถ้าฉันไปถึงระดับ 8 ดาวและอีวานที่ดูดซับพลังงานในผลไม้จนหมด ขอเพียงแค่มีพ่อมดระดับ 7 ดาวและอัศวินที่แข็งแกร่งอีกสองสามคนคอยสนับสนุนฉัน…'

เป็นไปได้ที่พวกเขาจะสังหารเดมิก็อดที่มีพลังไม่มากได้หนึ่งคน

แน่นอนเขาไม่แน่ใจทั้งหมดนี้แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างน้อยที่สุดโอกาสของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

อาจเป็นไปไม่ได้สำหรับพ่อมดคนอื่นๆแม้ว่าพวกเขาจะถึงระดับ 8 ดาวแล้วก็ตาม

แต่เฟรย์ที่มีประสบการณ์ เขาเคยต่อสู้กับเดมิก็อดหลายครั้งก่อนหน้านี้และเคยสังหารพวกมันไปหลายคน

ประสบการณ์ที่เขามีนั้นคุ้มค่าพอๆกับทองคำ

“ถ้านายดื่มสิ่งนี้นายน่าจะถูกยกระดับขึ้นไปได้หนึ่งระดับ”

ริกิก็ดูเหมือนจะรู้เช่นกัน

เขามองเฟรย์ด้วยสายตาที่ลึกล้ำก่อนจะพูด

“เฟรย์นายควรเข้าร่วมการประชุมของเดมิก็อดในสามเดือนข้างหน้า”

"อะไรนะ?"

“ริกินายกำลังพูดถึงอะไร?”

มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดอย่างสิ้นเชิง

การแสดงออกของเฟรย์เปลี่ยนไป สโนว์เองก็เช่นกันแม้ว่าเธอจะคาดหวังเอาไว้แล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตามริกิยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเดิม

“อะโพคาลิปส์อีกสี่คนเช่นเดียวกับลอร์ดจะเข้าร่วมการประชุมนี้พร้อมกับอัครสาวกของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะใช้สารพัดวิธีในการซ่อนตัวตน ... แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่เราไม่ควรพลาด”

“ฉันเห็นด้วยแต่มันจะไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรือ? นอกจากนี้เฟรย์ก็ไม่ได้เป็นอัครสาวกจริงๆ ลอร์ดจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งนั้นได้เลยหรือ?”

“เขาสามารถตรวจดูได้ว่ามีใครเป็นอัครสาวกตัวจริงได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ตามมีวิธีหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของลอร์ดอยู่ เช่นเดียวกับที่ฉันไม่สามารถสังเกตเห็นได้ว่าโอดินเป็นเพียงเหยื่อล่อ เดมิก็อดไม่ได้รอบรู้ไปทุกเรื่องหรอกนะ”

สโนว์ไม่เข้าใจว่าริกิพูดถึงอะไร

การแสดงออกของเฟรย์ดูแปลกไปเล็กน้อย

“…นายกำลังขอให้ฉันกลายเป็นอัครสาวก?”

"ถูกตัอง"

“…!”

มันไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน

เฟรย์คิดอะไรบางอย่างที่คล้ายกันขณะมองไปที่สโนว์

เขาจะตอบสนองอย่างไรถ้าเดมิก็อดคนอื่นอย่างริกิเสนอให้เขาเป็นอัครสาวก?

"ฉันขอปฏิเสธ"

เฟรย์มั่นใจ

แต่เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ

ในเวลานั้นเขาคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีความลังเลในคำพูดของเขาเลย

"ทำไมละ?"

“ไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหนฉันก็ไม่เคยตั้งใจที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เพราะฉันเป็นพ่อมด”

ใช่

นั่นคือเหตุผล

เฟรย์ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งเวทมนตร์

การศึกษาเวทมนตร์ซึ่งติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดได้ตราตรึงอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาแล้ว

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเรียกมันว่ารากฐานของเขา

ถ้าเขาต่อสู้กับพวกเดมิก็อดหลังจากเลิกใช้พลังเวทย์แล้วเขามั่นใจว่าสติของเขาจะถูกทำลายลงในเวลาไม่นาน

4,000 ปี

เขาสามารถมีสติได้ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในอเวจีซึ่งรู้สึกว่ามันคงอยู่ชั่วนิรันดร์ทั้งหมดนี้เป็นเพราะวิทยาศาสตร์เวทย์มนต์

"ใช่และไม่มีเดมิก็อดคนไหนที่จะไม่เข้าใจเรื่องนั้น”

นั่นควรจะหมายถึงอะไร?

ก่อนที่เฟรย์จะเริ่มไตร่ตรองถึงความหมายของคำพูดนั้น ริกิก็พูดต่อ

“เฟรย์ดูดซับคริสตัลสายฟ้าของอินดราสิ นายสามารถควบคุมทั้งพลังศักดิ์สิทธิ์และมานาได้พร้อมๆกัน”

“นั่นเป็นไปไม่ได้”

พลังทั้งสองไม่สามารถผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของริกิยังคงมั่นใจ

“ไม่ มันเป็นไปได้”

"ทำไมนายถึงคิดอย่างงั้น?"

"เพราะว่า..."

ดวงตาของริกิหันไปมองผมสีเทาของเฟรย์

สีที่หาได้ยากในอาณาจักรคัสต์เคา เป็นสีที่หายากแม้แต่ในทวีปทั้งทวีป

“เพราะว่านายเป็นสายเลือดของตระกูลเบลคยังไงละ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด