WS บทที่ 90 งานเลี้ยง PART 1
หลังจากนั้นขั้นตอนต่างๆ ที่วุ่นวายได้ถาโถมเข้ามาหาเมอร์ลิน
อาณาจักรแบล็กมูนนั้นมีความแตกต่างตากจากอาณาจักรแห่งแสงมาก ที่นี่ประกอบไปด้วยนครรัฐต่างๆ หลายหมื่นรัฐและผู้ปกครองเมืองทั้งหมดก็มีสิทธิ์ในการมอบตำแหน่งขุนนาง
ในความเป็นจริงเคานต์เซลินไม่ต่างจากราชาในอาณาจักรเล็กๆ ดังนั้นจึงมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนไม่ต่างจากรับตำแหน่งจากราชาโดยตรงเลย
เมอร์ลินไม่ได้ต่อต้านอะไรกับพิธีรีตรองเล่านี้ เขาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ภายหลังจะพิธีการอันยาวนานได้สิ้นสุดลง เคานต์เซลินได้ตัดสินใจจัดงานเลี้ยงให้กับเมอร์ลิน เมอร์ลินไม่รู้ว่าที่เขาทำให้เพราะอยากจะซื้อใจเมอร์ลินหรือต้องการตอบแทนบุญคุณเขา
โดยงานเลี้ยงจะจัดขึ้นมา 3วัน ถัดมาโดยเคานต์เซลินจะเชิญขุนนางทุกคนมาที่ปราสาท
งานเลี้ยงเช่นนี้มีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มสถานะทางสังคมให้เมอร์ลิน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่นักแต่งานเลี้ยงมันจำเป็นสำหรับครอบครัว เพื่อให้ตระกูลวิลสันเติบโตในเมืองปรากาซในอนาคต
เมอร์ลินจึงตอบรับคำเชิญของเคานต์เซลิน จากนั้นเขาก็กลับมาปราสาท
โดยปราสาทหลังนี้ได้ตั้งชื่อว่าปราสาวิลสัน สาเหตุที่ตั้งชื่อนี้เพื่อให้ระลึกความทรงจำเมื่อครั้งที่อยู่เมืองแบล็กวอเตอร์
เขาก้าวเดินเข้าไปด้านใน เขาสังเกตเห็นพ่อบ้านกำลังควบคุมคนรับใช้ให้ทำความสะอาดปราสาท
“คุณชายเมอร์ลิน ไม่สิ ท่านบารอน นายท่านและท่านเพอร์แมนกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ”
พ่อบ้านรีบเดินเข้ามาต้อนรับเมอร์ลินทันที เขาไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ในน้ำเสียงของเขาได้
เมอร์ลินรู้สึกแปลก ๆ กับวิธีพูดของพ่อบ้าน อย่างไรก็ตามเขาได้ตระหนักว่าตอนนี้เขามีสถานะที่สูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้ว
สำหรับเลห์แมนกับเพอร์แมนตำแหน่งของพวกเขาได้หายไปแล้วทันทีที่เข้ามาในอาณาจักรแบล็กมูน กล่าวคือตอนนี้มีเพียงเมอร์ลินเท่านั้นที่เป็นขุนนางในตระกูลวิลสันนี้
เมอร์ลินชี้ไปที่พวกคนรับใช้จำนวนมากในปราสาทและถามด้วยความสับสน “พ่อบ้าน พวกเขากำลังทำอะไรอยู่”
พ่อบ้านตอบอย่างเคารพ “ท่านบารอนนี่เป็นคำสั่งของนายท่าน เขาต้องการทำความสะอาดปราสาทอย่างหมดจดเพื่อให้สมเกียรติกับตระกูลวิลสันที่มีขุนนางอีกขึ้นอีกคนหนึ่งขอรับ”
หลังจากรู้ว่านี่เป็นคำสั่งของเลห์แมน เมอร์ลินก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวตำแหน่งบารอนมากนัก ที่เขาสนใจจริงๆ ก็คือโครงสร้างเวทมนต์อันใหม่ที่เขาได้รับมาจากพ่อมดฮิลล์
เขาเดินเข้าไปในห้องโถง เขาเห็นทุกคนในครอบครัวมากับพร้อมหน้าตา มีเลห์ บารอนเพอร์แมน มาดามหน้าอกใหญ่ เมซี่ส์และแอวริล
“เมอร์ลิน เคานต์เซลินว่ายังไงบ้าง” เลห์แมนถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป
บารอนเพอร์แมนได้ลุกยืนขึ้นและพูดกับเมอร์ลินว่า “บารอนเมอร์ลิน ผู้บัญชาการูกได้กล่าวไว้ก่อนหน้าน้าส เคานต์เซลินได้เชิญท่านเพื่อเลือกดินแดน ท่านได้ตัดสินใจแล้วรึยัง?”
เมอร์ลินรู้สึกไม่ค่อยดี แม้แต่บารอนเพอร์อมนก็เริ่มพูดกับเขาในฐานะบารอน เขารู้สึกประหลาดใจที่ตำแหน่งขุนนางสามารถเปลี่ยนทัศนคติได้ขนาดนี้ มันทำให้ความรู้สึกที่มีต่อพวกเขาได้เปลี่ยนไป
แม้ว่าเมอร์ลินจะเปิดตัวในฐานะพ่อมด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนมากนัก ดูเหมือนว่าแนวคิดเรื่องชนชั้นและศักดินาจะฝังรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึกของพวกเขา ยากที่จะเปลี่ยนได้
เมอร์ลินส่ายหัวและตอบอย่างอ่อนแรงว่า “ท่านลุงเพอร์ลแมน ผมอยากให้ท่านลุงเรียกผมว่าเมอร์ลินตามเดิม ส่วนเรื่องดินแดนนั้น ผมได้เลือกเมืองคอนซิออน พรุ่งนี้ผมจะสำรวจที่นั่น”
“เมืองคอนซิออน?”
เลห์แมนลุกขึ้นทัน ใบหน้าของเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เมืองอนซิออนเป็นเมืองที่จัดการโดยเคานต์เซลินมาก่อนหน้านี้ การที่เขามอบเมืองนั้นให้ลูก แสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชอบตัวลูกมาก”
เลห์แมนและคนอื่น ๆ ได้เรียนรู้เกือบทุกอย่างในเมืองปรากาซ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักเมืองคอนซิออนอย่างคราว ๆ
จากนั้นเลห์แมนได้พาบารอนเพอร์แมนและคนอื่น ๆ ไปหารือเกี่ยวกับแผนการในอนาคต
ทางด้านเมอร์ลินเขาไม่สนใจในเรื่องนี้มากนัก เขาตั้งใจไว้ว่าหลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาจะจัดการโอนย้ายอำนาจทุกอย่างไปให้เลห์แมน พ่อของเขา
เมอร์ลินลุกยืนขึ้นและจะไปพักผ่อนที่ชั้นบน เขาสังเกตเห็นแอวริลนั่นอยู่ในมุมเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็นึกอย่างบางออก เขาหันไปยิ้มให้แอวริลและพูดว่า
“เคานต์เซลินกำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงให้ฉันอีกไม่กี่วันข้างหน้า แอวริลเธอจะมากับฉันมั้ย?”
แอวริลดูประหลาดใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินพูดกับเธอ นับตั้งแต่ที่ออกจากเมืองแบล็กวอเตอร์ เธอจึงตกใจเกินกว่าจะตอบคำถามเขา
ในอีกด้านบารอนเพอร์แมนกับเลห์แมนได้หันมาสบตากันพร้อมยิ้มมุมปาก
เมอร์ลินที่ไม่ได้คำตอบ เขาจึงถอดใจและขึ้นไปข้างบน เขาไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร ทำไมจิตใจของหญิงสาวช่างยากแท้หยั่งถึง
...
เมื่อเมอร์ลินเข้าไปในห้อง เขาก็ได้หยิบโครงสร้างเวทมนต์ของคาถาโล่ปฐพีออกมา
ตอนนี้เขามีคาถา ลูกไฟกับแช่แข็งที่มีทั้งพลังโจมตีปละควบคุมศัตรู ตอนนี้เขาขาดแค่คาถาป้องกันเท่านั้น
สำหรับเมอร์ลินในตอนนี้ สิ่งที่อันตรายที่สุดนอกจากพ่อมดที่แข็งแกร่งแล้ว ยังมีลูกธนูที่ยิงลงมา มันเป็นภัยร้ายแรงสำหรับเขา
โชคดีที่เขาได้คาถาป้องกันมา เท่านี้เขาก็สามารถเอาตัวรอดจากลูกธนูเหล่านั้นได้
“เดอะเมทริกซ์ จัดเก็บโครงสร้างเวทมนต์โล่ปฐพี”
เริ่มการทำงาน *ปี๊บ* จัดเก็บสำเร็จแล้ว
หลังจากเดอะเมททริกซ์เก็บข้อมูลของคาถาโล่ปฐพีเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอาแผ่นโครงสร้างเวทมนต์วางไว้บนเทียนและเผามัน
แม้ว่าเขาจะได้คาถาใหม่แต่เขาก็ยังไม่ทำการวิเคราะห์เนื่องจากพลังจิดของเขายังน้อยเกินไปที่จะเพิ่มคาถาอันที่สามได้
และวิธีการเพิ่มพลังจิตของเขานั้นช้าเสียเหลือเกิน เขาต้องการเทคนิคการทำสมาธิขั้นที่สูงกว่านี้
แล้ววิธีการที่จะได้เทคนิคขั้นสูงเหล่านั้นมา มีเพียงทางเดียวต้องเข้าร่วมองค์กรนักเวทย์เท่านั้นซึ่งตัวเขาไม่มีอะไรพิเศษเลยดังนั้นคงจะไม่สามารถเข้าร่วมองค์กรไหนได้ในเร็ว ๆ นี้ อย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่เดอะเมทริกซ์ไม่สามารถวิเคราะห์เทคนิคการทำสมาธิได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็มีเทคนิคที่สูงกว่าของชายชราอีธานไปตั้งนานแล้ว”
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ เพื่อสลัดความคิดนี้ออกไป สำหรับเดอะเมทริกซ์ยังไงมันก็เป็นเพียงเครื่องคิดเลข ไม่ว่ามันจะฉลาดขนาดไหน มันก็จำเป้นต้องมีข้อมูลก่อนถึงจะวิเคราะห์ออกมาได้
แม้เขาจะสามารถปรับปรุงโครงสร้างเวทมนต์ได้แต่ก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้
‘บางทีถ้าหากเขาเก็บพวกโครงสร้างเวทมนต์ต่าง ๆ ไว้ในเดอะเมทริกซ์ มันอาจจะได้คาถาใหม่ ๆ ได้จะชุดข้อมูลพวกนั้น’
แต่การทำอย่างนั้นก็ไม่ใช่เร่องง่าย เขาต้องเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก เขาไม่รู้ว่าจะหาแหล่งข้อมูลพวกนั้นได้ที่ไหน
ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรออีกพักใหญ่ถึงจะสามารถกลายเป็นจริงได้
“ดูเหมือนวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันมีอยู่ทางเดียวสินะ”
พ่อมดพเนจรหลายคนต้องการที่จะเข้าร่วมองค์กรนักเวทแต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้รับโอกสนั้น โชคดีที่เมอร์ลยังอายุน้อยและเขาก็เป็นนักเวทย์ได้ในไม่ก่เดือน ดังนั้นเขาจึงมีเวลาอีกมากในทางหาทางเข้าไปในองค์กรพวกนั้น