chapter 46
เกิดข่าวใหญ่สำหรับเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์อีกครั้ง!
ซอดได้พัฒนายาพิเศษสำหรับโรคเอดส์(AIDS)!
สิ่งที่สำคัญที่สุดมันไม่ใช่ยาที่กำหนดเป้าหมาย แต่เป็นยาเฉพาะที่สามารถใช้ได้กับโรคเอดส์ที่ได้ผลจนถึงยีนส์ ผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลกรอดแล้ว!
มันอาจต้องใช้เวลาหลายปีแม้จะนานถึง 10 ปีกว่าผู้ติดเชื้อ HIV จะกลายเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ เนื่องจากความต้านทานร่างกายลดต่ำลงอย่างมาก การติดเชื้อนั้นมีหลายอย่างเช่น งูสวัด,เริม,วัณโรคเป็นต้น หรืออาจจะเป็นลำไส้อักเสบ,ปอดบวม,สมองบวมจนทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด พัฒนากลายเป็นแคนดิด้าหรือแม้แต่มะเร็งเนื้องอกจนไปถึงระยะสุดท้ายจนระบบร่างกายล้มเหลวและเสียชีวิต.
แต่ก็มีหลายคนที่มีอะไรกันแล้วไม่ใช้ถุงยางอนามัย พวกเขาทั้งหมดจะติดเชื้อ HIV ทางเลือด.
เนื่องจากระยะการฟักตัวนานและตรวจพบได้ยาก หลายคนจะพบก็ต่อเมื่อพวกเขาติดเชื้อเอดส์แล้วหลังจากที่ถ่ายเลือดมาหลายปี คนเหล่านี้คือคนที่โชคร้ายที่สุด.
ตามสถิติที่เปิดเผยโดยองค์กรอนามันโลกในเดือนพ.ค.ปี 2552(2009) จากปี 2551(2008) มีผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลกประมาณ 33.4 ล้านคนในจำนวนนี้เป็นผู้ใหญ่ 31.3 ล้านคน เป็นผู้หญิง 15.7 ล้านคนและ 2.1 ล้านคนเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี.
แต่นี่คือข้อมูลที่ถูกพบและคาดการณ์ ในความจริงผู้ป่วยเอดส์ที่ยังอยู่ในระยะฟักตัวอาจมีมากกว่านี้ เบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์สุ่มเลือกผู้ป่วยโรคเอดส์บางรายและให้การรักษาฟรี จากนั้นไม่ถึงครึ่งหนึ่งในหนึ่งเดือน ผู้ป่วยก็หายเป็นปกติ แน่นอนว่าระบบภูมิคุ้นกันร่างกายที่ได้รับความเสียหายจากโรคเอดส์ก็ได้รับการซ่อมแซมโดยสมบูรณ์จากไวรัสเอ็กตรีมมิส แพทย์ทุกคนแสดงออกด้วยอาการเหลือเชื่อและไม่เข้าใจกลไกของยาพิเศษของเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์.
องค์การอนามัยโลกส่งคำเชิญและต้องการทดสอบว่ายาพิเศษนี้ตรงตามเกณฑ์หรือไม่ แต่แน่นอนว่าซอดปฏิเสธ เขายังบอกด้วยว่ายาพิเศษนี้จะไม่ให้ตรวจสอบใดๆเพื่อป้องกันไม่ให้อเมริกากลืนกินอินเดีย การทดสอบครั้งที่สามเกิดขึ้นในโรงง้านผลิตยาเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบจากคนอื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตรวจพบแล้วว่าไม่พบไวรัสทั้งสองชนิด.
แม้ว่าไวรัสแวมไพร์ธรรมดาจะสามารถฆ่าไวรัสได้ทั้งหมด แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีเพียงไวรัสแวมไพร์ของเบลดเท่านั้นที่ลดผลกระทบการดูดซึมให้เหลือเพียง 10% และสามารถควบคุมได้โดยการเพิ่มไวรัสเอ็กตรีมมิสจำนวนเล็กน้อย. .
ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปหาเบลดเพื่อเอาเลือด ซอดได้เริ่มการศึกษาและเพาะไวรัสแวมไพร์ของเบลดเพื่อเพิ่มความสามารถในการดูดซึม.
ผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วโลกเมื่อได้รู้นั้นต่างก็บ้าคลั่งและผู้ที่รู้สึกว่าตนเองอาจจะเป็นโรคเอดส์หมดหวังแล้ว.
ส่วนใหญ่เป็นคนรวย เพราะทำไม เหอะๆ คุณก็รู้.
ดังนั้นแม้ว่าเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์จะตั้งราคายาพิเศษนี้ไว้สูง แต่จำนวนที่ผลิตกับจำนวนที่ขายก็ยังไม่พอ.
การเกิดขึ้นของยาเฉพาะโรคเอดส์ทำให้เบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์ขึ้นแท่นอีกครั้งด้วยการพิชิตปัญหาที่โลกไม่เคยเอาชนะได้นับตั้งแต่มีการค้นพบโรคเอดส์มานานหลายทศวรรษ ซอด ฮีท จึงไม่ใช่อัจฉริยะอีกต่อไป แต่เขาเป็นสมบัติของมนุษยชาติ!
อิทธิพลของเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์แผ่กระจายทั่วโลก ซอดยังเริ่มแผนการของตัวเองด้วยการสร้างดาวเทียมและสถานีอวกาศ ทันทีที่โอลด์กลับมาจากจีน เธอก็ถูกส่งไปยังวากานด้าทันที ซอดยังคงตื่นเต้นอยู่เหมือนเดิม.
ส่วนหญ้ารูปหัวใจนั้น ซอดไม่มีความคิดเพราะหญ้ารูปหัวใจไม่ใช่ของวิเศษที่จะทำให้เกิดนักรบพิเศษ แต่เป็นเพียงยาหลอนประสาทหรือสารพิษที่ทำให้คนเห็นเทพเจ้าเสือดำ หากไม่ใช่ราชวงศ์วากานด้า ถ้าคุณเอาหญ้ารูปหัวใจ เทพเจ้าเสือดำจะขยี้คุณตรงๆ มีเพียงราชวงศ์วากานด้านเท่านั้นที่สามารถผ่านการประเมิณของเทพเจ้าเสือดำและกลางร่างเป็นสุดยอดนักรบแบล็คแพนเทอร์.
เขาไม่โลภเทคโนโลยีไวเบเนี่ยมที่พัฒนาโดยวากันด้าที่มีไวเบรเนี่ยมเป็นพื้นฐาน เพราะซอดมั่นใจว่าเขาทำได้ดีกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นไวเบรเนี่ยมเป็นโลหะที่มีประโยชน์หลากหลายและเกือบจะมีพลังแทบในทุกทาง หากสร้างเป็นเสื้อผ้าและหอกมันก็ยังอาจทำได้!
โอลด์รู้สึกว่าเธอกำลังจะยุ่ง เธอจึงต้องขอให้นาตาลีช่วยในกิจการของบริษัท จากนั้นก็นั่งเครื่องบินไปในวากันด้า.
ราชาแห่งวากันด้าองค์ปัจจุบันคือเสือดำทีชากา ไม่แปลกใจที่คนนอกจะว่าเขามาจากประเทศที่'ล้าหลัง' โอลด์ลงจากเครื่องบินและรู้สึกว่าวากานด้านล้าหลังเกินไป มี'เหมืองเทียม'ตามธรรมชาติซึ่งถือเป็นเรื่องที่โชคดี.
โอลด์รู้จากบอสของเธอว่าแร่ไวเบรเนียมที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ต่อกรัมนั้นยังคงขาดตลาด มีการหมุนเวียนในตลาดมืดเป็นจำนวนมาก แต่มันก็มีราคา 50,000 ดอลลาร์ต่อกร้ม กลุ่มชาวพื้นเมืองวากานด้าของทีชากานั้นร่ำรวยกว่าผู้ประกอบการน้ำมันที่มีแหล่งน้ำมันเป็นของตัวเองในตะวันออกกลาง.
ชากาถอดเสื้อคลุมของจักรพรรดิที่ทำจากไวเบรเนียมและสวมชุดพื้นเมืองที่ขาดรุ่งริ่งพร้อมกับกางเกงที่ปกคลุมร่างกายเพียงด้านล่างของเขาเท่านั้น.
"สวัดดีราชาของวากานด้า."
โอลด์พูดอย่างสุภาพ.
"ไม่มีราชาในวากานด้าน ฉันเป็นแค่หัวหน้าเผ่าของพวกเขา."
ชากาพูดเล่นๆ.
โอลด์ไม่รู้ว่ามันเหลือเชื่อมากแค่ไหนที่ผู้นำเผ่าพื้นเมืองล้าหลังจะพูดอังกฤษและอธิบายความตั้งใจของเขา.
ทีชากายิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อได้ยิน เขาคิดว่ามันเป็นความไม่เต็มใจของพวกนักเลงที่ขายไวเบรเนียมในเวลานั้นและต้องการกลับมาไวรเบรเนียม ท้ายที่สุดวากานด้าก็ขายมันออกไปเพื่อนำกลับมาพัฒนาเมือง ไวเบรเนียมและกับเงินเพื่อส่งให้คนหนุ่มสาวในเผ่าไปเรียนที่มหาลับของอเมริกาแลัวกลับมาช่วยพัฒนาบ้านเกิดของพวกเขา คอมพิวเตอร์ของพวกเขาก็สร้างมาจากไวเบรเนี่ยมเช่นกัน เทคโนโลยีของวากานด้าพัฒนาเร็วกว่าการพัฒนาวิทยศาตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์จากโลกภายนอก พวกเขามีทั้งยานอวกาศและดาวเทียมเป็นของตัวเองและพร้อมโจมตีมนุษยชาติทั้งโลกอีกด้วย.
กลายเป็นว่าคนที่มาที่นี่กลับเป็นคนที่ถูกขนานนามว่าสมบัติของมนุษยชาติ ในศตวรรษนี้เช่นไอส์ไตน์,เทสล่า,โอเล่ อัจฉริยะคนปัจจุบัน ซอด ฮีท เขาต้องการแร่ไวเบรเนียม.
แร่นี้เป็นรากฐานของวากานด้านและทีชากาก็ไม่เต็มใจที่จะขายมัน ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ทีชากาที่เป็นราชาและจิตใจของเขาก็ไม่ได้เปิดกว้าง เขาคิดว่าวากานด้านั้นสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป.
ดังนั้นทีชากาจึงปฏิเสธที่จะขายไวเบเนี่ยมในตอนนี้ ถ้าเขาไม่พอใจ ก็สามารถไปขุดหาได้ในเมืองวากานด้า.
กลุ่มนักเลงบางไม่เชื่อ พวกเขาขุดทุกที่ด้วยตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังไม่พบ พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าวากานด้านขุดทองตื้นลึกกว่าที่จะมองเห็น.
ทั้งวากานด้านนั้นจริงๆแล้วตั้งอยู่บนแร่ไวเบรเนี่ยมขนาดใหญ่.