Ep.979 - ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
Ep.979 - ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
หลังจากทั้งสองสนทนากันอีกหลายประโยค ฉินเฟิงก็เริ่มหันมาล่าสังหารอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยความมืดมิด หากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าจิตใจคงเริ่มบิดเบี้ยว และพังทลายลงในไม่ช้า
ฉินเฟิงเคยเห็นตัวอย่างมาก่อน ผู้ใช้อบิลิตี้มืดที่ทรงพลังบางคน ขนาดคนที่มีพลังสมาธิแข็งแกร่งเช่นนั้น พอได้คลุกคลีกับความมืดมิดนานๆ พวกเขาจะเกิดความคิดแง่ร้ายขึ้นมา ว่าโลกทั้งใบควรจมจ่อมสู่ความมืดมิด และความตายคือที่สุดแล้วของโชคชะตา
ผู้ใช้อบิลิตี้มืดที่ทัศนคติฟั่นเฟือนจึงเปลี่ยนมนุษย์ที่มีชีวิตให้กลายเป็นซากศพ และโครงกระดูก คือภาพอันงดงามในสายตาของพวกเขา
บุคคลประเภทนี้ ในความเป็นจริงยังมีอีกหลายคน ความมืดคือการดำรงอยู่ที่บ่อนทำลายจิตใจให้สึกกร่อน โชคยังดีที่ฉินเฟิงมีไป๋หลีอยู่เคียงข้าง ตัวเธอราวกับแสงสว่างรอบกายเขา คอยปัดเป่าความมืดมิดออกไป
ผ่านไปกว่าสิบชั่วโมง ฉินเฟิงได้ยินเสียงคลื่นกระทบผนังหินอีกครั้ง ธารน้ำที่คุ้ยเคยปรากฏขึ้นอีกครา
เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงเกิดความสุขยิ่ง คำนวณจากเวลา คาดว่าธารน้ำน่าจะปรากฏขึ้นทุกวัน
“ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของธารน้ำจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับกลางวันและกลางคืน คล้ายๆปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง”
เนื่องจากเคยมีประสบการณ์แช่กระแสธารที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานเหลวสีดำทมิฬมาก่อน ครั้งนี้ฉินเฟิงเลยทราบดีว่าต้องทำอย่างไร เขาลงไปนอนอาบมันตลอดทั้งคืนเพื่อเพิ่มพูนพลังสมาธิ ส่วนในช่วงเช้าที่น้ำลง จิตใจของเขาว้าวุ่นมาก อยากจะทราบว่าธารทมิฬพวกนี้มาจากที่ใด และไหลย้อนกลับไปที่ใด เป็นไปได้หรือไม่ว่าปลายทางสามารถนำไปสู่แกนกลางของจ้าวเหนือหัวได้โดยตรง
แน่นอน การลึกเข้าไปสำรวจในครั้งนี้ ฉินเฟิงระมัดระวังตัวมากขึ้น
ซ่า ..!
ธารทมิฬเริ่มถดถอย ฉินเฟิงไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจากวิ่งตามได้ 1 กิโลเมตร ก็ปรากฏสัตว์ยักษ์สองตัวเข้าขวางหน้า สาดสายตาจับจ้องฉินเฟิงไม่วางตา
และพวกมันคือสัตว์ยักษ์เลเวล SS !
ฟ่อ~~
สัตว์ยักษ์ทั้งสองมีรูปลักษณ์เหมือนงู เมื่อเห็นฉินเฟิงปรากฏตัว คู่ดวงตาดำสนิทก็ตรึงลงบนร่างของฉินเฟิง จากนั้นเลื้อยเข้ามาราวกับสายลม
“ทักษะก้าวทะลวงมิติ!”
ฉินเฟิงเปิดใช้งานวิชาตัวเบาเต็มกำลังแบบไม่เก็บงำ ดีดตัวพุ่งถอยมาข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม สองงูยักษ์กลับไม่มีเจตนาจะปล่อยฉินเฟิงไป ไล่ตามไม่ลดละ
“เทคนิคผู้รับใช้เทพแห่งความมืด!”
ฉินเฟิงแยกร่างโคลนออกมาเจ็ดร่าง วิ่งกระจายกันไปคนละทิศทาง นอกจากนี้ยังปลดปล่อยทักษะหมื่นภูติ
กระบวนท่าวรยุทธและอบิลิตี้เลเวล S ทั้งสองนี้ ยามใช้ออกพร้อมกัน น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง เกรงว่าหากทั้งสองถูกปลดปล่อยเพื่อใช้หลบหนี คงยากที่จะระบุตัวจริง
งูยักษ์ถูกฉินเฟิงทำให้สับสน สุดท้ายตัดสินใจไล่ตามร่างแยกของฉินเฟิง เลื้อยหายไปโดยไม่เหลียวกลับมามองฉินเฟิงตัวจริงอีกเลย
เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงถอนหายใจโล่งอก แต่ลึกๆกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เกรงว่าการพยายามเข้าไปสำรวจ จะคว้าน้ำเหลวอีกแล้ว
ยังไงก็ตาม ฉินเฟิงยังคงคิดแผนการใหม่ๆในหัวใจ คนอย่างเขามีหรือจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เมื่อครั้งในมิติของหญิงหิมะ แม้ไม่ตั้งใจ แต่ฉินเฟิงก็ยังสามารถบุกไปถึงตำแหน่งแกนกลางของจ้าวเหนือหัวได้ ในขณะที่ครั้งนี้เข้าตั้งใจมาก แค่เพราะการตายของจ้าวเหนือหัวคนนี้ ไม่ได้ทิ้งมรดกเอาไว้ มันไม่ใช่เหตุผลมากพอที่ฉินเฟิงจะยอมแพ้
เมื่อได้ข้อสรุปราวๆนี้ ฉินเฟิงก็ไม่ยินยอมที่จะตัดใจ
“ผู้รับใช้แห่งความมืดสามารถสร้างความสับสนแก่ศัตรูเลเวล SS ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทั้งร่างของฉันเปลี่ยนเป็นอักษรรูนมืด แต่ประเด็นก็คือฉันไม่สามารถรักษาสภาวะนี้เป็นเวลานานได้!”
เวลานี้ หากต้องการฝ่าเข้าไป จำเป็นต้องมีการขบคิด ปรับเปลี่ยนและแก้ไขปัญหาครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ทันใดนั้นหัวใจของฉินเฟิงกระตุกวูบ บังเกิดความคิดดีๆขึ้นมา
“ไป๋หลี พักผ่อนกันก่อน”
“เข้ามาเลย!”
ไป๋หลีเอื้อมมือออกไป ดึงฉินเฟิงเข้าสู่มิติกระแสเวลาเร็ว
ฉินเฟิงเข้าไปข้างใน แต่มิได้พักผ่อนในทันที หยิบรูบิควิเศษออกมาแทน
วินาทีต่อมา ระหว่างคิ้วของฉินเฟิง ปรากฏกระแสวังวน จากนั้น ศิลานรกก็ค่อยๆผุดออกมาจากข้างในทีละก้อน
หลังจากสะสมพวกมันเป็นเวลากว่าสองวัน ฉินเฟิงได้รับศิลานรกมามากกว่า 300 ก้อน นอกจากนี้ยังมีของอีกเล็กๆน้อยๆ พวกมันทั้งหมดถูกใส่ลงในรูบิควิเศษ
“จงหลอมรวมให้ฉัน!”
ศิลานรกเหล่านี้ แม้พวกมันจะทรงพลัง แต่ถูกจัดว่าเป็นวัสดุเลเวล S และเอาจริงๆสามารถใช้งานในสภาพนี้โดยตรงเลยก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะไม่สามารถนำไปทำเป็นอุปกรณ์รูนได้ซะเมื่อไหร่?
หากนำศิลาศักดิ์สิทธิ์ฝังลงในอุปกรณ์รูน มันย่อมสำแดงพลังได้มากกว่าการฝังแก่นอบิลิตี้อย่างแน่นอน
ในอดีตฉินเฟิงเคยจินตนาการ และรู้ได้ทันทีว่ามันต้องทรงพลังอย่างแน่นอน แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีคนคิดทำแบบนี้ จนปัจจุบันเขาถึงค่อยทราบ ที่แท้ก็เป็นเพราะศิลาศักดิ์สิทธิ์คือสมบัติที่มีเพียงตัวตนทรงอำนาจเท่านั้นจึงจักหลอมกลั่นได้
ไม่เชื่อก็ดูรูบิควิเศษสิ ขนาดใช้มัน ความเร็วในการหลอมรวมยังเชื่องช้า การสร้างอุปกรณ์เลเวล S ไม่รวดเร็วเหมือนที่แล้วๆมา แต่ต่อให้ช้าแล้วยังไง ฉินเฟิงยอมรอได้
พลังสมาธิของฉินเฟิงยังคงถ่ายเทเพื่อรักษาการทำงานของรูบิควิเศษ กินเวลากว่าหนึ่งวันเต็มๆ ในที่สุดฉินเฟิงก็ได้สิ่งที่ต้องการ
มันคือชุดรบที่คุกรุ่นไปด้วยความมืดมิดยิ่งกว่าเกราะทมิฬ
ฉินเฟิงเปลี่ยนมาสวมชุดนี้ ร่างเขาถูกปกคลุมไปด้วยศิลานรก เวลานี้ มันช่วยปกปิดกลิ่นอายจากร่างของฉินเฟิงอย่างสมบูรณ์
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ชุดรบตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากรูบิควิเศษ เทียบเท่ากับมันเชื่อมต่อกับจิตสำนึกของฉินเฟิง สามารถใช้งานได้ราวแขนขา เมื่อฉินเฟิงต้องการซ่อนกลิ่นอาย ชุดรบนี้จะทรงพลังยิ่งกว่าเสื้อคลุมที่ฉินเฟิงได้รับจากเผ่ามังกรเสียอีก
ตอนนี้ เกรงว่าต่อให้เงาแห่งความตายอยู่ตรงหน้า พวกมันก็ไม่สามารถตรวจจับกลิ่นอายของฉินเฟิงได้ อีกทั้งยังไม่ถูกดึงดูดโดยศิลานรก โอกาสที่ฉินเฟิงจะถูกโจมตีแทบเป็นศูนย์
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ฉินเฟิงก็ออกจากมิติลับ กลับมายังหุบเขาไขกระดูกมังกร หลังจากเฝ้าต่อสู้มาทั้งวัน ยามค่ำคืนได้มาถึง กระแสธารที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ ฉินเฟิงเลือกซ่อนกลิ่นอายของเขา ไม่ได้ต่อสู้กับเงาแห่งความตายอีกต่อไป แต่เดินไปตามกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำเริ่มสูง ท่วมต้นขาของฉินเฟิง จากนั้นท่วมถึงหน้าอก แรงกดดันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันพลังงานจากมันก็ยิ่งทวีอานุภาพขึ้นเช่นกัน
ฉินเฟิงยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า จนน้ำท่วมหัวเขา
เฝ้ารอจนกระทั่งกระแสธารเริ่มถดถอยอีกครั้ง ฉินเฟิงก็คว้าโอกาสนั้นไว้ ปล่อยให้ร่างกายไหลไปพร้อมกับคลื่น ถูกสูบออกไปพร้อมกัน
“ถ้ายังไปข้างหน้าอีก ฉันจะไม่สามารถเปิดช่องว่างมิติได้แล้วนะ” ไป๋หลีเริ่มกระวนกระวาย
“ไม่เป็นไร เธอเปิดไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก มีชุดเกราะที่ทำจากศิลานรกนี้อยู่ เงาแห่งความตายไม่มีทางค้นพบฉัน” ฉินเฟิงปลอบ
ไป๋หลีลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายเลือกที่จะเชื่อใจฉินเฟิง
ฉินเฟิงลอยคอไปตามกระแสน้ำ สัตวยักษ์ที่มีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้นรอบตัวเขาเป็นครั้งคราว แต่พวกมันไม่พบฉินเฟิง
เมื่อลอยไปตามกระแสนานตลอดทั้งคืน ฉินเฟิงก็หยุดลง ธารน้ำรอบๆได้หายไปแล้ว เวลานี้ฉินเฟิงเห็นเนินเขาสูงลาดชัน
บนเนินเขาสูงนี้ รูปแบบชีวิตที่ทรงพลังนับร้อยตัวยืนหยัดอยู่ที่นั่น ร่างกายของพวกมันเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น มีลักษณะของ ‘สิ่งมีชีวิต’ มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฉินเฟิงยิ่งกว่าก็คือ บนพื้นดินเบื้องล่างเนินเขา --มันเกลื่อนไปด้วยศิลานรก!
สิ่งที่โชคดีก็คือ ชุดเกราะที่ทำจากศิลา ช่วยให้ฉินเฟิงกลมกลืนไปกับที่นี่อย่างลงตัว เขานอนหมอบอยู่กับพื้น เริ่มเก็บรวบรวมศิลานรกอย่างรวดเร็ว
สัตว์ยักษ์แห่งความมืดเลเวล SS ที่อยู่ที่นี่ มันต่างจากเงาแห่งความตายอย่างสิ้นเชิง พวกมันเพิกเฉยต่อสมบัติที่อยู่บนพื้นดิน ไปกระจุกกันอยู่บนเนินเขา เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงที่หมอบอยู่กับพื้น สามารถเก็บรวบรวมศิลานรกได้อย่างง่ายดาย
อาจกล่าวได้ว่า นี่คือการเก็บเกี่ยวผลกำไรชั้นดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ต้องกล่าวถึงศิลานรกบนพื้น ที่ไม่เพียงมีมากพอจนคุ้มทุนในตอนใช้สร้างชุดเกราะเมื่อครู่ แถมมันยังมากกว่านั้นถึงสองเท่า
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังอารมณ์ดีมีความสุข เสียงซ่าาาา ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เวลาช่วงเช้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ธารทมิฬปรากฏขึ้นอีกครา
กลายเป็นว่าธารทมิฬนี้ไหลลงมาจากที่สูงโดยตรง มันโถมลงบนร่างของฉินเฟิง เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกกระแสน้ำพัดพาไป