Ep.977 - กระแสน้ำในหุบเขา
Ep.977 - กระแสน้ำในหุบเขา
คราวนี้ ฉินเฟิงไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ให้ผู้รับใช้ทั้งเจ็ดดึงดูดพวกเงาแห่งความตาย เมื่อรวบรวมได้สัก 400 - 500 ตัวก็ลากเข้ากลางวงผู้คน ยืมมือพวกมันคร่าชีวิตตัวตนทรงอำนาจในสนามรบ หากไม่นับเลเวล SS ที่สามารถหลบหนีไปได้แล้ว เลเวล S จากกองกำลังมืดคนอื่นๆที่ถูกบังคับมา ต่างโดนลูกหลงจบชีวิตลง
และฉินเฟิงก็ค่อยไปเก็บของดีทีหลัง หว่านแหเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว
กลวิธีดังกล่าว ง่ายต่อการวางกับดักผู้คน ฉินเฟิงปล่อยผู้รับใช้จัดการ ส่วนตนไม่ต้องทานรับแรงกดดันใดๆ
…
สองชั่วโมงต่อมา ผู้รับใช้ทั้งเจ็ดของฉินเฟิงนำสมบัติที่เก็บได้มาให้ ทุกอย่างที่ได้มาคือศิลานรก แต่ยังไม่พบการดำรงอยู่ของสมบัติประเภทมังกร
กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าไขกระดูกมังกร ก็ยังไม่ได้พบเห็น
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปได้พักหนึ่ง ฉินเฟิงก็สังเกตเห็นว่า ผู้ใช้พลังกำลังทยอยกันล่าถอยออกจากหุบเขาอย่างต่อเนื่อง
“คงไม่ใช่ว่ามีข่าวอะไรใหม่หรอกนะใช่ไหม?” ฉินเฟิงเกิดความสงสัยในหัวใจ
ฉินเฟิงสืบหาข้อมูลอยู่พักหนึ่ง ไม่นานพบผู้ใช้พลังที่ไม่สามารถรับมือกับเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีสมบัติใดคู่ควรให้เขาหยิบติดมือ ทว่าสามารถบอกข้อมูลให้เขาทราบได้
ทวีปบาฮามุทแห่งนี้มิใช่แผ่นดินใหญ่ที่เป็นมิตรกับผู้คน(หมายถึงไม่น่าอยู่นาน) เฉพาะแค่การบุกขึ้นเขาในครั้งนี้ เดิมมีผู้ใช้พลังราวๆ 600 คน แต่ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 200 คน
เกรงว่าหากเป็นในมิติโลกมนุษย์ การตกตายของเลเวล S ถือเป็นเรื่องเขย่าขวัญผู้คนทั้งโลก แต่ในมิตินี้ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่เพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ผู้คนจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่มีใครอยากให้ตนเป็นรายต่อไป
การล่าถอยดังกล่าว ก็คล้ายกับการถอยเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยบนแผ่นดินใหญ่ในยามค่ำคืน ทุกคนพากันออกจากหุบเขา เพราะพระอาทิตย์กำลังตกดิน
หากลองคำนวณดู จะพบว่าการปีนเขาเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นฉินเฟิงถูกบังคับให้นำหน้า และจากมา รวมๆแล้วเวลาที่เขาใช้ไปคือสี่ชั่วโมง ส่วนเวลาที่เริ่มปีนเขาคือเที่ยงตรง ปัจจุบันจึงเป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว อีกไม่นาน แสงอาทิตย์อันแรงกล้าก็จะจางหาย
หากคุณไม่ออกจากหุบเขาตอนนี้ จะไม่มีโอกาสออกไปอีกเลยทั้งเดือน ไม่ต้องกล่าวถึง ยามแสงแดดจางหาย ภายในหุบเขาไขกระดูกมังกรจะอันตรายมาก คุณสามารถจินตนาการดูได้ ว่ามันจะเป็นอย่างไรหลังจากพลบค่ำ
อาจกล่าวได้ว่า แสงอาทิตย์สยบความร้ายแรงของอักษรรูนมืด เมื่อสูญสิ้นแสง พลังแห่งความมืดจะน่าหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้
“มันจะอันตรายแค่ไหนเชียว? น่ากลัวกว่ากลางคืนบนแผ่นดินใหญ่รึเปล่า?” ถึงฉินเฟิงจะไม่รู้ แต่เขามีไป๋หลีอยู่ข้างกาย ฉะนั้นไม่ต้องหวาดกลัวอะไร เธอคือไพ่ใหญ่ใบที่สุดในมือเขา
“เอาจริงๆถ้าเป็นแบบนั้นมันจะไม่ยิ่งดีหรอกหรอ? เพราะเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าจะมีภัยคุกคามจากพวกผู้ใช้พลังเลเวล SS!”
“แถมบางทีอาจสามารถยกระดับพลังสมาธิไปถึงเลเวล S เลยก็ได้”
เมื่อถึงเวลานั้น ฉินเฟิงก็จะสามารถเปิดใช้งานเทคนิคจ้าวมังกรคำรนได้ และอานุภาพของมัน ร้ายแรงถึงขั้นกระทั่งเหล่าเลเวล SS ก็มิอาจต้านทาน
เมื่อคิดได้ดังนี้ ฉินเฟิงก็ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าจะอยู่ต่อ
“แต่อยากรู้จริงๆ ว่าเช่าไท่กับเทพวูดูจะตายแล้วหรือยัง ถ้าพวกเขายังไม่ตาย บางทีอาจไปวุ่นวายกับเมืองหลวงแห่งความมืด!”
แต่ก็แค่ในส่วนของเมืองหลวงแห่งความมืดเท่านั้น เพราะต่อให้ทั้งสองคนจะล่วงรู้ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงแล้วก็ตาม แต่คงไม่มีทางเชื่อมโยงไปถึงสถานะประธานกลุ่มเฟิงหลี
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป ผู้ใช้พลังพากันถอนตัวออกจากหุบเขาไขกระดูกมังกร
ทั้งเทพวูดูกับเช่าไท่มิได้เสียชีวิต แม้ฉินเฟิงในฐานะเหยื่อล่อคนแรกจะจากไป แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของทีมยังค่อนข้างสมบูรณ์ ซอร์ได้รับผลประโยชน์พอสมควร จึงแบ่งสรร มอบให้แก่เช่าไท่และเทพวูดู
“ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าหนูนั่น มันไม่น่าจะตายง่ายๆ พวกแกจงหามันให้เจอ แล้วเรียกตัวมันมาที่นี่อีกครั้งในเดือนหน้า ไม่อย่างนั้น … ไม่ว่าพวกแกจะมาจากมิติไหน ฉันก็จะตามล่าจนกว่าจะเจอ!”
ว่าจบ ซอร์ก็ฉกสองมือออกไป วางลงบนหัวทั้งคู่ พลังสมาธิสายหนึ่งถ่ายเทลงบนร่างของพวกเขา สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยนกลับกลาย
นี่มันเทคนิคประทับวิญญาณ!
ซอร์สลักเครื่องหมายลงในจิตของทั้งสองแล้ว ไม่ว่าทั้งคู่จะหลบหนีไปที่ใด เขาสามารถล่วงรู้ได้ทุกเมื่อ
ปัจจุบันทั้งสองกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และได้รู้ซึ้งถึงคำว่าสมคบคิดกับเสือมันหมายความว่าอย่างไร แต่ไม่มียาแก้ความเสียใจสำหรับโลกใบนี้ ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว
ฉินเฟิงไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เพราะเรื่องนี้ ทำให้เทพวูดูและเช่าไท่ ไม่ได้กลับไปยังมิติโลกมนุษย์เลยตลอดทั้งเดือน
เมื่อเหล่าผู้ใช้พลังจากไป หุบเขาไขกระดูกมังกรก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง
ซ่า ..
ท่ามกลางความมืดมิด ปรากฏเสียงน้ำดังขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ฉินเฟิงหยุดนิ่งอยู่ในจุดเดิม แผ่พลังสมาธิออกไป แพร่กระจายมันยาวออกไปจนพบพื้นที่แห่งหนึ่งที่ค่อนข้างกว้างขวาง
ในตอนนั้นเอง ในที่สุดเขาก็พบต้นตอของเสียงน้ำ
กระแสน้ำนี้มาจากส่วนลึกของหุบเขาไขกระดูกมังกร แต่ยิ่งไหลออกมาไกลเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเบาบาง พลังสมาธิของฉินเฟิงสามารถเห็นได้ว่ามันคืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับธารน้ำสีดำ
อย่างไรก็ตาม ในธารน้ำ ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งกำลังแหวกว่าย
นั่นน่าจะเป็นเงาแห่งความตายที่ไม่มีตัวตน พวกมันลอยคอบนผิวน้ำ แห่แหนไปรวมกันในสถานที่แห่งหนึ่ง
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ …”
เสียงของพวกมันฟังดูระคายหูนัก แต่หากจับความรู้สึกดีๆ จะพบว่าเป็นเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น ต่อมา ปรากฏวัตถุบางอย่างในกระแสธารน้ำ เงาแห่งความตายทั้งหมดพุ่งเข้าแย่งชิงมัน ตัวหนึ่งที่คว้าได้ก็ชูวัตถุชิ้นนั้นขึ้นมา
ที่แท้เป็นศิลานรก!
เงาแห่งความตายที่คว้าได้กลืนศิลานรกเข้าไปในคำเดียว ขณะที่เงาอื่นๆพยายามยื้อแย่งจากมัน แต่การยื้อแย่งดังกล่าว กลับกลายเป็นการหลอมรวมร่างของตนเข้ากับอีกฝ่าย กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
นี่ดูไม่เหมือนการต่อสู้เลย ตรงกันข้าม เหมือนการฟิวชั่นซะมากกว่า
เงาแห่งความตายจำนวนมาก ค่อยหลอมรวมกัน ก่อตัวเป็นร่างยักษ์
ยิ่งไปกว่านั้น การดำรงอยู่นี้คล้ายไม่เหมือนเงาแห่งความตาย แม้ไม่มีวิญญาณดังเดิม แต่กลับมีจิตสำนึก
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ฉินเฟิงตระหนักได้ทันที ว่าบนทวีปแห่งความตายนี้ ไม่จำเป็นที่ทุกสิ่งต้องไร้ชีวิตเสมอไป อย่างเงาที่รวมตัวกัน มันได้ก่อกำเนิดเป็นชีวิตใหม่ในทวีปบาฮามุท
สุดท้าย เจ้าพวกนี้ก็จะกลายเป็นชนพื้นเมือง ผู้ตั้งรกรากแรกเริ่ม หากโลกนี้ไม่ถูกใครเข้ามารบกวน สิ่งมีชีวิตอันน่าประหลาดเหล่านี้ก็จะค่อยๆวิวัฒนาการ ก่อตัวเป็นร่างกายที่มีพลังงานพิเศษ และสุดท้ายกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่
ในบรรดาเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา เผ่ามารอัคคีก็ถือกำเนิดขึ้นจากธาตุมาก่อนเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม การวิวัฒนาการประเภทนั้น มันใช้เวลานานเกินไป และระหว่างกระบวนการ ผู้ที่เข้ามาปล้นสะดม ย่อมไม่แสดงความเมตตา
ซึ่งคนที่ว่ารวมไปถึงฉินเฟิงเช่นกัน
ร่างของฉินเฟิงเร่งความเร็วขึ้น มุ่งไปข้างหน้า เวลานี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ปะทะเข้ามา
“นี่มัน ..?”
ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเกินกว่าจะเอ่ยต่อ ก่อนหน้านี้เขาใช้พลังสมาธิเข้าตรวจสอบแล้ว แต่กลับไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้เลย แต่ตอนนี้ กระแสน้ำเริ่มซัดใกล้เข้ามาทีละนิด ทีละน้อย จนสาดมาโดนเท้าของฉินเฟิง เขาถึงค่อยรู้สึกตัว
ว่ากระแสน้ำเหล่านี้ แท้จริงแล้วมันคือพลังงานทั้งหมด!
เป็นพลังงานซึ่งอยู่ในรูปแบบของเหลว แม้จะไม่บริสุทธิ์เท่าเหรียญพลังงาน แม้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความมืด แต่สำหรับฉินเฟิง มันคือยาชูกำลังชั้นเลิศ
ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานนี้มีมากมายท่วมท้น ปริมาณมหาศาลจนน่าหวาดกลัว
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ตอนนี้ฉินเฟิงไม่สนใจศัตรูเจ้าถิ่นหรือศิลานรกอีกต่อไป เขาเริ่มสูบกลืนพลังงานเหลวอย่างเมามัน
บางที โอกาสที่จะช่วยให้ยกระดับขึ้นสู่เลเวล S อาจอยู่ที่นี่เอง
ในฐานะจ้าวเหนือหัวเช่นเดียวกัน บาฮามุทแข็งแกร่งยิ่งกว่าหญิงหิมะมากนัก แถมยังไม่มีมาตรการป้องกันใดๆสำหรับผู้บุกรุก ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง น่ากลัวว่าจะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่บริเวณแกนกลางของจ้าวเหนือหัวได้
ทว่าแค่ในบริเวณปลายขอบเช่นที่นี่ มันก็ทำให้ฉินเฟิงได้รับกำไรก้อนใหญ่แล้ว
หุบเขาไขกระดูกมังกร --ฉินเฟิงคิดถูกแล้วจริงๆที่มา!
เฉพาะวันนี้ภายในวันเดียว วังวนระหว่างคิ้วของฉินเฟิงถูกเปิดมาแล้วกว่าสิบครั้ง คราวนี้ มันเริ่มสูบกลืนพลังงานอีกคราว
พลังสมาธิเพิ่มพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราเร็วระดับนี้ เชื่อได้เลยว่าขอแค่ระยะเวลาไม่ถึงเดือน การยกระดับขึ้นสู่เลเวล S ไม่ใช่เรื่องเกินจริง!