Ep.974 - เปิดเผย
Ep.974 - เปิดเผย
เทพวูดูและเช่าไท่ไม่อยากจะเชื่อเลย บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขา จอมมารซวนเฟิงผู้สามารถลอบสังหารเหอเทียนสิง และสะบั้นคอเทพไร้ลักษณ์ในกระบวนท่าเดียว--
--ที่แท้อีกฝ่ายเป็นแค่เลเวล A4 ?
“ไม่ … ไม่น่าจะใช่เท่าที่เห็น กำลังภายในของเขายกระดับขึ้นมาอยู่ในกลุ่มเลเวล S แล้วแน่ๆ แค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพยังล้าหลัง กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาเลยเป็นแค่เลเวล A4!”
เช่าไท่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ยอมรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
เทพวูดูเหมือนจะเข้าใจแล้วเช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน ข้อมูลนี้ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวฉินเฟิงมากกว่าเดิม ปรารถนาให้อีกฝ่ายตกตายโดยเร็ว
สามารถสังหารเลเวล S สองคนโดยความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ที่เลเวล A4 หากปล่อยให้เติบโตต่อไป จะต้องทรงพลังมากแน่ๆ ประเด็นคือพวกเขาได้ทำให้ฉินเฟิงขุ่นเคืองไปแล้ว พอนึกถึงเรื่องอาจถูกแก้แค้น พวกเขาก็ยิ่งต้องการสังหารฉินเฟิง
“ท่านผู้ใหญ่ซอร์ นั่นคือคนที่เราพูดถึง! ในเมื่อเจอกันแล้ว เช่นนั้นก็พาเขาไปกับพวกเราเลยดีไหม?” เทพวูดูรีบเสนอความคิดเห็น
ซอร์จ้องมองฉินเฟิงแน่วนิ่ง เอาจริงๆเขารู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงนั่งวาฬกระสวย เดินทางมายังทวีปบาฮามุท เขาก็เคยเห็นฉินเฟิงมาก่อน แต่ในเวลานั้น เขาไม่สามารถตรวจพบได้ว่าฉินเฟิงปลอมตัวมา
“น่าสนใจดีแฮะ” ซอร์ฉีกยิ้มชั่วร้าย พลังสมาธิล็อคลงบนร่างของฉินเฟิง
“แกมานี่! ถ้าทำงานดี ฉันจะมอบรางวัลให้!”
แม้ปากเอ่ยว่ารางวัล แต่มีข้อแม้ว่าต้องรอดชีวิตมาให้ได้ก่อนล่ะนะ!
ซึ่งหากคุณถูกใช้เป็นตัวบังกระสุน คอยรับเคราะห์แทน มันไม่มีทางเลยที่จะรอดชีวิตไปได้
ฉินเฟิงชะงักงัน ยืนนิ่งอยู่ใต้ยอดเขา ในสมองปั่นความคิดเร็วจี๋
“ที่รัก คุณต้องการออกจากที่นี่ไหม” ไป๋หลีเริ่มร้อนรน
“ไม่ รอก่อน” ฉินเฟิงปลอบโยนไป๋หลี ตัดสินใจก้าวออกไป เดินไปหยุดอยู่ข้างๆซอร์
เวลนี้ข้างกายซอร์ไม่ได้มีแค่เทพวูดูกับเช่าไท่ แต่ยังมีเลเวล S อีกหกคน สีหน้าของทั้งหมดไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่ง ทว่าแม้โกรธเคืองแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
แต่อย่างน้อยนี่ก็พอบอกได้ ว่าปัจจุบันคนเหล่านี้ยังไม่ตกอยู่ในอันตราย เอาไว้ถึงช่วงอันตรายเมื่อไหร่ ฉินเฟิงยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้
ดังนั้น อันดับแรกฉินเฟิงตั้งใจว่าจะติดตามซอร์ไปก่อน เพื่อดูสถานการณ์
ซอร์เห็นฉินเฟิงเดินเข้ามาโดยไม่มีท่าทีขัดขืนก็พอใจมาก อย่างน้อยฉินเฟิงก็ไว้หน้าเขา แทนที่จะ敬酒不吃吃罚酒 (ปฏิเสธขนมปัง สุดท้ายถูกบังคับให้ดื่ม)
“มาเถอะ”
ซอร์ออกคำสั่ง ฝูงชนเริ่มเดินเท้า ปีนป่ายขึ้นยอดเขา
ยิ่งปีนขึ้นมากเท่าไหร่ ทุกคนก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวของแรงโน้มถ่วง ไม่เพียงแค่นั้น พลังงานโดยรอบยังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเอ่อล้นไปด้วยพลังงานที่บ้าคลั่ง ผู้คนจำเป็นต้องใช้พลังเข้าต่อต้าน ความเร็วในการเดินทางจึงลดลง
อย่างไรก็ตาม ความยากลำบากที่กล่าวมานี้ ไม่กระทบรวมถึงฉินเฟิง
เพราะเกราะทมิฬของฉินเฟิง เดิมเป็นการดำรงอยู่ที่คอยดูดซับพลังงานจากจักรวาลอยู่แล้ว
อันที่จริงความเร็วของคนอื่นๆก็ไม่ได้แย่อะไร แต่เป็นภูเขาที่ยอดทะลุก้อนเมฆนี่ต่างหากที่สูงไป ใช้เวลาปีนป่ายกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่ต่างออกไป
บนยอดเขาสูง ปรากฏปากทางเข้าถ้ำนับไม่ถ้วน ลึกเข้าไปข้างในเป็นโพรงกว้างเชื่อมถึงกัน เหมือนกับว่าจู่ๆก็มีใครไม่รู้ใช้นิ้วจิ้มรูบนตำแหน่งยอดเขา เมื่อถึงจุดนี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ ว่าอีกฝั่งตรงข้ามของยอดเขา ก็มีคนปีนป่ายขึ้นมาเช่นกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากรวมฝั่งเขากับอีกฝั่ง คนที่จะก้าวเข้าสู่ถ้ำนี้ จะมีราวๆ 500 - 600 คน
“ไป!” ซอร์กระตุ้นคำหนึ่ง ยิ้มเย็นชา “ถ้าพวกแกเชื่อฟัง บางทีอาจสามารถรอดตายก่อนเวลาอันควรก็ได้ แต่หากยังดื้อด้าน ถึงเวลานั้นไม่ว่าใครก็อย่าหวังจะรอดชีวิต!”
ฝูงชนพอได้ยิน ก็กัดฟันพากันเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้าสู่โลกใต้ดินอันแปลกประหลาดนี้ ฉินเฟิงรู้สึกได้ ว่ามีเพียงความมืดมิดอยู่เบื้องหน้าเขา และยิ่งก้าวลึกเข้าไปเท่าไหร่ พื้นที่ก็ยิ่งขยายกว้างขึ้นเท่านั้น
ยังไม่พอ พลังงานที่อยู่ข้างใน อุดมสมบูรณ์มาก มากกว่าข้างนอกสองเท่า
เพียงแต่ว่า ที่นี่มันเต็มไปด้วยความมืดมิด
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ …”
เสียงหัวเราะมืดมนดังสะท้อนขึ้น เป็นเสียงของของเงาแห่งความตาย
ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อตัวแรกปรากฏ เงาแห่งความตายอีกนับร้อยก็โผล่ตามมา
เพียงแต่ว่าเงาแห่งความตายเหล่านี้ คล้ายสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้ใช้พลังเลเวล SS จึงไม่กล้าก้าวเข้ามาใกล้
“พวกแกคนไหนจะไปก่อน!” ซอร์กวาดมองผู้ใช้พลังเลเวล S ทั้งแปดคนด้วยแววตามุ่งร้าย เอ่ยถามออกมา
เทพวูดูกับเช่าไท่ต้องการสังหารฉินเฟิง เช่าไท่จึงกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “เจ้าหมอนั่นเป็นแค่เลเวล A4 เก็บไว้ใช้งานทีหลังคงไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ให้เขาไปก่อน ถือซะว่าใช้ขยะให้คุ้ม!”
ในความเป็นจริง หากฉินเฟิงเป็นขยะ เช่าไท่คงไม่พ้นเป็นโคตรขยะ
แต่ซอร์รู้สึกว่าเช่าไท่ก็พูดถูกเหมือนกัน ดังนั้นผงกศีรษะ “แกออกไป!”
“ช้าก่อน!” พลังสมาธิของฉินเฟิงถ่ายทอดออกมา เช่าไท่กับเทพวูดูตัวเกร็ง กลัวว่าฉินเฟิงจะงัดลูกไม้อะไรออกมาอีก
ปัจจุบันไม่มีแสงแดดแปลกๆสาดส่องอีกแล้ว อักษรรูนมืดของฉินเฟิงกลับมาทำงานอีกครั้ง สามารถซ่อนความแข็งแกร่งของตนได้อีกคราว
ทว่าสิ่งที่ถูกเปิดเผยไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้
“แกไม่เห็นด้วยหรือ? รู้อะไรไหม ตอนนี้ฉันสามารถฆ่าแกได้ทุกเมื่อ ยึดครองร่างแกเป็นแค่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าแกเชื่อฟัง แล้วทำตัวดีๆ ฉันจะให้คนอื่นสลับไปแทนแก!”
“ท่านผู้ใหญ่โปรดระงับโทสะ ผู้น้อยมิใช่ไม่เห็นด้วย เพียงแต่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้รับคำอธิบายใดๆเลย แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าต้องทำอะไรบ้าง? แค่วิ่งไปเฉยๆก็พอหรือ?”
ซอร์ผงะไปครู่หนึ่ง เขาไม่ทันนึกว่าฉินเฟิงจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ยังพอเข้าใจได้ กล่าวอธิบายแก่ฉินเฟิง
“ที่แกต้องทำ คือล่อเงาดำพวกนั้นออกไป วิ่งไปข้างหน้า วิ่งให้ได้สัก 10,000 เมตร แล้วฉันจะให้คนอื่นสลับไปแทนแก” ซอร์ดูเหมือนจะไม่ปล่อยให้ฉินเฟิงหมดหวังซะทีเดียว เขาตัดสินใจเปลี่ยนคนในระยะ 10,000 เมตร อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงที่ถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิในประโยคถัดไปกลายเป็นเฉียบคม และเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“แน่นอนว่าแกห้ามเล่นกลใดๆ ต่อหน้าฉัน ลูกไม้ตุกติกอะไรก็ไม่สามารถใช้งานได้!”
“เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองสื่อสารกัน เงาทะมึนเวียนวนอยู่รอบๆพวกเขา พร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ และยิ่งนานยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น หากยังปล่อยไว้เช่นนี้ สุดท้ายกลุ่มของซอร์จะไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้
“ไปได้แล้ว หรือจะให้ฉันฆ่าแก!”
ซอร์ตวาดคำหนึ่ง
ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล SS การถูกล้อมโดยเงาแห่งความตายนับร้อยตัว ก็ถือเป็นเรื่องน่ากังวลเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการตัวรับกระสุน ลากพวกเงาออกไปก่อนจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เงาแห่งความตายเหล่านี้ จะไม่ไล่ตามไกลเกินไป แต่พวกมันมีอยู่ทุกที่ เช่นเดียวกับเวลากลางคืน
ณ จุดนี้ ผู้ใช้พลังเลเวล S ถูกสั่งการโดยเลเวล SS ให้ล่อเงาออกไป และฉินเฟิงคือตัวรับประสุนรายแรก เขาไม่คิดต่อต้านเพื่อลองใจซอร์ วิ่งไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง เพื่อดึงเงาแห่งความตายเหล่านี้ออกไป
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉินเฟิงคุ้นชินกับเงาแห่งความตายเป็นที่เรียบร้อย ตกดึก เขาสังหารเงาแห่งความตายไปนับร้อยพัน ดังนั้นจำนวนแค่นี้ หากเทียบกับการกิน ฉินเฟิงรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอที่จะอุดช่องว่างระหว่างฟันของเขาได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาจึงดูผ่อนคลายมาก แม้มีเงาแห่งความตายวิ่งไล่หลัง
ซอร์ไม่ได้นำวาฬกระสวยออกมา เพียงวิ่งตามจากด้านหลัง แม้วาฬกระสวยจะเป็นสัตว์ยักษ์มิติ แต่มันไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่สามารถนำมาเทียบเคียงกับไป๋หลีได้
ที่นี่หากคิดเปิดช่องว่างมิติแต่ละครั้งช่างยากลำบาก ดังนั้นเก็บไว้ใช้ในช่วงเวลาวิกฤตถึงชีวิตดีกว่า
ก็เหมือนกับซอร์ เลเวล SS คนอื่นๆยังมีวิธีบางอย่างใช้หลบหนี แต่เลเวล S จะหลบหนีได้หรือไม่นั้น ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับโชคของพวกเขาแล้ว
ปัจจุบันฉินเฟิงกำลังวิ่งไปข้างหน้า บริเวณโดยรอบยังคงมืดมิด แต่ความมืดนี้ไม่อาจปิดกั้นสายตาของฉินเฟิงได้ ตรงกันข้าม กลับยิ่งทำให้มองเห็นได้ชัดเจน
สถานที่ที่เขาอยู่ แม้มันเหมือนกับหุบเขา แต่เส้นทางใต้ดินให้ความรู้สึกแปลกไปหน่อย ที่นี่ไม่มีพืชพรรณใดเติบโตเลย
“ถ้าให้เดาตามชื่อหุบเขาไขกระดูกมังกร อาจเป็นไปได้ว่า … สถานที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้ คงเป็นส่วนโครงกระดูกมังกรยักษ์กระมัง?”