บทที่ 87 เก็บกวาด(3)
เฟรย์และอีวานเดินตามสโนว์ไปขณะที่เธอเดินลงไปเรือยๆ
“เรากำลังจะไปใต้ดินกันหรอ?”
“พูดให้ถูกต้องเราจะไปที่รากเของมัน หุหุ โดยปกติแล้วจะมีเพียงราชินีและผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป พวกนายควรรู้สึกเป็นเกียรตินะ”
“คุณกำลังพาเราไปยังสถานที่เช่นนั้นหรือ?”
อีวานพูดอย่างลังเลเล็กน้อย
แทนที่จะรู้สึกเป็นเกียรติในโอกาสดังกล่าวเขารู้สึกเหมือนถูกลากเข้าไปในสถานที่ที่ยุ่งยาก
สโนว์ยักไหล่
“มันไม่สำคัญเพราะแม่เป็นคนอนุญาตและขอให้นายสองคนเข้ามาเอง”
พวกเขาเดินต่อไปอีกเล็กน้อย
สภาพแวดล้อมเริ่มมืดลงและพวกเขาไม่สามารถสัมผัสได้อีกต่อไปว่ามีเอลฟ์อยู่รอบๆตัวพวกเขา
เฟรย์ตระหนักว่าพวกเขาใกล้ชิดกับรากของฮรูฮิราลมาก
สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นก็คือแม้ว่ามันจะไม่สว่างแต่ก็ไม่ได้มืดมากเช่นกัน
และสาเหตุนี้คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคล้ายหิ่งห้อยที่ลอยอยู่รอบๆและให้แสงที่นุ่มนวล
“นี่คืออะไร? หิ่งห้อย?”
“หยาบคายมากพวกเขาเป็นวิญญาณต่างหาก”
“…มีวิญญาณที่อ่อนแอแบบนี้ด้วยหรือ?”
“เป็นเพราะพวกเขายังไม่ได้เป็นวิญญาณระดับต่ำด้วยซ้ำ ในแง่หนึ่งพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับความบริสุทธิ์ที่สุด”
สโนว์พยักหน้าตามคำพูดของเฟรย์
“อย่าแตะต้องพวกเขา พวกเขาไม่ชอบคนป่าเถื่อนอย่างนายหรอก”
“ขอโทษทีที่เป็นคนป่าเถื่อน”
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องขนาดใหญ่
สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับห้องนี้คือมันสว่างกว่าห้องอื่นๆและมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง
อีวานทำสีหน้าแปลกๆ
“มีต้นไม้อยู่ท่ามกลางรากของต้นไม้อื่นนี้นะ?”
“ความจริงนี่คือรูปแบบที่แท้จริงของวิญญาณ ถ้าหากโอดินรู้เรื่องนี้เข้าเขาคงจะมาที่นี่เพื่อปนเปื้อนฮรูฮิราลแทนที่จะขึ้นไปด้านบน”
ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดเล็กกว่าต้นไม้บนพื้นผิวมาก
ต้นไม้ในป่าใหญ่เรย์นอยด์ทั้งหมดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ต้นไม้นี้มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของต้นไม้อื่นๆ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีความสูงเพียงเล็กน้อย แต่ต้นไม้ต้นนี้ก็เปล่งประกายออร่าอันยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าฮรูฮิราลขนาดมหึมาบนพื้นผิวมากจนแม้แต่อีวานที่มักจะชอบต่อร้องต่อเถียงกลับไม่มีอะไรจะพูด
สโนว์เดินขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะกระโจนเบาๆและเลือกผลไม้สองลูกที่กำลังเติบโตบนกิ่งก้านของมัน
จากนั้นเธอก็ยิ้มและยื่นมือออกไปให้เฟรย์และอีวาน
อีวานทำสีหน้าขยะแขยง
“…มันไม่ใช่สลัดก็จริง แต่ฉันก็ไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้เป็นพิเศษเลย”
“นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน? นี่คือผลไม้ของฮรูฮิราล สำหรับผู้ที่เดินตามเส้นทางแห่งเวทมนตร์มันเป็นของล้ำค่าที่พวกเขาไม่สามารถหามาได้แม้ว่าพวกเขาจะเต็มใจจ่ายเงินหลายพันเหรียญทองก็ตาม”
“สมบัติ? ฉันยอมรับว่ามันดูดีกว่าแอปเปิลนิดหน่อยก็เท่านั้น”
สโนว์หันหน้าไปทางเธอด้วยสีหน้าโกรธและมองเฟรย์
“เฟรย์นายเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของมันใช่ไหม?”
"ใช่ เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง เป็นไอเท็มที่ไม่น้อยหน้าไปจากยาอายุวัฒนะที่เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะหากอีวานกินมันเข้าไป มันจะเพิ่มความจุมานาได้อย่างน้อยสองเท่าของที่นายมีตอนนี่
"…จริงดิ?"
มานาเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดสำหรับนักรบเวทมนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอีวานซึ่งศิลปะการต่อสู้ของเขาต้องใช้มานามากกว่าคนอื่นๆ
หากความจุมานาของอีวานสามารถเพิ่มเป็นสองเท่าได้เพียงแค่กินผลไม้นี้มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
สโนว์ส่ายหัว
“นายทำตัวเหมือนลิงที่ไม่รู้ว่าสมบัติที่อยู่ตรงหน้าได้ด้วยซ้ำ เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่คนนอกที่ไม่ใช่เอลฟ์ได้รับโอกาสให้กินผลไม้นี้…”
“ฮรูฮิราลให้ของขวัญที่น่าอัศจรรย์แก่เราถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
การแสดงออกของสโนว์อ่อนลงเล็กน้อยเมื่อเฟรย์แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
อีวานเพียงแค่มองไปที่ผลไม้ก่อนที่จะกัดมันและเริ่มตรวจสอบความเปลียนแปลง
“… !!”
"อืม..รสชาติก็ไม่เลวนะ”
เฟรย์และสโนว์ต่างก็มีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
“เจ้าบ้า! ถ้านายกินแบบนั้นโดยไม่ได้เตรียมอะไรเลย…!”
"ฮะ? ฮึบ…"
ใบหน้าที่ว่างเปล่าของอีวานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
เฟรย์ตบฝ่ามือของเขาลงบนหลังของอีวานทันที
จักร
“เอออ๊าก…!”
“นั่งลงและตั้งสมาธิด่วน! ฉันจะช่วยให้มานาของผลไม้กระจัดกระจายไปทุกส่วนเพื่อลดความเจ็บปวด เมื่ออาการกระตุกหายไปมานาของผลไม้จะเริ่มทำงานอย่างดุเดือดอีกครั้ง”
“อัก…”
“นายต้องมีสมาธิไม่งั้นอวัยวะภายในของนายจะบอบช้ํา”
อีวานพยักหน้าใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
เมื่อมองไปที่เขาแม้แต่เฟรย์ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดนี้
“เจ้าทื่มเอ้ย!!”
* * *
“เขาจะเป็นแบบนี้ไปหนึ่งสัปดาห์”
เฟรย์ถอนหายใจขณะที่เขามองไปที่อีวาน
เขานั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มานาคงที่
มันเป็นเรื่องดีที่เขาเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสที่ฝึกฝนร่างกายของเขาจนถึงจุดสูงสุดไม่เช่นนั้นร่างกายของเขาจะระเบิดออกมาเหมือนพลุ
สโนว์มองเขาด้วยความสงสารเล็กน้อย
“ผู้ชายคนนี้ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เขาไม่เคยกินยาอายุวัฒนะมาก่อนเลยหรือไง?”
“ถ้ามันเป็นเช่นนั่นเขาก็น่าทึ่งเอามากๆ”
"จริงดิ!!"
“ถ้าหากเขาไม่เคยใช้ยาอายุวัฒนะมาก่อนนั้นก็หมายความว่าเขามาถึงจุดนี่ได้โดยการฝึกฝนเท่านั้น”
“…”
เขาไม่ได้บอกว่าการพึ่งพายาอายุวัฒนะเป็นเรื่องผิดแต่ความสามารถของอีวานควรได้รับการยอมรับเนื่องจากเขาสามารถเป็นนักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสได้โดยใช้ความพยายามเพียงอย่างเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าศิลปะการป้องกันตัวที่เขาฝึกฝนนั้นไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากราชาหมัดคาซาจิน
เฟรย์มีความรู้เพียงผิวเผินดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจมากนัก แต่เขาแน่ใจว่ายิ่งขั้นสูงขึ้นความยากในการเพิ่มระดับก็ยิ่งยากขึ้นอย่างทวีคูณ
อย่างน้อยที่สุดคงเป็นไปไม่ได้ที่อีวานจะไปถึงระดับปัจจุบันของเขาโดยไม่ฝึกฝนแบบเลือดตาแทบกระเด็น
“นั่นเป็นเรื่องจริง”
เนื่องจากสโนว์เป็นคนที่เดินบนเส้นทางแห่งดาบเธอจึงเป็นคนแรกที่ยอมรับในความพยายามของอีวาน
เพียงแวบเดียวก็จะเห็นว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเยี่ยงนรก
“มันช่วยไม่ได้ เฟรย์นายยังต้องเตรียมตัวสำหรับงานในวันพรุ่งนี้”
“…หืม”
การแสดงออกของเฟรย์แข็งขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอิจฉาสถานการณ์ของอีวานเล็กน้อย
ราวกับว่าเธอเดาความคิดของเฟรย์ได้ การแสดงออกของสโนว์ก็ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“เอลฟ์ไม่เคยลืมบุญคุณ ไม่มีอะไรที่คุณจะหยุดพวกเขาจากการแสดงความขอบคุณใช่ไหม?”
"…ฉันเดาว่าไม่"
"ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน"
สโนว์ยิ้มอย่างสดใส ในขณะนั้นดูเหมือนว่าใต้ดินที่มืดมิดนั่นสว่างขึ้น
ความงามของสโนว์เป็นอาวุธพิชิตใจคนได้อย่างแท้จริง
‘เธอเป็นแบบนี้ได้ในหมู่บ้านเอลฟ์เท่านั้น’
เอลฟ์ที่ให้ความสำคัญกับความสามัคคีและความสมดุลในธรรมชาติ พวกเขาจะรู้สึกชื่นชมและเกรงกลัวในความงามของสโนว์
อย่างไรก็ตามหากสโนว์ปรากฏตัวในเมืองของมนุษย์ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความงามมากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ มันก็บอกไม่ได้เลยว่าการกระทำที่น่ากลัวอาจจะเกิดขึ้นได้เพื่อแย่งชิงตัวเธอ
เฟรย์ส่ายหัวเล็กน้อย
“นายจะกินผลไม้เมื่อไหร่?”
“อืม...”
เขาก้มลงมองผลไม้ในมือ
แม้ว่ามันจะไม่ยากเมื่อเทียบกับหัวใจของทอร์กุนทาหรือโฟรเซินริฟเวอะแต่ก็ยังคงเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายในการเป็นนักเวทย์ระดับ 8 ดาว
นอกจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องควบคุมมานาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เหมือนกับอีวาน
ร่างกายปัจจุบันของเฟรย์ทำให้เขาดูดซึมผลไม้ได้ง่าย
นอกจากนี้การควบคุมมานาที่ยอดเยี่ยมของเฟรย์ยังหมายความว่าเขาจะสามารถดูดซับมานาของผลไม้ได้ภายในหนึ่งหรือสองวันเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
“ฉันจะไม่เร่งรีบ แต่ก่อนอื่นฉันต้องเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้”
"นั่นก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน”
สโนว์หัวเราะเบาๆ
* * *
วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ยุ่งมาก
เฟรย์ได้รับการขอบคุณโดยตรงจากผู้อาวุโสเอลฟ์และประชากรเอลฟ์ทั่วไป
"ขอบคุณ"
“คุณช่วยชีวิตพวกเรา…”
ดวงตาของพวกเขาซึ่งเคยเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่ค่อยเป็นมิตรมาก่อนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความขอบคุณ
นี่เป็นสิ่งที่คาดไว้แล้ว
ท้ายที่สุดเฟรย์และอีวานเป็นฮีโร่ที่ช่วยกอบกู้หมู่บ้านเอลฟ์ในช่วงวิกฤต
เขาไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากสโนว์ตัดสินใจฆ่าโอดินและจัดการมังกรกระดูกด้วยตัวเอง มันจะมีความเสียหายน้อยกว่านี้หรือไม่
‘มันเป็นเรื่องดีที่อีวานไม่ได้อยู่ที่นี่’
เฟรย์จับมือกับเอลฟ์
พวกเขาจับมือทั้งสองข้างของเฟรย์และจ้องมองด้วยความขอบคุณ
ด้วยบุคลิกของอีวานทำให้เฟรย์มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่สามารถรับมือกับบรรยากาศที่แข็งกระด้างเช่นนี้ได้
พูดตามตรงแม้แต่เฟรย์ก็พบว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อและเหนื่อย
ตรงกันข้ามกับความคิดภายในของเขากับรูปลักษณ์ภายนอกและปฏิกิริยาของเฟรย์นั้นยอดเยี่ยมมาก
“ผู้กอบกู้ เราขอยกย่องความกล้าหาญของคุณ”
“แผลเป็นบนผืนป่าไม่ใช่น้อยๆแต่ฉันเชื่อว่าลูกๆของฮรูฮิราลจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้”
เฟรย์ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนและรับฟังทุกคนในขณะที่รักษารอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
พวกเอลฟ์กระตือรือร้นมากขึ้นเมื่อเขาทักทายเบาๆระหว่างงาน
พวกเอลฟ์มีปฏิกิริยาราวกับว่าพวกเขากำลังเป็นสักขีพยานในการกลับมาของวีรบุรุษ
‘นั่นไม่ได้มากมายอะไรเลย’
ภายในเฟรย์ค่อนข้างตกใจ เอลฟ์ที่เขาจำได้นั้นเป็นสายพันธุ์ที่เรียบง่ายกว่ามากนี้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจจากภายใน แต่พวกเขาจะไม่แสดงออกมาอย่างสุภาพเรียบร้อยภายนอก
อย่างไรก็ตามเอลฟ์เหล่านี้แสดงอารมณ์ได้ชัดเจนเหมือนมนุษย์
4,000 ปีผ่านไปจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเปลี่ยนไปหลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์เพิ่มมากขึ้น
คนต่อไปที่ต้องก้าวไปข้างหน้าคือคามิลล์ซึ่งแสดงสีหน้าเหนื่อยล้า
เธอมองไปที่เฟรย์ก่อนจะพูด
“คุณได้กลายเป็นฮีโร่อย่างแท้จริงแล้วนะ”
“คามิลล์ผมขอโทษ”
เขารู้สึกเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอโทษเธอ
ในวันที่พวกเขาต่อสู้กับโอดิน คามิลล์ได้ทำให้พวกเอลฟ์ที่เฝ้าติดตามเขาสลบไป
โชคดีที่คามิลล์ค่อนข้างชำนาญจึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคนทำ อย่างไรก็ตามเฟรย์รู้สึกเสียใจที่ขอความช่วยเหลือจากเธอเพราะเขารู้ว่าเธอจะไม่มีทางปฏิเสธ
"ไม่เป็นไร ขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ได้ทำประโยชน์อื่นๆ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือยืนดูอยู่ข้างหลัง”
ดวงตาของคามิลล์เปล่งประกาย
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นซอร์ดน่าแห่งฮิรัลการ์ดเซอร์เคิลด้วยตัวเองแถมเธอก็แข็งแกร่งพอๆกับข่าวลือที่กล่าวอ้าง เหมือนกันกับผู้ชายคนนั้นอีวาน…จะว่าไปเขาอยู่ที่ไหน?”
“…เขามีปัญหาเล็กน้อย ดังนั้นเขากำลังพักฟื้นในขณะนี้”
“อืม เขาดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนักนะ แต่ฉันก็เดาว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับมังกรกระดูกโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”
เฟรย์ไม่ต้องกังวลที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดของคามิลล์
เธอยิ้มสดใสขณะกล่าวว่า
“อย่างไรก็ตามมาเจอกันหลังจากนี่อีกทีไหม? พวกเด็กๆกับฉันต้องการที่จะลองประมือกับคุณและแม้กระทั่งฉันเองก็อยากลองด้วย”
“ได้เลย”
จากนั้นคามิลล์ก็จากไป
เฟรย์ทักทายเอลฟ์อีกสองสามคนก่อนจะกลับไปที่บ้านของไซแอ็กซ์
ไซแอ็กซ์และสโนว์นั่งอยู่ที่โต๊ะและดูเหมือนจะคุยอะไรบางอย่าง
เมื่อเฟรย์ปรากฏตัวไซแอ็กซ์ก็ลุกขึ้นและโค้งคำนับ
“ดิฉันขอทูลลาเลยก็แล้วกัน สมเด็จพระราชินี”
“…อืมฉันเข้าใจ”
เฟรย์รู้สึกว่าเธอกำลังหาทางหลบหน้า
เมื่อเฟรย์หันมามองเธออย่างสงสัยสโนว์ก็ถอนหายใจ
“ตอนที่ฉันมาที่เมืองลิลันด์ครั้งแรกไซแอ็กซ์และฉันเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากที่สุด เธออยากรู้อยากเห็นมากสำหรับเอลฟ์ เธอเป็นคนเดียวที่มาเล่นกับฉันซึ่งเป็นไอซ์เอลฟ์ ตอนนั้นฉันมีความสุขมาก…”
สโนว์ชวนให้นึกถึงช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากส่ายหัวสองสามครั้งเธอก็กลับมาเป็นปกติและหันกลับไปหาเฟรย์
“มีข่าวบางอย่างมาบอกนาย ริกิอยากพบนาย เขาบอกว่าเขาต้องการพูดคุยบางอย่างเกี่ยวกับการประชุมของเหล่าเดมิก็อดที่กำลังจะมาถึง”
"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยละ?"
เมื่อเขาถามเรื่องนี้สโนว์ก็มองเขาแปลกๆ
“ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะพานายไปที่นั่น”