Ep.973 - ภูเขาหางมังกร
Ep.973 - ภูเขาหางมังกร
ฉินเฟิงค่อยๆดูดกลืนอักษรรูนของมังกรดำอย่างระมัดระวัง เวลาไหลผ่านไปทีละเล็ก ทีละน้อย ภายใต้สภาวะถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง ร่างของมังกรดำ เริ่มพร่าเลือน
หนึ่งชั่วโมง …
สองชั่วโมง …
สิบชั่วโมง …
จนเวลาทั้งคืนผ่านพ้นไป ทันใดนั้นมังกรดำร้องคำรามออกมา จากนั้นอักษรรูนทั้งหมดทั้งมวลที่ก่อร่างกันเป็นมังกรดำก็พังครืน กระจัดกระจายออกไป คล้ายกำลังผสมผสาน เตรียมกลายเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และปฐพี
จะยอมให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
ฉินเฟิงคนนึงล่ะที่ไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
เมื่อไม่มีการก่อตัวของมังกรดำอีกต่อไป ฉินเฟิงก็สามารถกระโจนเข้าชาร์จได้อย่างภาคภูมิ
“ทักษะก้าวทะลวงมิติ!”
ความเร็วของฉินเฟิงพุ่งพรวด ในไม่ช้ามาถึงตำแหน่งที่มังกรดำเคยอยู่
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงปลุกเร้าพลังสมาธิทั้งหมดที่เขามี ปลดปล่อยอบิลิตี้ดูดกลืน คล้ายดั่งมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็น กวาดรวบเอาอักษรรูนเหล่านี้ โอบกอดพวกมันทั้งหมด ไม่ยอมปล่อยให้หนีไป
ระหว่างคิ้วของฉินเฟิง ก่อตัวเป็นกระแสวังวน สูบอักษรรูนเหล่านั้น เปลี่ยนชั้นอากาศที่ว่างเปล่าเป็นพายุทอร์นาโด ม้วนทั้งหมดเข้าสู่จักรวาลแห่งจิตสำนึก
ในเวลาไม่ถึงสิบนาที อักษรรูนทั้งหมดนี้ก็ถูกรวบรวมเข้ามา
บนดาวเคราะห์เพชร มังกรดำตัวใหญ่ยักษ์ร้องคำราม สั่นสะเทือนทั้งโลกหล้า
ฉินเฟิงเองก็ตกใจอยู่นาน
เพราะหลังจากที่เขาสูบกลืนรูนเป็นจำนวนมาก จนสามารถเรียนรู้อบิลิตี้นี้ได้แล้ว ก็ได้ทราบข้อมูลในที่สุด ว่ามันคืออบิลิตี้เลเวล SS
นี่คือทรัพยากรที่ไม่มีทางหาได้ในมิติโลกมนุษย์ ตามความทรงจำของฉินเฟิง แม้ตระกูลหลี่จะมีองค์ชายเซียวอยู่ แต่พวกเขาไม่ได้ครอบครองกระบวนท่าวรยุทธในเลเวล SS
‘เทคนิคจ้าวมังกรคำรน! แค่ชื่อก็ฟังดูร้ายกาจแล้ว ด้วยพลังสมาธิที่ฉันมีตอนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะไม่สามารถใช้งานมันได้ อย่างน้อยต้องมีความแข็งแกร่งในเลเวล S’ ฉินเฟิงคิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากกลืนกินรูนมืดทั้งหมดแล้ว พลังสมาธิของฉินเฟิงก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล เขาเกือบจะเหยียบย่างขึ้นสู่เลเวล A8 อยู่รอมร่อ
ระหว่างฉินเฟิงกำลังคิด ทันใดนั้นพลังพิเศษดูดกลืนเริ่มหมุนวนอีกครั้ง คล้ายกับว่ามีอะไรบางอย่างดึงดูดมัน
เมื่อฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเนินเขาร่างมังกรดำที่หายไป บัดนี้ปรากฏของเหลวสีดำแดงคล้ายหยดน้ำตาลอยออกมาจากอากาศที่บางเบา
“นี่มัน …”
ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที เลือดนี้เปี่ยมไปด้วยพลังงาน มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน บวกกับกลิ่นอายของมังกรดำที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงเลยเดาได้ทันทีว่ามันคืออะไร
“เป็นเลือดของบาฮามุท!”
แม้จะเพียงหยดเดียว แต่ท่วมท้นไปด้วยกลิ่นอายอันน่าทึ่ง
พลังสมาธิของฉินเฟิง เร่งทำงานอีกครั้ง หยดเลือดนี้คล้ายมีจิตสำนึกบางส่วนแฝงอยู่ มันพยายามจะหลบหนี แต่ก็ไม่รอด ถูกฉินเฟิงดูดซับไป
วู้มมมมม!
เลือดผสานเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิง ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขา ค่อยๆถูกเติมเต็มใกล้ถึงสภาวะขีดจำกัด
ยังจำได้ไหม ว่าเลือดมังกรเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเสริมสร้างพละกำลังของทุกสิ่งมีชีวิต ฉินเฟิงเคยชำระล้างตัวด้วยเลือดมังกรมาก่อน เวลานั้นศักยภาพของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก แต่นี่คือเลือดของจ้าวเหนือหัว แม้เพียงหยดเดียว ยามเข้าสู่ร่างกายฉินเฟิง เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงราวกับภูเขาถูกบดขยี้
พลังพิเศษดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งเมามัน หยดเลือดนั้นกลายเป็นเศษเสี้ยวพลังงาน ผสานเข้าตามส่วนต่างๆของร่างกายฉินเฟิง
เปรี้ยงงงง!
ร่างกายของฉินเฟิง ตัดผ่านขีดจำกัดทันที ยกระดับขึ้นสู่เลเวล A4!
อย่างไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะเลือดนี้ลอยล่องอยู่ในทวีปมืดมานานเกินไป ประกอบกับบาฮามุทได้เสียชีวิตลงแล้ว ทำให้แม้นี่คือเลือดของจ้าวเหนือหัว แต่ก็สามารถช่วยเพิ่มพลังแก่ฉินเฟิงได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น ภายหลังมันก็หายไป
แต่สำหรับฉินเฟิงในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาอยู่ในระดับเทวะแล้ว บวกกับการช่วยเสริมสร้าง ชำระล้างจากหัวใจโลก ร่างของฉินเฟิงจึงเสมือนดั่งหลุมลึก เงื่อนไขจากเลเวล A3 ไป A4 แค่ขั้นเดียว กลับจำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล คุณสามารถลองจินตนาการดูได้ ว่าเลือดนี้หยดเดียว มันล้ำค่าเพียงใด
“ยังมีโอกาสอื่นอีก ในเมื่อมีเลือดปรากฏขึ้นในภูมิภาคกลาง งั้นถ้ามุ่งหน้าขึ้นเหนือ จะต้องมีของดีกว่านี้อย่างแน่นอน!”
ณ เวลานี้ เส้นขอบฟ้าเริ่มทอแสงลงมาแล้ว ปัจจุบันได้มาถึงเช้าตรู่ ฉินเฟิงคิดมุ่งหน้าขึ้นเหนือต่อ แต่จู่ๆพลันฉุกคิดถึงเรื่องที่ผู้ใช้พลังเลเวล SS พูด
“งั้นขอไปตรวจสอบหุบเขาไขกระดูกมังกรก่อนก็แล้วกัน”
ฉินเฟิงหันกลับทิศ มุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดิมที่จากมา
พลังสมาธิของฉินเฟิงทรงพลังเป็นอย่างมาก พิสัยการครอบคลุมกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง แต่ที่แปลกก็คือ ระหว่างทาง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่พบผู้ใช้พลังคนใด ราวกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนทวีปบาฮามุทได้หายไป
ต่อให้ในที่นี้มีเลเวล S ไม่มากนัก แต่ก็ไม่น่าจะว่างเปล่าเช่นนี้
ฉินเฟิงเดินกลับมาได้ครึ่งทาง ก็ยังไม่เห็นใคร
อย่างที่ทุกท่านได้ทราบคำตอบแล้ว หุบเขาไขกระดูกมังกรอันตรายเกินไป ผู้ใช้พลังเลเวล S หลายคนไม่ต้องการไปเสี่ยง ดังนั้นพวกเขาจึงได้จากไปในวันนี้ ส่วนเลเวล S ที่ยังไม่จากไป น่าจะเหลือเพียงพวกที่ถูกจับเอาไว้โดยตัวตนที่เข้มแข็งยิ่งกว่า
และคนที่เข้มแข็งยิ่งกว่าเลเวล S ย่อมไม่พ้นเป็นเลเวล SS !
กลุ่มนี้เองที่ต้องการจะบุกเข้าไปที่นั่น
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าแสงแดดของวันนี้มันมันจ้ากว่าที่เคย อาจมีสัตว์ร้ายหรือเรื่องผิดปกติบางอย่างขึ้นก็ได้ แต่ที่แน่ๆสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ฉินเฟิงเดินไปอีกเล็กน้อย ไกลเกินกว่าจุดที่วาฬกระสวยมาส่งในตอนแรก
ทันใดนั้นเอง พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ตรวจพบผู้คนมากมาย มีจำนวนอย่างน้อยเกินร้อยคน ทั้งหมดกำลังรวมตัวกันอยู่บนยอดเขาสูง
ฉินเฟิงเร่งฝีเท้าของเขา เมื่อใกล้เข้ามาถึงระยะพันเมตร ก็สามารถระบุความแข็งแกร่งของผู้คนที่นี่ ในหมู่พวกเขา มีผู้ใช้พลังเลเวล SS อยู่มากถึง 30 - 40 คน ส่วนที่เหลือเป็นเลเวล S ทั้งหมด
และสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ยอดเขาสูงตระหง่านในหมู่เมฆ
“นี่มันอะไรกัน? มียอดเขาสูงขนาดนั้นได้ยังไง?”
ยอดเขาแห่งนี้ ฉินเฟิงไม่สามารถมองได้ด้วยพลังสมาธิ เพราะรอบๆมันถูกปกคลุมไปด้วยหมอกทะมึน และตอนนี้ ยังไม่มีใครกล้าขึ้นไป
ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามา ฉินเฟิงจำได้ว่าตอนเขาอยู่บนยานอวกาศ เคยเห็นรูปลักษณ์โดยรวมของทวีปบาฮามุทมาก่อน
มองจากภายนอก ทวีปนี้เหมือนรังของมังกรยักษ์ โดยเฉพาะส่วนหางของมันหนามาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อลงมาเหยียบแผ่นดินใหญ่ เป็นเพราะแรงโน้มถ่วงมหาศาล ทำให้ไม่มีเวลามัวสนใจ ยอดเขาแห่งนี้ น่าจะเป็นส่วนหางของมังกร
ด้วยเหตุนี้ น่าจะพออธิบายได้ว่าทำไมฉินเฟิงถึงไม่เอะใจถึงภูเขานี้ในตอนแรก และทำไมพลังสมาธิของเขาถึงตรวจไม่พบมัน
เวลานี้ น่าจะเป็นช่วงเที่ยงแล้ว เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงได้เต็มที่ที่สุด พลังอันอบอุ่นได้แพร่กระจายลงมาจากเหนือศีรษะของพวกเขา ภายใต้แสงแดอันแรงกล้า ความมืดมิดที่ปกคลุมยอดเขา ค่อยๆถูกชะล้างออกไปทีละนิด ทีละน้อย
ผู้คนรอบข้าง เริ่มตื่นตัวทันที
“ไปกันเถอะ”
ผู้ใช้พลังเลเวล SS คนหนึ่งตะโกนออกมา แม้ผู้ใช้พลังเลเวล S หลายคนจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังคงก้าวเท้าขึ้นไปบนยอดเขา
ฉินเฟิงไม่ต้องการพลาดโอกาสนี้ เขายังคงเดินตามไปอย่างเงียบๆ
เพียงแต่ว่า ช่วงจังหวะที่ฉินเฟิงก้าวขึ้นไปบนยอดเขา เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่พรั่งพราวมากขึ้น วินาทีต่อมา กลิ่นอายที่ห่อหุ้มร่างของฉินเฟิง เริ่มสลายไป
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
ทราบใช่ไหม ว่าอบิลิตี้มืดของฉินเฟิงสามารถปกปิดกลิ่นอายได้ ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาเป็นแค่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A4 แต่ตอนนี้อบิลิตี้ที่ว่าถูกปัดเป่าออกไปแล้ว
หากตามปกติ นี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ตอนนี้ ต่อหน้ากลุ่มผู้ใช้พลังเลเวล SS และ S ฉินเฟิงสะดุดตาเกินไปจริงๆ
ผู้คนมากมายหันมามองฉินเฟิง เบื้องหน้าไม่ไกล เทพวูดูกับเช่าไท่ก็กวาดตามาเช่นกัน จากนั้นดวงตาของพวกเขาแทบถลนจากเบ้า
“จอมมารซวนเฟิง นี่- นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”