บทที่ 86 เก็บกวาด (2)
“…”
ไซแอ็กซ์ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเธอ
มังกรกระดูก สัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากพอที่จะถูกพิจารณาได้ว่าเป็นราชาแห่งอันเดด
นี่เป็นครั้งแรกที่ไซแอ็กซ์ได้เห็นตัวเป็นๆ แต่จากความรู้ที่เธอเคยเล่าเรียนมาเธอก็รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด
เมื่อมังกรกระดูกปรากฏตัวครั้งแรกจากวงอัญเชิญเลือด ไซแอ็กซ์เชื่อว่าการทำลายล้างของหมู่บ้านจะเป็นชะตาที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
และเธอไม่ได้คิดแบบนั่นอยู่คนเดียว
เอลฟ์ส่วนใหญ่ก็คิดเช่นเดียวกับเธอ
ทั้งคาถาวิญญาณหรืออาวุธของพวกเขาไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนบนกระดูกของมังกรได้เลย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการปรากฏตัวของคนสามคนที่เริ่มต่อสู้กับมังกรอย่างกะทันหันจึงเหมือนกับการมาถึงของทีมฮีโร่ที่มาช่วยพวกเอลฟ์
แตกร้าว
ทันใดนั้นน้ำแข็งหลายร้อยอันก็เต็มท้องฟ้าทำให้กรามของไซแอ็กซ์หดลง
'แท่นน้ำแข็งมากมายถูกสร้างขึ้นในชั่วพริบตา ...
เธอเห็นได้ชัดว่าใครเป็นผู้ร่ายมนตร์เนื่องจากมีพ่อมดเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่สามารถใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
นั่นคือเฟรย์
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การโจมตีเท่านั้น
การเคลื่อนไหวของมังกรทำให้ยากที่จะสร้างความเสียหายให้กับมันในขณะที่ลดการทำลายหมู่บ้านให้น้อยที่สุด
“…!”
ไซแอ็กซ์สั่น
ทักษะของเฟรย์นั้นยอดเยี่ยมมาก มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก
ไซแอ็กซ์อาจเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มเอลฟ์ที่สามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกนั้นน่าตกตะลึงอย่างไร
อาร์คเมจ
เฟรย์ต้องเป็นอาร์คเมจอย่างแน่นอน
ในที่สุดไซแอ็กซ์ก็ตระหนักถึงน้ำหนักของหน้าที่ของอาร์คเมจในขณะนั้น
เธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ภาพของสนามรบทั้งหมดอยู่ในหัวของเฟรย์ในขณะนั้น มันคือตำแหน่งของพันธมิตรศัตรูและพลเรือนทุกคนที่อยู่ที่นั่น และด้วยการใช้ภาพที่อยู่ในหัวเขาจะสามารถคิดหาวิธีที่จะรวมคาถาต่างๆมากมายเข้าด้วยกันและเขายังสามารถระบุสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อปลดปล่อยพวกมันได้
แต่ไม่ใช่แค่เฟรย์เท่านั้นที่น่าทึ่ง
“ย้าก!”
ชายคนหนึ่งได้คำรามขณะพุ่งเข้าหามังกรกระดูก ทรงผมแผงคอสิงโตของเขาปลิวไปตามสายลม
ตูม!
หมัดของเขาฟาดเข้าที่ขาของมังกรพร้อมกับเสียงดังที่ตามมา
เมื่อพิจารณาถึงขนาดของมังกรกระดูกแล้วการโจมตีดังกล่าวน่าจะคล้ายกับการถูกยุงกัด อย่างไรก็ตามผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
แตก!
อุ้งเท้าหน้าของมังกรกระดูกถูกทุบและสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ก็เซไปข้างหลัง
กระดูกของมังกรขนาดใหญ่ซึ่งไม่ได้รับการขีดข่วนจากการโจมตีของเอลฟ์แตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนแก้ว
“น่าทึ่งมาก”
"พวกเขาเป็นใครกัน…?"
จากนั้นมีคนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังมังกรและเหวี่ยงดาบไปที่เท้าอีกข้างของมังกร
กั๊ก!
ปลายเท้าถูกตัดออกอย่างง่ายดายเผยให้เห็นรอยตัดที่สะอาดหมดจด
“อ๊ะ!”
“ผู้หญิงคนนั้น!”
พวกไฮเอลฟ์เผยสีหน้าโล่งใจพร้อมๆกัน
ในไม่ช้าพวกเขาก็ชูแขนขึ้นในอากาศ
พวกเขาจำนักดาบผมดำที่สวมหน้ากากได้ทันที
“นั่นคือท่านซอร์ดน่านิ!”
“ซอร์ดน่าแห่งเซอร์เคิลฮิรัลการ์ดอยู่ที่นี่แล้ว!”
* * *
"เสียงดังก็จริงแต่ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากนัก"
การตัดสินของสโนว์นั้นแม่นยำ
อย่างที่เธอพูดพวกเขาไล่ต้อนมังกรกระดูกให้เริ่มจนมุมจากการร่วมมือทั้งสามคน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่ามังกรนั่นอ่อนแอ
แต่เป็นไปได้อย่างไร?
สิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเผชิญไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากมังกรกระดูก สิ่งที่มีเพียงเนโครแมนเซอร์ที่ไปถึงจุดสุดยอดของเวทย์มนต์ของเนโครแมนเซอร์เท่านั้นที่จะสามารถอัญเชิญได้
แต่เจ้าตัวนี้กลับเงอะงะอย่างไม่น่าเชื่อ
มันไม่สามารถใช้พลังทำลายล้างได้ ความแข็งแกร่งของกระดูกก็ไม่มาก หรือแม้แต่คาถาที่ง่ายที่สุดก็ยังใช่ไม่ได้อย่างเหมาะสม
‘ลองคิดดูแล้วอันเดดที่โอดินเรียกออกมานั้นไม่มีสติสัมปชัญญะเลยสักตัวเดียว’
อันเดดไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ไร้สติปัญญา
เหมือนกับลิชที่เฟรย์พบในคอร์เตซ ยิ่งอันดับของอันเดดสูงเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้สติปัญญาของมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอันเดดของโอดินกลับแตกต่างออกไป
พลังของพวกเขาสูงกว่าอันเดดปกติเล็กน้อยแต่สติปัญญาของพวกมันต่ำกว่ามาก
เป็นเพราะเขาเป็นเพียงครึ่งอัครสาวกหรือ?
“ลงไปนอนเถอะไอ้ตัวครึ่งบกครึ่งน้ำ!”
หมัดของอีวานชนเข้าที่หัวของมังกร
ตูม!
มีเสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่หัวของมังกรถูกทุบ
มังกรกระดูกเสียการทรงตัวและเซไปข้างหลังและสโนว์ก็ไม่พลาดโอกาสทองนั้น
เธอกระโดดขึ้นด้วยสเต็ปเบาๆที่ดูเหมือนท่าเต้นที่นุ่มนวลและหั่นคอของมังกรกระดูกขาดออกจากตัว
กร๊ากกก…
นั่นคือการโจมตีครั้งสุดท้าย
ควันพุ่งออกมาจากร่างของมังกรกระดูกเมื่อมันเริ่มกระจุยราวกับสายฝนของเศษกระดูก
ขนาดของชิ้นส่วนกระดูกเหล่านี้มีขนาดใหญ่พอที่จะคุกคามพวกเอลฟ์แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถทำร้ายพวกเขาทั้งสามได้ก็ตาม
การแสดงออกของสโนว์แข็งกระด้าง
“ช่างป่าเถื่อน…”
“กำแพงป้องกัน”
ทันใดนั้นกำแพงก็ถูกสร้างและปิดกั้นเศษกระดูก การแสดงออกที่แข็งกระด้างของสโนว์ก็เริ่มอ่อนลง
“นายเป็นพ่อมดที่น่าทึ่งยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก”
เฟรย์ตอบหลังจากยืนยันว่าไม่มีเศษชิ้นส่วนตกลงมาจากท้องฟ้าอีกแล้ว
“ด้านหน้ามันแข็งฉันจึงจัดการจากด้านหลังที่โจมตีได้ง่ายกว่า”
สโนว์ยิ้มและหันไปหาอีวาน
"ใช่แล้ว นักรบเวทย์คนนี้ก็มีพลังมากมายเช่นกัน แต่นายรู้ไหมว่านายคือเหตุผลที่ผู้ชายคนนั้นและฉันสามารถต่อสู้ได้อย่างสบายขึ้น ”
ความสามารถของเฟรย์นั้นสูงกว่าระดับที่สามารถอธิบายได้ว่าเก่งหรือเต็มไปด้วยพรสวรรค์
เขามีประสบการณ์ที่ท่วมท้นในการตัดสินใจที่ไร้ที่ติและยังสามารถรักษาความสงบได้แม้ในสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถเอาชนะมังกรได้ในขณะที่แทบจะไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ
ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เมื่อพิจารณาถึงพลังของมังกรแล้วการสูญเสียนั่นเล็กน้อยจนถึงที่สุด
'การวิเคาะห์ในระหว่างการต่อสู้ของเขาแปลกจริงๆ'
อีวานเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับปัดฝุ่นกระดูกออกจากใบหน้าของเขา
สโนว์พยักหน้าและเก็บดาบของเธอ
ชุก
เช่นเดียวกับที่เธอชื่นชมความสามารถของเฟรย์ เฟรย์ก็ประหลาดใจกับทักษะที่เธอแสดงออกมา
เฟรย์สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในพลังของเธอแต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัวเอง
“ฮู…”
อีวานส่ายหัว ผมที่เหมือนแผงคอสิงโตของเขาแกว่งไปมาอย่างรุนแรงและใบหน้าของเขาแดงด้วยความเหนื่อยล้า
แน่นอนเขาน่าจะเหนื่อยที่สุดในบรรดาพวกเขาสามคน
หลังจากเอาชนะบลัดดี้ไนท์ทั้งสี่และอันเดดอื่นๆ เขายังได้ช่วยในการปราบมังกรโดยไม่หยุดพัก
“ไอ้บ้าเอ่ย ฉันแค่ออกมาอาบน้ำเอง ไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้”
“พวกเรามาทำความสะอาดกันก่อนเถอะ หลังจากนั่นเราจะมาฟังสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดกัน”
“ได้เลย”
สโนว์มองไปรอบๆ
พวกเขาชนะก็จริงแต่มันได้ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้บนผืนป่า
เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงหดหู่
“ก่อนอื่น…ฉันขอพูดอะไรกับทุกคนก่อน”
* * *
พวกเอลฟ์ใช้เวลาประมาณสามวันในการฟื้นฟูป่าให้กลับสู่สภาพที่พอจะยอมรับได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟรย์ได้โชว์การแสดงสุดอลังการอีกครั้ง
ในขณะที่เขาร่ายคาถาชำระล้างต้นไม้ที่ได้รับความเสียหายจากพลังแห่งความตาย สโนว์ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาเป็นครั้งแรก
“นายรู้จักเวทมนตร์ชำระล้างด้วยหรือ?”
“นั่นเป็นปัญหาหรือเปล่า?”
“ไม่ ไม่มีปัญหา… แต่โดยพื้นฐานแล้วเวทมนตร์นั้นแทบจะไม่มีประโยชน์สำหรับมนุษย์เลยนิ”
"คุณพูดถูก"
เวทมนตร์บริสุทธิ์หรือเวทย์ชำระล้าง
เป็นเวทย์ที่ใช้โดยนักบวชและนักบุญที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
ถึงค่ามานาในการใช้จะไม่สูงมาก อย่างไรก็ตามมันไม่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมากและยากที่จะควบคุมดังนั้นพ่อมดส่วนใหญ่จึงรำคาญที่จะเรียนรู้มัน
แน่นอนว่าเฟรย์ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักในฐานะมหาจอมเวทย์มนตร์ในอดีตได้เรียนรู้เวทมนตร์มากมายที่หลายคนไม่เคยสนใจที่จะเรียนรู้
เขาเคยใช้กลเม็ดเล็กๆน้อยๆมาก่อนแต่ไม่มีเวทย์ใดอยู่ในระดับเดียวกับเวทมนตร์ชำระล้างในการทำถอนคำสาปให้กับสิ่งมีชิวิต
“…”
สโนว์ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของเฟรย์มากขึ้น
เธอไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย
ชายตรงหน้าเธอแสดงทักษะการโจมตีการป้องกันและการสนับสนุนที่สูงจนไม่น่าเชื่อ และเมื่อมองไปที่เขาตอนนี้ดูเหมือนว่าทักษะในการถอนคำสาปให้บริสุทธิ์ของเขาก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องไปแม้แต่น้อย
“นายรู้อะไรเยอะมากเกี่ยวกับเวทมนตร์สำหรับเอลฟ์”
“ฉันไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองเพราะพรสวรรค์ของฉันยังขาดอยู่ แต่ฉันสนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของเวทย์มนต์อย่างเป็นอย่างมาก”
สิ่งนี้ทำให้เฟรย์สงสัยว่าเธอมีความสามารถอะไรกันแน่ เขามองไปที่เอวของเธออีกครั้ง
ดาบที่เธอใช้ฆ่ามังกรไม่อยู่แล้ว
สโนว์ยิ้ม
“หุหุ สายตาที่เจ้าชู้นั้นมันอะไรกัน? นายกำลังมีปัญหาในการละสายตาจากเอวที่เรียวบางของราชินีคนนี้หรือ?”
“…”
จากคำพูดของเธอมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเธอเป็นเอลฟ์
นี้เป็นบุคลิกธรรมดาในหมู่ไอซ์เอลฟ์หรือ?
เฟรย์เริ่มครุ่นคิดถึงสิ่งนั้นและเพิกเฉยต่อสโนว์โดยสิ้นเชิง
“…มันไม่สนุกเลย นายไม่มีการตอบสนองกลับเลยสักนิด”
สโนว์บ่นและจากไป
คืนนั้นเฟรย์และอีวานมุ่งหน้าไปยังฮรูฮิราลเนื่องจากพวกเขาถูกสโนว์เรียกพบตัว
ตาก
ประตูปิดตามหลังพวกเขา
พวกเขาอยู่ในห้องขนาดใหญ่ มีเพียงเฟรย์อีวานและสโนว์เท่านั้นที่อยู่ที่นั่น
สโนว์นั่งบนเก้าอี้โดยไขว้ขา
“ถ้าอยู่ที่นี่เราก็ไม่ต้องกังวลว่าการสนทนาของเราจะถูกดักฟัง”
อีวานพ่นลมออกทางจมูกก่อนจะพูด
“คุณเป็นคนที่กล้าหาญมากนะสมเด็จพระราชินิ เรียกพบเราที่นี่โดยไม่ต้องมีคนคอยคุ้มกัน”
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ชอบผู้หญิงที่มีความสวยราวกับปีศาจคนนี้ได้อย่าเต็มใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อสโนว์ยิ้มและหยิบหน้ากากของเจนกิออกมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“หน้ากากนั่น…”
“ฉันมีทักษะเพียงพอในการปกป้องตัวเองดังนั้นแน่นอนว่าฉันไม่ต้องกังวล”
ขณะที่เธอสวมหน้ากากผมของเธอก็เปลี่ยนสีอีกครั้ง
อีวานมีสีหน้าตกตะลึง
“…คุณคือนักดาบที่แข็งแกร่งคนนั้นที่สวมหน้ากาก?”
"ขอบคุณสำหรับคำชม นายเองไม่เลวเลย”
“…”
ริมฝีปากของอีวานเม้มแน่น
เขาเป็นคนที่เฝ้าดูการต่อสู้ของเธอในระยะใกล้ที่สุด เขารู้ว่าทักษะของเธอไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
อีวานซึ่งเชื่อในการให้ความเคารพในสิ่งที่ควรให้ไม่สามารถเพิกเฉยต่อสโนว์ได้อีกต่อไป
แม้ว่าเขาจะยังไม่ชอบเธอแต่เขาก็จะไม่ปฏิบัติต่อเธอในลักษณะที่หยาบคายเช่นเดิม
“นั่นเพียงพอแล้วสำหรับการแนะนำตัว คุณช่วยบอกตัวตนของคุณกับเราตอนนี้เลยได้ไหม?”
"แน่นอน ฉันเป็นอัครสาวกของริกิ”
“…”
เฟรย์และอีวานเงียบในเวลาเดียวกัน
พวกเขาตกตะลึงเมื่อเธอเปิดเผยตัวตนของเธอโดยไม่มีความลังเลใดๆ
“ผู้ชายคนนั้นมีอัครสาวกด้วยหรอ? ไม่มีทางอะ แต่ก็ไม่มีอะไรแปลกถ้าหากเขาจะสร้างอัครสาวก”
พวกเขาไม่ได้ติดต่อกับริกิมาสักพักใหญ่แล้ว
อีวานพยักหน้าขณะที่เขาตรวจสอบสโนว์อีกครั้ง
“นั่นอธิบายถึงทักษะดาบของคุณ”
"ฮะ? ฉันไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันในการต่อสู้เลยสักนิด”
“…คุณแข็งแกร่งขนาดนั้นแม้ไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์?”
"ใช่ มันก็เป็นเรืองปรกตินิ ถ้าหากฉันใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉัน ออร่าก็จะรั่วไหลออกมาอย่างแน่นอน ฉันเป็นอัครสาวกก็จริงแต่ฉันแทบไม่เคยไม่ได้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันเลย”
“…”
หากเป็นเช่นนั้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอก็น่ากลัวเลยทีเดียว
แต่เฟรย์รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
พลังของริกิคืออะไรกันแน่?
‘เดมิก็อดที่มีพลังแห่งคมดาบ’
นั่นคือสิ่งที่ริกิแนะนำตัวเอง
มันเป็นพลังที่เป็นนามธรรมมากซึ่งแตกต่างจากเดมิก็อดคนอื่นๆที่มีพลังเช่นสายฟ้าพิษหรือความตาย
‘ใช้ดาบนี่นะ?’
เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่มีบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้คำอธิบายง่ายๆนั้น
“ราชินีแห่งเอลฟ์เป็นอัครสาวก ถ้าหากไซแอ็กซ์รู้เรื่องนี้เธอคงจะเสียใจ นั่นคือเหตุผลที่คุณใช้ชื่ออื่นในขณะที่ใส่หน้ากาก”
“ฉันยังเป็นมาสเตอร์เซอร์เคิลของฮิรัลการ์ดอีกด้วย และในขณะที่ฉันเล่นบทนั้นฉันก็ใช้นามแฝงว่า 'ซอร์ดน่า' มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้”
“…มีใครรู้บ้างว่าคุณเป็นอัครสาวก”
“ไม่มีใครรู้ พวกคุณสองคนเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับกันได้”
“ทำไมคุณถึงกลายเป็นอัครสาวกของริกิละ?”
“ครอบครัวทั้งหมดของฉันถูกฆ่าตายโดยเดมิก็อด นั่นหมายความว่าฉันเป็นไอซ์เอลฟ์คนเดียวที่เหลือรอดในทั้งทวีป”
เสียงของสโนว์สงบลง ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจพวกเดมิก็อดเลย
แต่เฟรย์รู้ดีว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
“แต่พวกมันแข็งแกร่งเกินไป ในฐานะปุถุชนไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้ดังนั้นฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ยอมรับข้อเสนอของริกิ”
สโนว์ยิ้มอย่างขมขื่น
“คุณเป็นราชินีที่แท้จริง”
สโนว์รู้สึกเหมือนเฟรย์เป็นคนแบบเดียวกับตัวเธอเอง
ผู้ชายคนนี้น่าสนใจอย่างแท้จริง
เธอแน่ใจว่าเขาเป็นมนุษย์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาดูมีวุฒิภาวะกว่าเธอมาก แม้กระทั่งตอนนี้ในขณะที่พวกเขานั่งเผชิญหน้ากันเธอก็ยังไม่สามารถเดาความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้
แม้ว่าเขาจะดูอบอุ่นและใจดีมากแต่เขาก็สามารถที่จะใจร้ายกว่าใครก็ได้หากจำเป็น
และเธอแน่ใจว่ามันจะเป็นหนึ่งในอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาเมื่อเขาเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติอย่างเดมิก็อด
"เธอช่างคล้ายกันเหลือเกิน"
เฟรย์ไม่คิดว่าคำพูดของเขาผิด
คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเซ็นสัญญากับอาชูร่าเมื่อ 4,000 ปีก่อนแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังก็ตาม
เขาจะตอบสนองอย่างไรหากคนทรยศคนอื่นที่ไม่ใช่ริกิมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาและเสนอโอกาสให้เขาเป็นอัครสาวกของพวกเขา
“อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉันอยากจะบอกพวกนายก็คือ…อืม”
จู่ๆสโนว์ก็หยุดพูดและหลับตาลง
อีวานเอียงศีรษะ
“เป็นอะไรไป? ทำไมคุณถึงหยุดพูด”
“ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อมต่อกับฮรูฮิราลอยู่โปรดรอสักครู่”
“เธอเรียกพบเราที่นี่ตอนดึกเพื่อทำเรืองแบบนี้อะนะ?”
อีวานกอดอกและบ่นเหมือนเด็กๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบสโนว์จริงๆ
แต่หลังจากนั้นไม่นานสโนว์ก็ตื่นขึ้นจากสภาพของเธอและมองเฟรย์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“นายเคยติดต่อกับแม่มาแล้ว?”
"ถูกตัอง"
“ในการเข้าสู่โลกแห่งวิญญาณโดยไม่ใช่เอลฟ์…ฉันไม่รู้ว่านายจะทำให้ฉันประหลาดใจอีกมากแค่ไหน”
“…”
"…อย่างไรก็ตาม แม่ขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความช่วยเหลือของพวกนายทั้งสอง”
“แหมใครๆ ก็สามารถแสดงความขอบคุณได้ด้วยคำพูดได้”
เมื่ออีวานพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆสโนว์ก็หัวเราะและเห็นด้วยกับคำพูดของอีวาน
“หุหุ ใช่ เห็นอย่างนี่ฉันก็ต้องรักษาหน้าในการเป็นราชินีดังนั้นฉันจะไม่ขี้เหนียว ตามฉันมาและฉันจะมอบบางสิ่งให้กับพวกนายเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ พวกนายจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน”
อีวานเย้ยหยันขณะที่เขาลุกขึ้นยืน
“ฮึ่ม ฉันหวังว่าเธอจะไม่เล่นตลกกับฉันหลังจากที่ทำให้ฉันตั้งหน้าตั้งตารอแล้วของขวัญที่ว่ากลับกลายมาเป็นสลัดผักหรอกนะ”