บทที่ 82 โอดิน(2)
"ไอ้บ้าเอ้ย นี่ฉันบอกนายแล้วไงว่าน่าจะปล่อยให้ฉันฆ่ามันซะ!”
อีวานรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัดแต่เฟรย์ไม่สนใจเขาในขณะที่เขาสังเกตเห็นอันเดดอยู่รอบๆตัว
จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ไซแอ็กซ์
ดูเหมือนว่าในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าสถานการณ์ปัจจุบันน่ากลัวเพียงใด
เฟรย์เข้าไปมาหาเธอขณะพูด
“ทิ้งพวกเราไว้ที่นี่ คุณต้องรีบกลับไปอธิบายสถานการณ์นี้ให้ราชินีฟัง”
"ฮะ? อธิบายสถานการณ์นี้…?”
เธอจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?
ใบหน้าของไซแอ็กซ์มืดลงทันทีเพราะเธอรู้ว่าเธอเป็นคนเดียวที่สามารถทำงานนี้ให้สำเร็จได้ คนนอกอย่างเฟรย์และอีวานจะไม่มีความน่าเชื่อถือพอ
ไซแอ็กซ์กัดริมฝีปากก่อนพูดว่า
"ฉันจะรีบกลับมาฉันมั่นใจว่าจะได้รับกำลังเสริม ดังนั้นโปรดยื้อจนกว่าจะถึงตอนนั้น”
ไซแอ็กซ์จากไปทันที
เฟรย์มองไปที่อันเดดอีกครั้ง
พวกมันแข็งแกร่งกว่าที่พวกที่เขาพบนอกป่าแต่ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามมากนัก
“อย่าลังเลให้มาก! พวกมันเป็นแค่ไอ้พวกกระจอก!”
อีวานคำรามและเหวี่ยงหมัดไปทุกทิศทาง
มีดกำปั้น
เขาปลดปล่อยการโจมตีระยะไกลที่ทำให้อันเดดก่อนหน้านี้กลายเป็นผงแต่ผลที่เขาเห็นไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวัง
การแสดงออกของอีวานแข็งขึ้นเล็กน้อย
‘พวกนี้แกร่งกว่ามาก’
หากอันเดดที่พวกเขาพบนอกป่าใหญ่เป็นทรายแสดงว่าพวกที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาตอนนี้เป็นเหมือนหิน
การโจมตีของเขายังไม่สามารถทำลายมันได้ทั้งหมด
เมื่อพวกมันพยายามที่จะกลับมารวมตัวกัน อีวานคำรามด้วยความโกรธ
“เอานี่ไปกินสิไอ้บ้า!”
วูม
อากาศสีแดงออกมาจากร่างของอีวานและดันโครงกระดูกที่พยายามจะหยิบชิ้นส่วนของพวกเขากลับคืนมา
ตึง
คราวนี้มีผลชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากโครงกระดูกจำนวนมากระเบิดเป็นผง
“ฟรอสต์สครีม”
แสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นจากปลายไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์ขณะที่เฟรย์ปลดปล่อยหนึ่งในคาถาที่เขาเก็บเอาไว้
น้ำแข็งก้อนใหญ่ทุบโครงกระดูกที่อยู่รอบๆ อย่างไรก็ตามเฟรย์ไม่ได้ละสายตาจากโอดินเลย
เขามองไปที่โอดินเพราะเขาสงสัยว่าเมื่อไหร่โอดินจะร่ายคาถาอัญเชิญเสร็จ แต่โอดินที่คิดว่าที่เฟรย์กำลังตรวจสอบเขาเพราะว่าเฟรย์กำลังกังวลก็ได้หัวเราะออกมาดังๆ
"สายไปแล้ว!"
อูววว
เขาพ่นเลือดลงบนวงกลมอัญเชิญที่ส่องแสง
เลือดที่ไหลซึมลงสู่พื้นจับตัวกันเป็นก้อนและเป็นรูปร่างต่างๆ พวกเขาเป็นวิญญาณที่หลงทางจากนรกที่หลั่งน้ำตานองเลือด
วิญญาณเหล่านี้ส่งเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวพร้อมกัน
อ่า
และเฟรย์ก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาโชคดีที่ไซแอ็กซ์ได้จากไปแล้ว
นี่เป็นเพราะใครก็ตามที่มีจิตใจไม่เข้มแข็งเพียงพออาจจะเป็นบ้าหากเพียงแค่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวนั้น
วูม
ลมที่เป็นเหมือนลางร้ายพัดผ่านต้นไม้ทำให้เสียงกรีดร้องของวิญญาณที่หลงทางหายหยุดลง
ปีศาจค่อยๆลุกขึ้นจากวงกลมอัญเชิญบนพื้นดิน
สิ่งแรกที่ปรากฏคือสองหัว จากนั้นท่อนแขนที่หนากว่าต้นไม้ก็เริ่มปรากฏขึ้นทีละท่อน
ปีศาจมีแขนทั้งหกข้างแต่ละข้างถืออาวุธที่แตกต่างกัน
อาชูร่า
เป็นช่วงเวลาที่หนึ่งในหกอาร์คดยุกแห่งโลกปีศาจปรากฏตัวอีกครั้งในทวีป
เขามีขนาดใหญ่มากจนรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อมองไปที่เขา
ป๊าก
อีวานที่เพิ่งทุบหัวโครงกระดูกถ่มน้ำลายลงกับพื้นก่อนพูด
“คนๆนี้แข็งแกร่งกว่าปีศาจระดับสูงที่ฉันเคยพบมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในอาร์คดยุกหรือ?”
"ถูกตัองแม้ว่าฉันจะไม่สามารถเรียกเขามาในสภาพสมบูรณ์ได้ก็ตาม”
แม้ว่าโอดินจะพูดแบบนี้แต่ความพึงพอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เป็นเวลาเพียงสามปีแล้วที่เขาเรียนรู้วิธีการอัญเชิญแต่ความสามารถในการอัญเชิญอาร์คดยุกเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงพรสวรรค์ของเขา
รอยยิ้มของเขาผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
“นี่คืออาชูร่า…แม้ว่าการอัญเชิญจะไม่สมบูรณ์แบบแต่เขาก็ยังแข็งแกร่งพอที่จะกำจัดพวกแกทั้งสองได้อย่างง่ายดาย แกคิดว่ายังไง? แกคิดว่าอาชูร่าเป็นสิ่งทดแทนที่เหมาะสมสำหรับราชาวิญญาณแห่งสายลมบ้างไหม?”
เฟรย์และอีวานไม่ตอบ
พวกเขาต้องกลัวแน่ๆ
โอดินหัวเราะอีกครั้งขณะกางแขนออก
“เอาละ…! อาชูร่า! ฆ่าพวกมัน!”
[…]
อาชูร่าไม่ได้เคลื่อนไหวในทันทีแต่กลับตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขาแทน
เขามองไปที่ป่าโดยรอบลำธารและมองเห็นฮรูฮิราลที่ทอดยาวไปบนท้องฟ้า
มีความรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยในการจ้องมองของเขา
[…นี่คือดินแดนของพวกเอลฟ์หรือเปล่า? เพื่อเรียกฉันมายังสถานที่เช่นนี้แกต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ]
“ว่าไงนะ?”
[คำพูดของแกมันไม่มีมารยาท สุภาพกว่านี้หน่อยเจ้าเอลฟ์ตัวน้อย]
“…ฮึก!”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้อาชูร่าก็หันไปมองที่โอดิน
โอดินที่กำลังจะพูดรู้สึกกดดันอย่างไม่น่าเชื่อในใจและถูกบังคับให้ถอยไปสองสามก้าว
[ถ้าไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของแกฉันก็ไม่คิดจะเซ็นสัญญากับเด็กอย่างแกหรอก]
แม้ว่าคำพูดของเขาจะดูหมิ่นแต่โอดินก็ไม่กล้าปฏิเสธ
หลังของเขาเปียกไปด้วยเหงื่อ
[แต่ฉันไม่ได้มาเที่ยวที่โลกนี้มาสักพักแล้วมันก็เลยรู้สึกดีมาก มันจะดีกว่านี้ถ้าฉันไม่ได้อยู่ในดินแดนของพวกเอลฟ์]
เขารู้สึกกระวนกระวายใจ
ใบหน้าที่แตกต่างกันของอาชูร่าแต่ละหน้าหันไปเผชิญหน้ากับเฟรย์และอีวานตามลำดับ
ทันทีที่เขาได้พบกับการจ้องมองของเขา อีวานรู้สึกว่าหัวใจของเขากระพือโดยไม่รู้ตัวและในทันใดนั่นความภาคภูมิใจของเขาก็ลุกเป็นไฟ
‘นายกลัวอะไรอยู่ละอีวาน?!’
เฟรย์ตกใจยิ่งกว่ากับสายตาที่คุ้นเคย
[ยังไงสัญญาก็คือสัญญาจะให้ฉันฆ่ามนุษย์สองคนนี้หรือ?]
“ใช่แล้วครับ”
โอดินตอบทั้งๆที่หน้าซีด
เฟรย์เดินเข้ามาหาอาชูร่า
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของมันก่อนจะพูดว่า
“อาร์คดยุกแห่งปีศาจและเจ้าแห่งขุมนรกสังหารอาชูร่า”
[ถูกต้องพ่อมดมนุษย์ นายตั้งใจจะขอให้ไว้ชีวิตของนายหรือ?]
“มันก็ไม่เชิง”
[อืม]
อาชูร่าสังเกตเฟรย์อย่างใกล้ชิด
จากนั้นหัวทั้งสองของเขาก็เอียงพร้อมกัน
‘ในสายตาของเขา…ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นมันมาก่อน’
เขาจำมันได้ไม่ดีนัก
มันแปลกมาก
เขาจะไม่มีวันลืมมนุษย์คนนั่นเและเขาไม่คิดว่าเขาเคยได้พบกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขามาก่อน
ไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้
มนุษย์ที่เขารู้จักไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าซากศพที่หนาวเหน็บในตอนนี้
เพราะพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์
“ฉันอยากถามอะไรคุณสักหน่อย”
[นายคิดว่าฉันจะให้คำตอบ?]
[คุณต้องให้สิเพราะคุณเป็นหนี้ฉัน]
[…?]
กระแสเสียง
หรือว่ามันเป็นกระแสจิตหรือเปล่า?
การใช้โทรจิตกับปีศาจ
นี่เป็นครั้งแรก ... ไม่สิ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
เคยมีผู้ชายคนหนึ่งที่ทำแบบเดียวกับเขาได้เมื่อนานมาแล้ว
อาชูร่าขมวดคิ้วเมื่อเขาไม่สามารถเรียกความทรงจำมาได้ทั้งหมด
[ขออภัยในมารยาทที่ไม่ดีด้วยนะอาชูร่า]
[อะไรนะ?]
มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ภูมิทัศน์รอบๆอาชูร่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มันเปลี่ยนจากป่าเขียวชอุ่มไปสู่นรกอันรกร้างที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มันคือนรกแห่งการสังหารซึ่งเป็นดินแดนของเขาเอง ...
อาชูร่าตระหนักว่านี่คือโลกวิญญาณของเขาและชายคนนั้นก็ยังคงยืนอยู่ต่อหน้าเขาอย่างใจเย็น
รูปร่างหน้าตาของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนแต่อาชูร่ายังไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
[นายเป็นผู้ชายที่ตลกมาก นายเข้าใจสิ่งที่นายเพิ่งทำลงไปหรือไม่?]
ร่างกายของอาชูร่าเติบโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่กว่าที่เคยเป็นมาหลายสิบเท่า เกือบราวกับว่าเขาพยายามจะแทงทะลุท้องฟ้าด้วยขนาดตัวของเขา
ออร่าที่รุนแรงที่หลั่งออกมาจากร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
ร่างที่ถูกอัญเชิญในป่าใหญ่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของเขาได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนี่คือรูปร่างที่แท้จริงของเขา
แก่นแท้ของปีศาจที่รู้จักกันในชื่ออาชูร่าซึ่งเป็นราชาที่แท้จริงของขุมนรกสังหารในโลกปีศาจ
“นี่เป็นอาณาเขตของคุณ ด้วยพลังของคุณมันคงไม่ยากที่จะลบล้างการมีตัวตนของฉัน”
มันเป็นไปตามที่เฟรย์พูด
ปัจจุบันเขาอยู่ในร่างวิญญาณซึ่งหมายความว่าอาชูร่าสามารถกำจัดการดำรงอยู่ของเขาได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก
ในแง่หนึ่งเขากำลังเอาคอของเขาไว้ในปากเสือ
ไม่...มันอันตรายกว่านั้นมาก
[นายมาที่นี่ทำไม?]
“ฉันอยากคุยกับคุณตามลำพัง”
[เพราะอย่างนั้นเหรอ?]
อาชูร่าหัวเราะออกมา
[ฉันยอมรับว่านายเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจมาก อย่างไรก็ตามนั่นคือทั้งหมดที่นายเป็น ฉันอยู่มาหลายพันปีแล้วนายคิดว่าฉันไม่เคยเจอใครที่แสร้งทำเป็นกล้าหาญแบบนายหรอ?]
อาชูร่ายกอาวุธขึ้นมาหนึ่งชิ้น
มันเป็นค้อน
เมื่ออาชูร่าขยายร่างจนมีขนาดเท่าภูเขาอาวุธของเขาก็ขยายขึ้นพร้อมกับเขา
ค้อนในมือของเขาใหญ่พอๆกับภูเขาเล็กๆ1ลูก
[หายไปซะเจ้ามนุษย์ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนายอีก]
จากนั้นค้อนก็ตกลงมาอย่างช้าๆสร้างแรงลมดันอย่างมหาศาล
เสียงกรีดร้องของวิญญาณที่อยู่รอบๆก็ดังขึ้นราวกับว่าพวกมันกำลังกรีดร้องให้ฆ่าเฟรย์
รับประกันได้ว่าถ้าหากค้อนนี่ทุบวิญญาณของเฟรย์เขาจะหายไปตลอดกาล
อย่างไรก็ตามเฟรย์ยังคงสงบนิ่ง
“ฉันมาที่นี่เพื่อรับหนี้จากการพนันกับคุณอาชูร่า”
[…]
ค้อนหยุดลง
[หนี้จากการพนัน?]
“ฉันเดิมพันกับคุณและฉันชนะ คุณสัญญากับฉันว่าจะให้ความปราถนาสามประการที่จะใช้เมื่อใดก็ได้ที่อยู่ในอำนาจของคุณ”
[…]
อาชูร่ามีการแสดงออกที่แปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
[ฉันทำสัญญาหรือ?]
“ใช่แล้ว”
[มีเพียงคนเดียวที่ฉันเคยทำสัญญาแบบนี้ด้วย]
เมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อน
ตอนนั้นอาชูร่ายังไม่ได้เป็นอาร์คดยุกแต่เขาก็มีพลังใกล้เคียง อย่างน้อยเขาก็มีความแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะอาร์คดยุกที่ปกครองนรกแห่งการสังหารในเวลานั้น
อย่างไรก็ตามการเป็นอาร์คดยุกแห่งนรกสังหารไม่ได้เป็นเพียงเรืองง่ายๆ
ดังนั้นอาชูร่าจึงต้องเพิ่มพลังของเขาโดยการเซ็นสัญญากับมนุษย์ในมิดเดิลเอิร์ธ(โลก)
จากนั้นเขาก็ได้พบกับมนุษย์
พ่อมดที่เป็นเพื่อนกับไอริสผู้อัญเชิญของเขาในเวลานั้น
เขาจำมันได้อย่างชัดเจนเพราะเขาเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่มีโอกาสสูงสุดในการข้ามพ้นขีดจำกัดที่เหนือกว่ามนุษย์
ลูคัสโทรว์แมน
[บอกฉันทีว่าเราเดิมพันอะไรไว้?]
เฟรย์มองไปรอบๆ
“ที่นี้คือนรกแห่งสังหารหรือเปล่า?”
[ถูกตัอง]
ในที่สุดเฟรย์ที่เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น
“…ฉันเป็นคนทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์นี้จากจุดที่สูงที่สุด”
[…]
ทันใดนั้นดวงตาของอาชูร่าก็เปล่งประกายเป็นสีแดงเลือด
เฟรย์ตระหนักว่าเขากำลังใช้หนึ่งในพลังที่อาร์คดยุกเมือเขาได้เป็นหนึ่งในราชาแห่งนรก
ความสามารถในการดูวิญญาณ
อาชูร่ามองเฟรย์เป็นเวลานานก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
[ฮ่า ๆ ๆ ๆ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ-!]
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเขาสั่นสะเทือนโลกแห่งวิญญาณอย่างรุนแรง
แม้แต่เฟรย์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปิดหูตัวเองเพราะเสียงหัวเราะนั้นดังมาก
วิญญาณที่หายไปก็เริ่มกรีดร้องราวกับว่าพวกเขากำลังแบ่งปันความสุขกับเจ้านายของพวกเขา
[มันเป็นนายจริงๆ คุคุคุ! น่าสนใจ ฉันได้ยินมาว่านายเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับลอร์ด นายกลับมาแล้วเหรอ?]
“จู่ๆมันก็เกิดขึ้นเอง”
[แต่ ... ตอนนี้นายอ่อนแอลงมากๆ]
"นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณ ที่สำคัญตอนนี้คุณยินดีที่จะตอบคำถามของฉันหรือไม่? ”
[แน่นอน นายสมควรที่จะได้รับมันอย่างที่สุด]
ยิ่งปีศาจแข็งแกร่งเท่าไหร่ข้อตกลงหรือสัญญาจะยิ่งสำคัญขึ้นและปีศาจที่อ่อนแอมักที่จะไม่รักษาสัญญา
มีกรณีพวกเขากินผู้อัญเชิญด้วยซ้ำ
อาชูร่าไม่เคยเป็นแบบนั้นนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาสามารถนั่งเก้าอี้ของอาร์คดยุกได้
สำหรับปีศาจวิธีเดียวที่พวกเขาจะยกระดับตัวเองได้อย่างแท้จริงคือการเซ็นสัญญา
แน่นอนว่าพวกเขายังคงแข็งแกร่งขึ้นได้แม้พวกเขาจะผิดสัญญาหรือกินผู้อัญเชิญ มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
นี่คือเหตุผลที่ปีศาจส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงและเลือกวิธีง่ายๆในการเสริมความแข็งแกร่งขึ้น
“ไอริสไพลส์ฟาวเดอร์ ฉันได้ยินว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
[ถูกตัอง]
“…”
เฟรย์ไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไร
ฮรูฮิราลและอาชูร่าสิ่งมีชีวิตทรงพลังทั้งสองคนยืนยันการอยู่รอดของเธอ
ไอริสไพลส์ฟาวเดอร์ยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับเขาที่ไหนสักแห่งในทวีป
“ฉันอยากได้ยินทุกอย่างที่คุณรู้เกี่ยวกับไอริส”
[นั่นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ฉันรู้สึกว่าเรืองนี้น่าสนใจจริงๆ]
“น่าสนใจยังไง?”
[คุคุ…]
[ในขณะนี้ฉันไม่ได้เซ็นสัญญากับไอริสแล้ว]
“คุณยกเลิกสัญญาของเธอ?”
[ไม่ เธอเป็นคนที่ทำให้มันจบลงเอง]
"ทำไมละ?"
[ฉันเดาว่าเธอไม่ต้องการความแข็งแกร่งของฉันอีกต่อไปแล้ว]
เขาไม่เข้าใจ
เฟรย์หรี่ตาลง
“…คุณกำลังบอกว่าเธอไม่ต้องการพลังของผู้ปกครองแห่งนรกสังหาร หนึ่งในหกอาร์คดยุกแห่งโลกปีศาจ?”
[พลังที่ฉันสามารถทำได้บนทวีปนี้มีขีดจำกัดอยู่แล้ว]
เมื่อเขาได้ยินคำที่อาชูร่าพูดเฟรย์รู้สึกว่าหัวใจของเขาหนักอึ้งราวกับว่ามันเต็มไปด้วยตะกั่ว
[เธอคงพิจารณาตัวเองแล้วว่าไม่มีโอกาสที่จะไปต่อกับฉันหลังจากใช้เวลาหลายพันปีอยู่กับเหล่าเดมิก็อด]