Ep.966 - เข้าสู่ทวีปบาฮามุท
Ep.966 - เข้าสู่ทวีปบาฮามุท
สำหรับข่าวไหนที่สอดคล้องกัน ถือว่าเชื่อถือได้ นอกจากนี้ฉินเฟิงยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีกมากมาย
อย่างในปัจจุบัน จำนวนคนที่สามารถเข้าสู่ทวีปบาฮามุทได้อย่างสะดวกสบาย ตอนนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ราวๆ 8 - 9 คน ซึ่งคนพวกนี้ โดยไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดล้วนเป็นตัวตนทรงอำนาจเลเวล SS
และตัวตนทรงอำนาจที่ครอบครองความแข็งแกร่งเช่นนี้ แต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยั่วยุ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!
อุปกรณ์สื่อสารชิ้นใหม่ของฉินเฟิงส่งเสียงแจ้งเตือน คนที่ทราบถึงเบอร์ติดต่อของอุปกรณ์สื่อสารนี้ มีแค่เทพวูดูกับเช่าไท่เท่านั้น
ฉินเฟิงก้มลงมอง และพบว่าเป็นพวกเขาจริงๆ
“จอมมารซวนเฟิง พวกเราตามหาคนเจอแล้ว คุณตามมาสมทบกับพวกเราตามพิกัดนี้ได้เลย พวกเรากำลังจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง!”
“อืม จะรีบไปเดี๋ยวนี้!” ฉินเฟิงตรวจสอบพิกัดที่อีกฝ่ายส่งมา เดินออกจากบาร์
แม้สถานีอวกาศจะกางม่านแยกพื้นที่ภายในจากพลังงานภายนอก แต่มันมิได้ทรงพลังอะไรมากมาย ดังนั้นจึงมีกฏห้ามผู้คนต่อสู้กัน หากกฏดังกล่าวออกโดยคนทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่จะสะกดสมาชิกของพันธมิตรองค์กรมืด แต่คนที่ออกกฏนี้ จริงๆแล้วคือตัวตนทรงอำนาจเลเวล SS ดังนั้นไม่มีใครกล้าลองดี
ฉินเฟิงมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดพบ ปัจจุบันมีคนมารออยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้นเก้าคน
ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องใช้การรับรู้ ก็สามารถสัมผัสได้ ว่าหนึ่งในคนเหล่านั้น มีกลิ่นอายที่ทรงพลัง คงไม่พ้นเป็นผู้ใช้พลังเลเวล SS อย่างแน่นอน
ส่วนคนอื่นๆก็เหมือนเทพวูดู เป็นผู้ใช้พลังเลเวล S ในด้านความแข็งแกร่ง แทบไม่แตกต่างกัน
“รู้กฏหรือไม่?” ตัวตนทรงอำนาจเลเวล SS เอ่ยออกมา
ฉินเฟิงย่อมไม่ทราบกฏ เบนสายตาไปทางเทพวูดูเป็นเชิงถาม
เทพวูดูรีบกล่าวออกมาทันที “นี่คือท่านผู้ใหญ่ซอร์ เขาจะใช้สัตว์ร้ายทรงพลังนำเราเดินยังแผ่นดินใหญ่ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมอบบรรณาการสักเล็กๆน้อยๆ”
ดวงตาของฉินเฟิงสว่างวาบ แสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว แต่ในหัวใจกลับหัวร่อเย็นชา
ซอร์แน่นอนว่าเป็นการดำรงอยู่ที่สามารถพาผู้คนไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่อง与虎谋皮 (เจรจากับเสือ แต่คิดขอหนังเสือ) อย่างไรฉินเฟิงย่อมเสียเปรียบ
ซอร์ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์อริกับมนุษย์
เขาคือปีศาจเสพวิญญาณ
เนื่องจากซอร์เป็นปีศาจเสพวิญญาณ ทำให้พลังสมาธิของเจ้าตัวมีอานุภาพมหาศาล นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญในรูนมืด เขาจึงสามารถทำพันธสัญญากับสัตว์ยักษ์มิติ สามารถพาผู้คนไปยังแผ่นดินใหญ่ได้
อย่างไรก็ตาม ซอร์เป็นคนหน้าเลือด หลังจากพาคนขึ้นมาแล้ว เขาจะยังคงมาเก็บค่าธรรมเนียมต่อไปเรื่อยๆ คุณสามารถนำแร่ที่ขุดขึ้นมาแลกเปลี่ยนกับเขาก็ได้ ทว่าหากทราบว่าอีกฝ่ายทำกำไรได้มาก เขาก็จะเจตนารีดทรัพย์อีกฝ่ายมากกว่าปกติ หรือต่อให้คุณบาดเจ็บอยู่ในสภาวะเลวร้าย เขาก็ยังรูดทรัพย์ ไม่ช่วยเหลือในทันทีอยู่ดี
หากให้พูดสรุปสั้นๆ ชัดเจนว่าเจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดี!
ในที่สุดฉินเฟิงก็ทราบ ว่าการแก้เผ็ดแรกที่เทพวูดูคิดทำร้ายเขาคืออะไร!
“ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“แก่นสัตว์เทวะเลเวล A !” เทพวูดูกล่าว
แม้สัตว์เทวะเลเวล A จะอยู่ในระดับที่ผู้ใช้พลังเลเวล S สังหารได้ แต่การควานหาการดำรงอยู่เช่นนั้นเป็นอะไรที่พบเจอได้ยากมาก มิใช่สิ่งที่เลเวล S ธรรมดาจะหยิบออกมาใช้จ่ายได้โดยไม่คิดได้
แต่คนที่กล้าเข้ามาในเขตของบาฮามุท จะใช่ผู้ใช้พลังธรรมดาๆได้อย่างไร? พวกเขาต้องมีความกล้าหาญ ครอบครองทักษะอันยอดเยี่ยม!
“ก็ไม่ได้มากมายอะไร!” ฉินเฟิงนำแก่นอบิลิตี้สัตว์เทวะเลเวล A ออกจากอุปกรณ์รูนมิติ มอบให้ซอร์
“ไม่เลว ในเมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ก็เข้ามาได้!” ซอร์ถ่ายทอดเสียงผ่านพลังสมาธิ จากนั้นกวาดแขนออกไป ในอากาศที่ว่างเปล่าเริ่มเกิดสภาวะบิดเบี้ยว การดำรงอยู่ที่มีลักษณะคล้ายวาฬกระโดดออกมา
นี่คือสัตว์ยักษ์มิติ วาฬกระสวย
เจ้าสิ่งนี้ไม่เพียงอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ยังพบเจอยากมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นเจ้านายมัน
วาฬกระสวยอ้าปากใหญ่ ฝูงชนก้าวเข้าไปข้างในด้วยท่าทีสงบราวกับเดินเข้าบ้าน
กึงงง!
วาฬกระสวยปิดปากของมัน อย่างไรก็ตามด้วยซี่ฟันที่ห่างพอให้ลมแทรกเข้ามาของมัน ยังพอช่วยให้คนข้างในสามารถชมวิวทิวทัศน์ภายนอกได้ ไม่นาน พวกเขาก็เข้าสู่พื้นที่มิติ
วาฬกระสวยลอยลำ บินออกจากสถานีอวกาศทันที
เพราะหากเดินทางโดยอยู่ในพื้นที่มิติ คนข้างในก็ไม่จำเป็นต้องทานรับพลังงานจักรวาล ทั้งยังสามารถมองเห็น ว่าค่อยๆเข้าใกล้ทวีปบาฮามุทไปเรื่อยๆ ยิ่งพลังงานรุนแรงเท่าไหร่ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่ชวนให้ขนลุกก็ยิ่งคุกรุ่นมากขึ้นเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับแรงโน้มถ่วงของแก่นอบิลิตี้จ้าวเหนือหัว
หากไม่มีวาฬกระสวยตัวนี้ แล้วพวกเขาต้องเดินทางเข้าสู่ทวีปบาฮามุทด้วยตัวเอง เกรงว่าราคาที่ต้องจ่าย มันจะมากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จ้าวเหนือหัวตกตายลง แต่ยังมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่ หลังจากการเสียชีวิตของบาฮามุท เขาแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ร่างถูกทำลาย ดังนั้นรูนมิติที่นี่จึงมีเสถียรภาพมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดรอยแยกมิติโดยใช้ตัวเชื่อมมิติทั่วๆไป ดังนั้นต่อให้เคยมาเยือนที่นี่ และใช้ศิลามิติบันทึกพิกัดเอาไว้ สุดท้ายมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
แน่นอน ในกรณีของสัตว์ยักษ์มิติมันต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นวาฬกระสวยหรือเผ่าจิ้งจอกเก้าหางอย่างไป๋หลี หากต้องการสามารถเปิดใช้งานท่ามิติได้
วาฬกระสวยบินผ่านพื้นที่มิติ ทวีปบาฮามุทค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ไม่นานแผ่นดินก็ครอบคลุมทั้งวิสัยทัศน์ของพวกเขา ทั้งหมดไม่สามารถเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าอีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยแผ่นดินกว้างใหญ่แทน
เมื่อเข้ามาข้างใน คุณจะไม่ใช่คนนอกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสมาชิกของมัน
วาฬกระสวยร่อนลงจอดบนพื้น โผล่ออกมาจากพื้นที่มิติขนาดย่อยของมัน พลังในการการรับรู้ของทุกคนกลับมาอีกครั้งทันที
เพียงพริบตาพลังงานจากสวรรค์และปฐพีโถมทับลงบนร่างของพวกเขา เพียงสูดลมหายใจก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังงาน
บนพื้นผิวของมิติแห่งนี้ มีพลังงานรุนแรงยิ่งกว่ามิติของพระเจ้าซะอีก
อย่างไรก็ตาม พลังงานนี้มิใช่พลังงานที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ แต่มันเหมือนกับการแช่อยู่ในน้ำเน่า มีพลังงานแห่งความมืดนับไม่ถ้วนคอยแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย กัดกร่อนให้ร่างกายเน่าเปื่อย นี่แหละอำนาจงรูนแห่งความมืด
ต่อให้เป็นผํู้ใช้อบิลิตี้มืด ก็ไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนดังกล่าวได้ เว้นแต่จะดูดซับอักษรรูนมืดเข้าสู่ร่างกาย
ทว่าอัตราเร็วในการดูดซับ ยังไงก็ไม่เท่าความเร็วในการกัดกร่อนอยู่ดี
ซอร์ไม่สนใจสิ่งนี้ กายเนื้อในปัจจุบันมิใช่ร่างกายแท้ๆของเขา หลังจากที่มันเน่าเปื่อย เขาค่อยไปหาศพใหม่ที่มีสภาพสมบูรณ์ก็ได้ เท่านี้ก็สามารถปกป้องจิตวิญญาณตนได้แล้ว
“มาถึงแล้ว กฏก็เหมือนเดิม ฉันจะมาปรากฏตัวที่นี่ทุกคืน เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ สำหรับคนที่ไม่สามารถจ่ายได้ ก็ออกไปหาที่ตายเองซะ!”
ซอร์ฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียม คล้ายกับว่ากำลังรอคอยที่จะได้เห็นฉากที่พวกฉินเฟิงไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมได้
แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะการทำธุรกิจนี้ต้องให้เวลากับมัน และซอร์จะไม่ยอมทำอะไรที่ได้ไม่คุ้มเสีย สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล S เหล่านี้ ในมุมมองของเขา มันไม่ต่างจากฝูงแกะ หากคิดผ่านด่านก็ต้องตัดขนตัวเองแลก ขณะเดียวกันหากสังหารพวกมันแล้วได้กินเนื้อน้อยนิดเพียงครั้งเดียวก็ไม่คุ้ม ไม่ดีเท่าปล่อยให้ออกไปหาของแล้วเก็บค่าธรรมเนียมซ้ำๆ
อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาส เขาก็จะรับทำธุรกิจเล็กๆไปด้วยในตัว
ดวงตาของซอร์เบนมาตกบนร่างของฉินเฟิง ความพยายาบาทในดวงตามิได้ปิดซ่อนเอาไว้ ในความคิดของเขา ฉินเฟิงเป็นลูกแกะที่กำลังถูกขึ้นเขียง!
อีกเก้าคนเดินออกมาจากปากวาฬกระสวย ลอบมองคนอื่นๆด้วยความระแวง ก่อนเลือกทิศแล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง
“จอมมารซวนเฟิงสนใจเดินทางด้วยกันหรือไม่?” เช่าไท่กล่าวชักชวน
ฉินเฟิงหัวเราเย็นเยียบ เปิดปากกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของราชาเรือเดินสมุทร คุณพาฉันมาที่นี่ในครั้งนี้ ถือว่าฉันติดหนี้คุณ แต่คุณคงไม่ได้พามาเพราะหวังดีหรอกกระมัง? ดังนั้นฉันจะไม่ฆ่าคุณ นี่ถือเป็นการตอบแทน สรุปหักล้างกัน นับแต่นี้พวกเราไม่เป็นหนี้กันอีกต่อไป!”
ใบหน้าของเช่าไท่แข็งทื่อทันใด แม้ว่าสิ่งต่างๆจะเหมือนกับที่ฉินเฟิงพูดจริงๆ แต่การที่ถูกฉินเฟิงตอกหน้าตรงๆ ว่าจะไว้ชีวิตเขา มันยังคงทำให้ตนเองรู้สึกเสียศักดิ์ศรี