ตอนที่แล้วบทที่ 80 ฮรูฮิราล(3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 82 โอดิน(2)

บทที่ 81 โอดิน(1)


โอดินพรีดิกวูดกลายเป็นอัครสาวกได้ไม่นาน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ทำให้พลังของนอซด็อกกลายมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์

นี่เป็นเรื่องธรรมดา

อะโพคาลิปส์แข็งแกร่งกว่าเดมิก็อดอื่นๆมาก ยิ่งไปกว่านั้นแม้ในหมู่อะโพคาลิปส์ด้วยกันพลังของนอซด็อกก็เป็นพลังแห่งความตายที่อันตรายและผันผวนอย่างยิ่ง

เขารู้เรื่องนั้นหลังจากที่กลายเป็นอัครสาวก

เขาปฏิบัติต่อพลังของเขาอย่างระมัดระวังเสมอ อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่เขาไม่รู้

เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำจากพลังของนอซด็อกเขาจำเป็นต้องปลดปล่อยความกระหายเลือดที่สะสมอยู่ตลอดเวลา

“กั๊ก…”

โอดินครางและกำหัวของเขา

ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ

'มันยากขึ้นเรือยๆที่จะระงับความกระหายเลือด'

เมื่อเขาอยู่นอกป่าเขาไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการเหล่านี้เพราะเขาสามารถฆ่าคนได้ทุกวัน

อย่างไรก็ตามหลังจากกลับเข้าไปที่ป่าใหญ่เขาก็ฆ่าใครไม่ได้

เพียงไม่กี่วันเขาก็มาถึงสถานะลงแดงนี้แล้ว

‘ฉันอยากจะฆ่า’

ไม่เขาต้องฆ่า

ถ้าหากเขายังคงยับยั้งความรู้สึกนี้มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าตาย

การมองเห็นของเขากลายเป็นสีแดง

ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร เขาอยากจะฆ่าใครสักคน

เขาต้องการแยกเนื้อออกระบายเลือดเลาะลำไส้ออกแล้วทุบกระดูกเป็นชิ้นๆ

โอดินเกาไหล่ของเขาอย่างบ้าคลั่ง

มันรุนแรงมากจนผิวหนังของเขาแตกและเลือดเริ่มไหลออกมา

อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดทำให้หัวของเขาเย็นลง

"ไปหาฆ่าคนดีกว่า"

โอดินออกจากบ้านทันทีที่ตัดสินใจ

สิ่งที่เขาต้องทำคือห้ามใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเท่านั้น

แน่นอนโอดินมีความสามารถในการฆ่าใครบางคนและปกปิดร่องรอยของเขาโดยไม่ต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา

“…”

จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาใกล้ลำธาร

โอดินสังเกตเธอจากด้านข้าง

ใบหน้าที่สวยงามของเธอคุ้นเคยและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร

เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เคยออกไปเที่ยวกับสโนว์บ่อยๆก่อนที่สโนว์จะได้เป็นราชินี

“ไซแอ็กซ์”

โอดินยิ้มขณะที่เขากระซิบชื่อเธอ

* * *

“ฮู…”

ไซแอ็กซ์หลับตาลงขณะถอนหายใจ

เธอรู้สึกเหนื่อย

เธอไม่คิดว่าเธอจะนอนหลับเกินห้าชั่วโมงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

นี่เป็นเรืองปกติถ้าหากเธอเป็นทหารรับจ้าง แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะต้องทำแม้จะกลับบ้านแล้วก็ตาม

ร่างกายของเธอเรียกร้องการพักผ่อน

‘วันนี่ก็พอแค่นี่ละกัน’

มันเป็นเวลาดึกแล้ว การไปเยี่ยมใครบางคนในเวลานี้จะเป็นเรืองที่เสียมารยาท

เมื่อเธอตัดสินใจเธอก็หันกลับมา

"อา"

มีคนยืนอยู่ข้างหลังเธอ ไซแอ็กซ์ยืนแข็งตัวชั่วขณะ

“ฉันทำให้เธอตกใจหรอ? ฉันขอโทษ”

เธอได้ยินเสียงแผ่วเบาในขณะนั้นเมฆที่ปกคลุมดวงจันทร์ก็ได้เคลื่อนตัวและส่องแสงสว่างบนร่างของบุคคลนั้น

เมื่อเห็นใบหน้าที่เปิดเผยไซแอ็กซ์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นั้นคือโอดินพรีดิกวูด เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสเอลฟ์และพี่ชายของสโนว์

และเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับไซแอ็กซ์

"ท่านโอดิน”

“สวัสดี”

โอดินส่งรอยยิ้มสดใสตามปกติให้เธอ

ในขณะนั้นไซแอ็กซ์แข็งตัวไปชั่วขณะ ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

‘…มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ’

“คุณมาทำอะไรที่นี่ดึกๆหรือไซแอ็กซ์?”

“อ่าฉันเดาว่าคุณยังไม่รู้แต่ฉันพาคนนอกสองคนเข้ามาในหมู่บ้าน ฉันต้องจัดการกับบางสิ่งในขณะที่รายงานเรื่องพวกเขาให้…”

“คนนอก?”

“พวกเขากำลังช่วยฉันตามหาเนโครแมนเซอร์ที่แผงตัวอยู่รอบๆป่าใหญ่เมื่อเร็วๆนี้”

“…”

"ท่านโอดิน?”

"อา.. ขออภัย ฉันเหนื่อยนิดหน่อย …คุณนี่เองที่รับผิดชอบในการค้นหาเนโครแมนเซอร์ ”

มันเป็นภารกิจที่สโนว์มอบให้เธอ

ไซแอ็กซ์พยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ

"ถูกตัอง"

“คุณมีเบาะแสแล้วหรือยัง?”

“น่าเสียดายที่ไม่มีเลย…”

"ฉันเข้าใจแล้วละ"

กระทืบ

โอดินพึมพำเบาๆขณะที่เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ

เมื่อเธอเห็นสิ่งนี้ความรู้สึกแปลกๆที่เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

มันคล้ายกับความรู้สึกเหมือนเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

'เกิดอะไรขึ้น?'

โอดินเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ปกป้องหมู่บ้านและเขาก็มีสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลพรีดิกวูดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขา

เขาเป็นหนึ่งในเอลฟ์ที่ทำงานหนักกว่าคนอื่นๆเพื่อที่จะรักษาความสงบในป่าใหญ่

นอกจากนี้เขายังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไซแอ็กซ์มาเกือบหนึ่งร้อยปี

ในความเป็นจริงไซแอ็กซ์ถือว่ายังเด็กอยู่ เธอยังนับถือโอดินเป็นเหมือนพี่ชายของเธอ

เธอเป็นคนขี้อายดังนั้นเธอจึงไม่เคยแสดงหรือพูดอะไรมาก แต่มันเป็นความคิดของเธอที่ไม่เป็นอย่างนั่น

‘ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน?’

ในขณะที่เธอพยายามจัดเรียงความรู้สึกของเธอโอดินก็ยังคงค่อยๆเดินเข้าหาเธอ

ไซแอ็กซ์ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

น้ำเย็นๆจากลำธารทำให้ข้อเท้าของเธอเปียกแต่กระดูกสันหลังของเธอก็หนาวเย็นเช่นกัน

“ไซแอ็กซ์”

ในขณะที่โอดินกระซิบชื่อของเธอ

สาด

ไซแอ็กซ์ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปในลำธารทำให้น้ำกระเซ็นขึ้น

เธอไม่ได้ล้มลง

มีคนดึงเธอลงมา

เธอเห็นหลังของชายคนหนึ่ง

เป็นชายที่มีร่างกายใหญ่โตและมีกล้ามเนื้อที่เธอสังเกตเห็นได้ทุกที่

“อีวาน…?”

“ไง!”

อีวานปัดหน้าม้าขณะที่ตอบเธอ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเพราะผมเขายังเปียกอยู่

ไซแอ็กซ์รู้สึกสับสนและอดไม่ได้ที่จะถาม

“นี่มันเรื่องอะไรกันอีวาน?”

“ช่างเป็นคำพูดที่หยาบคายกับคนที่ช่วยชีวิตเธอนะ หยุดคร่ำครวญและออกไปจากตรงนี่ ฉันสู้ไม่ถนัดในขณะที่ต้องปกป้องเธอไปด้วย”

“สู้อะไร? …”

ในขณะนั้นไซแอ็กซ์ก็สะดุ้งเมื่อจู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บที่แก้ม

แก้มของเธอถูกบาดและมีเลือดไหลออกมา

“นี่มัน…”

“นั่นคือวิญญาณใช่ไหม?”

อีวานเลิกคิ้วขณะถามเรื่องนี้

ข้างๆโอดินคือร่างที่พร่ามัวของผู้หญิงที่ดวงตาของเธอชี้ไปที่พื้น

ไซแอ็กซ์พึมพำเบาๆ

“สโตเนียวิญญาณแห่งสายลมระดับสูง…”

ตอนนั้นเองที่เธอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

โอดินพยายามฆ่าเธอด้วยพลังของสโตเนีย

ถ้าอีวานไม่ดึงเธอลงมาในขณะนั้นหัวของเธอคงจะหล่นไปที่พื้นแล้ว

"โอดิน…ทำไม…?”

โอดินยังคงยิ้ม

เขายิ้มอย่างสดใสจนฟันขาวๆของเขาดูเปล่งประกาย

“แกน่าจะเป็นหนึ่งในคนนอกที่ไซแอ็กซ์พาเข้ามาและฉันคิดว่าแกน่าก็เป็นนักรบเวทมนตร์ที่คอยทำลายพวกอันเดดที่ฉันสร้าง”

“โห 'อันเดธของแกหรอ'? แกไม่พยายามที่จะซ่อนตัวตนเลยนะ แม้ว่าแกจะเกี่ยวข้องกับราชินีหรืออะไรก็ตาม มันจบแล้วไอ้ระยำ!”

เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าไซแอ็กซ์จะได้ยินเขา

โอดินหัวเราะกับคำพูดของอีวาน

“ฉันพูดอย่างนั้นไปเหรอ? ไม่ว่าในกรณีใดเราก็ต้องปะทะวาจากันอยู่ดี”

“แกดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติ ดีละให้ฉันนี้ช่วยแกในเรื่องนั้นเอง แกน่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่กินหมัดของฉันไปสองสามหมัด”

กระทืบ

ดูขาดสติ?

“คุคุ”

โอดินหัวเราะออกมา

นั่นไม่ใช่เรื่องผิด

เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด

ความกระหายเลือดของเขาพุ่งสูงขึ้น

เขาออกมาเพื่อฆ่าคน ในที่สุดเขาก็เห็นไซแอ็กซ์ แต่เมื่อโอดินพยายามที่จะฆ่าเธอเขากลับล้มเหลว

มันไม่มีอะไรน่ายินดี แต่โอดินกลับมีความสุข

ใช่ เขากำลังมีความสุข

เขารู้สึกถึงการปลดปล่อยที่ทรงพลังอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต

โอดินรู้สึกเหมือนว่าเมฆดำในใจของเขาได้หายไปอย่างแท้จริงในขณะนั้น

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!"

เขาเริ่มหัวเราะเหมือนคนบ้า

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้สึกโล่ง

เป็นเพราะเขาได้เปิดเผยตัวตนในที่สุดและยิ่งไปกว่านั่นยังเป็นในสถานที่ที่เขาเกิดและอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายร้อยปี

"ดี! ดีมาก!"

เขามีสายเลือดของตระกูลพรีดิกวูดซึ่งทำให้เขาเป็นขุนนางในหมู่ไฮเอลฟ์ แต่เขากลับใช้พลังของเดมิก็อดและทำให้ป่าเป็นมลทิน

ความรู้สึกที่ทำผิดศีลธรรมนั่นเสพติดมากจนดูเหมือนจะทำให้สมองของเขาเป็นอัมพาต

โอดินมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ

ลิลันด์หมูบ้านของไฮเอลฟ์ มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในป่าใหญ่เนื่องจากมันอยู่บนยอดรากของฮรูฮิราล

“ฉันมีความคิดที่น่าสนใจ”

พลังงานสีม่วงเริ่มไหลออกมาจากมือของโอดิน

อีวานขมวดคิ้ว

‘ไอ้เวรนี่วางแผนจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา’

ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจเลิกซ่อนตัวตนของเขาอย่างแท้จริง

นี่คือสิ่งที่อีวานอยากเห็น แต่เขาไม่สามารถลดความวิตกกังวลในหัวใจของเขาได้

ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ

“เฮ้เจ้ามนุษย์ แกรู้ไหมว่าทำไมพวกไฮเอลฟ์ถึงเลือกที่นี่เป็นที่ตั้งหมู่บ้าน?”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง?”

“มันเป็นเพราะฮรูฮิราลเป็นต้นไม้โลกที่เชื่อมต่อกับต้นไม้ทุกต้นในป่าใหญ่เรย์นอล ดังนั้นราชินีแห่งป่าจะสามารถเข้าใจสถานการณ์ของป่าใหญ่ได้ทันทีเพียงแค่สังเกตจากต้นไม้โลก เช่นมีกี่เผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ที่นี่คอยตรวจผู้บุกรุกหรือหากป่าถูกมลพิษและยิ่งไปกว่านั่น…”

“แกกำลังพูดถึงอะไร?”

“สิ่งที่ฉันอยากรู้คือ…จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮรูฮิราลที่เป็นเสมือนแม่ของป่าแห่งนี้ต้องตาย?”

“… !!!”

ความตกใจเบ่งบานบนใบหน้าของไซแอ็กซ์

เธอรู้สิ

ถ้าหากฮรูฮิราลตายทุกอย่างในป่าก็จะตาย

“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดเรืองอะไร”

ความตกใจของไซแอ็กซ์นั่นเป็นเรื่องธรรมดา

สำหรับเอลฟ์ ฮรูฮิราลก็เปรียบเสมือนแม่

อย่างน้อยไซแอ็กซ์ก็เชื่อว่าเอลฟ์ทุกคนคิดเช่นนั้น

ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นไฮเอลฟ์หรือวูดเอลฟ์ แม้แต่ดาร์กเอลฟ์ที่ก้าวร้าวกับเกรย์เอลฟ์ที่แยกตัวออกมาหรือไอซ์เอลฟ์ที่อาศัยอยู่ตลอดทางในดินแดนเยือกแข็ง

สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือความจริงที่ว่าคำพูดเหล่านี้มาจากริมฝีปากของคนในตระกูลพรีดิกวูดผู้สูงศักดิ์

"แน่นอนฉันรู้ ฉันรู้ดีกว่าพวกแกทุกคน เพราะฉันเป็นคนของตระกูลพรีดิกวูด”

ร่างของโอดินเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆขณะที่ลมรุนแรงพัดรอบตัวเขา

มันเป็นพลังของสโตเนีย

“นี่ไม่ใช่แผนเดิมของฉัน ฉันตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักพักก่อนออกเดินทางแต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ขณะนี้จิตของฮรูฮิราลนั่นไม่อยู่ซึ่งหมายความว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ ไซแอ็กซ์ฟังฉันให้ดีจากนั้นกลับไปบอกสิ่งที่ฉันจะพูดไปยังน้องสาวของฉันด้วย”

แตก! แตก!

พื้นดินเริ่มแตกและเหล่าปีศาจเริ่มคลานออกมาจากรอยแตก

เหงื่อเย็นๆหยดลงใบหน้าของไซแอ็กซ์

“พี่ชายคนเดียวของเจ้าจะเปลี่ยนป่าใหญ่ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย!”

แสงที่ดุร้ายส่องเข้ามาในดวงตาของโอดิน

ไซแอ็กซ์มองไปที่ปีศาจและกัดริมฝีปากของเธอ

'อันเดดเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าที่เราพบก่อนหน้ามาก'

ทุกคนในหมู่บ้านจะหยุดพวกมันได้หรือไม่?

…ไม่ มันไม่ใช่คำถามอีกต่อไปว่าพวกเขาจะหยุดพวกมันได้หรือไม่

พวกเขาต้องหยุดมัน

แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม!

“อะไรกันเนี่ย? ที่นี่ไม่มีศพสักศพแล้วแกสร้างอันเดดขึ้นมาได้ยังไง?”

อีวานอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสับสน

โอดินหัวเราะ

“แกเข้าใจผิดไปนะ ฉันไม่ใช่เนโครแมนเซอร์ ฉันเป็นอัครสาวกที่มีพลังแห่งความตาย อย่าเปรียบเทียบฉันกับเนโครแมนเซอร์กระจอกๆสิ”

“นั่น”

โอดินหัวเราะและหันไปหาไซแอ็กซ์อีกครั้ง

“ฉันจะฆ่าฮรูฮิราลด้วยอย่างช้าๆ ถ้าฉันใช้พลังทั้งหมดของฉันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหยุดฉันก็แล้วกัน”

“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกทำตามที่แกต้องการหรือ”

“แกจะพูดอย่างนั่นก็ได้แต่แกต้องเอาชนะเพื่อนๆของฉันให้ได้เสียก่อน”

อีวานหัวเราะในขณะที่เขามองดูปีศาจ ความปรารถนาในการต่อสู้ของเขาไหลล้นออกมา

“หลังจากที่พวกแกเล่นกับพวกมันนานๆ แกอาจจะเรียกพวกมันว่าเพื่อนก็ได้นะ”

อีวานกำหมัดแน่นก่อนที่เขาจะแข็งตัวสักครู่แล้วยิ้ม

“พอดีเพื่อนของฉันหน้าตาดีกว่านั่นเยอะ”

"อะไรนะ?"

บรีม!

ในขณะนั้นพายุเพลิงอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าโอดินทำให้การแสดงออกของเขาแข็งกระด้างเมื่อถูกโจมตีด้วยความประหลาดใจ

“กั๊ก!”

โอดินเขย่ามือเขาอย่างรุนแรง

โครงกระดูกที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมดรีบกระโดดหนีเพื่อหลบลูกไฟ แต่พวกมันไม่สามารถหลบมันได้อย่างสมบูรณ์

โอดินเหวี่ยงตัวกลับโดยใช้พลังของสโตเนีย ร่างของเขากลิ้งไปตามพื้นดิน

อีวานหัวเราะให้กับฉากนี้

"ฉันมาสายไปหรือเปล่า?"

“ไม่ ตรงเวลาเป๊ะ”

"ดีแล้ว"

เฟรย์พูดแบบนี้ขณะที่เขามาหยุดอยู่ข้างๆอีวาน

เขามองไปที่โอดินด้วยสายตาที่เฉียบคม

“ฉันคิดว่าเขาจะฉลาดแต่กลับกลายเป็นว่าเขาค่อนข้างโง่ มิฉะนั้นเขาจะไม่มีวันเรียกอันเดดของเขากลางหมู่บ้านหรอก”

“แน่นอนว่าเขาหัวร้อนไปบ้างแล้ว อัครสาวกเป็นแบบนี้กันหมดเลยมั้ย?”

“ฉันคิดว่าอย่างนั้น”

ออเนอลุคล์เองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติอย่างสมบูรณ์เมื่อได้พบกับเขา

“…อย่างไรก็ตามถ้าหากฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ฉันคงจะยั่วโมโหเขาตั้งแต่แรกหรืออาจจะลอบโจมตีเขาก่อนแล้ว”

“ไม่สำคัญหรอก ตอนนี้เราจัดการกับเขาได้เลย”

อีวานยิ้มอย่างมั่นใจขณะที่หมอกควันสีแดงดูเหมือนจะลุกขึ้นจากร่างกายของเขา นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาเข้าสู่โหมดการต่อสู้เต็มรูปแบบ

“…”

โอดินลุกขึ้น

ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆในขณะที่เขากลิ้งไปตามพื้นดินเท่านั้น แต่เขามองไปที่เฟรย์ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออก

"ฉันเข้าใจละมีคนนอกถึงสองคน? นักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสและพ่อมดที่…ทรงพลังเป็นอย่างมาก”

"โอ้โอ้ แกยังมีเวลาพูดมากอยู่อีกนะ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสั่งสอนแกซักหน่อยแล้ว เฟรย์ฉันจะฆ่ามันเอง ”

"ไม่นะเดียวก่อน"

"ทำไม?"

อีวานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยขณะที่ร่างกายของเขาโหยหาการต่อสู้

ในทางกลับกันเฟรย์กำลังสังเกตโอดินอย่างใจเย็น

การเปิดเผยตัวเองในหมู่บ้านเอลฟ์แสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะได้แม้ว่าทั้งหมู่บ้านจะกลายเป็นศัตรูของเขาก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะรู้ว่าเฟรย์และอีวานทรงพลังเพียงใด เขาก็ยังคงสงบนิ่ง

ชิ้ง

เฟรย์เสกไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์จากสร้อยข้อมือ

นี่คือคู่ต่อสู้ที่เขาต้องต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด เช่นเดียวกับที่เขาทำกับออเนอลุคล์

จากนั้นโอดินก็เริ่มพึมพำ

“เดิมทีฉันเคยทำสัญญากับราชันวิญญาณแห่งสายลม”

แม้ว่านี่จะเป็นข้อมูลที่เฟรย์ได้รับมาแล้วจากคามิลล์ แต่ก็ยังแปลกสำหรับเขาที่จะพูดสิ่งนี่ออกมา

อย่างไรก็ตามเฟรย์ยังคงฟังเขา

“แต่ราชันวิญญาณที่หยิ่งผยองไม่สามารถทนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายของฉันได้ ทันทีที่รู้สึกตัวมันก็ดันยกเลิกสัญญา คุคุ ถ้าพลังวิญญาณของฉันแข็งแกร่งพอฉันจะสามารถควบคุมวิญญาณและใช้มันเหมือนหุ่นเชิดได้”

‘วิญญาณมีสติสัมปชัญญะ’

เฟรย์รู้เรื่องนี้เพราะดาร์กมิงวิญญาณที่ทำสัญญากับเขามีบุคลิกในตัวของมันเอง

“การครอบงำทางจิต โอดิน …นี่คุณตั้งใจจะทำสัญญาต้องห้ามจริงๆหรือ?”

ความโกรธชัดเจนขึ้นในดวงตาของไซแอ็กซ์

มันไม่ใช่สัญญาที่เท่าเทียมกันแต่มันเป็นสัญญาทาส

วิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดและอาศัยอยู่ในธรรมชาติ ในทางหนึ่งอาจถือได้ว่าเป็นธรรมชาติในตัวของมันเอง

โดยธรรมชาติแล้วเอลฟ์ที่รักธรรมชาติก็จะได้รับความรักจากวิญญาณ

คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะใช้วิญญาณเป็นเครื่องมือ ยิ่งไปกว่านั้นการบังคับให้พวกเขาเซ็นสัญญาและควบคุมจิตใจของพวกเขานั้นถือเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง

ในขณะนั้นไซแอ็กซ์ตระหนักว่าโอดินได้ละทิ้งความเป็นเอลฟ์ไปอย่างสมบูรณ์

“พลังแห่งความตายนั้นทรงพลังมากแต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปบางอย่าง ฉันจึงได้เรียนรู้ทักษะใหม่”

โอดินถอดกริชออกจากกระเป๋าและกรีดเข้าที่ฝ่ามือของเขาเอง

เลือดไหลจากการบาดแผลและไหลลงบนพื้น

เฟรย์ตระหนักได้ทันทีถึงทักษะที่เขาได้เรียนรู้มา

"สัญญา แกเซ็นสัญญากับปีศาจ?”

“พวกมันมีพลังในการต้านทานเดมิก็อดซึ่งไม่เหมือนกับพวกวิญญาณ โชคดีที่ฉันมีความสามารถมากจึงสามารถทำสัญญาได้”

ตราประทับสีเลือดปรากฏขึ้นที่พื้น

เฟรย์คิ้วขมวดเมื่อเห็นสิ่งนี้เพราะมันเป็นตราประทับที่เขาคุ้นเคย

รูปร่างของประทับตราขึ้นอยู่กับปีศาจที่ถูกอัญเชิญ

และเฟรย์ก็รู้ตราที่โอดินกำลังใช้เป็นอย่างดี

“แกจะอัญเชิญอาชูร่า”

โอดินยืนตัวแข็งไปสักครู่ก่อนจะพูด

“…ดูเหมือนว่าแกจะรู้เรื่องปีศาจอยู่บ้าง แต่การรู้ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

เฟรย์ลดไม้เท้าลงขณะที่มีแสงประหลาดส่องเข้าตา

อาชูร่า อาชูร่า

หนึ่งในสามของแกรนปีศาจแห่งโลกความตายที่เคยทำสัญญากับไอริสไพลส์ฟาวเดอร์

ถ้าโอดินตั้งใจที่จะเรียกอาชูร่าออกมาเฟรย์ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเขา

เพราะนี่อาจเป็นโอกาส

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด