บทที่ 81 โอดิน(1)
โอดินพรีดิกวูดกลายเป็นอัครสาวกได้ไม่นาน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ทำให้พลังของนอซด็อกกลายมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์
นี่เป็นเรื่องธรรมดา
อะโพคาลิปส์แข็งแกร่งกว่าเดมิก็อดอื่นๆมาก ยิ่งไปกว่านั้นแม้ในหมู่อะโพคาลิปส์ด้วยกันพลังของนอซด็อกก็เป็นพลังแห่งความตายที่อันตรายและผันผวนอย่างยิ่ง
เขารู้เรื่องนั้นหลังจากที่กลายเป็นอัครสาวก
เขาปฏิบัติต่อพลังของเขาอย่างระมัดระวังเสมอ อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่เขาไม่รู้
เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำจากพลังของนอซด็อกเขาจำเป็นต้องปลดปล่อยความกระหายเลือดที่สะสมอยู่ตลอดเวลา
“กั๊ก…”
โอดินครางและกำหัวของเขา
ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ
'มันยากขึ้นเรือยๆที่จะระงับความกระหายเลือด'
เมื่อเขาอยู่นอกป่าเขาไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการเหล่านี้เพราะเขาสามารถฆ่าคนได้ทุกวัน
อย่างไรก็ตามหลังจากกลับเข้าไปที่ป่าใหญ่เขาก็ฆ่าใครไม่ได้
เพียงไม่กี่วันเขาก็มาถึงสถานะลงแดงนี้แล้ว
‘ฉันอยากจะฆ่า’
ไม่เขาต้องฆ่า
ถ้าหากเขายังคงยับยั้งความรู้สึกนี้มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าตาย
การมองเห็นของเขากลายเป็นสีแดง
ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร เขาอยากจะฆ่าใครสักคน
เขาต้องการแยกเนื้อออกระบายเลือดเลาะลำไส้ออกแล้วทุบกระดูกเป็นชิ้นๆ
โอดินเกาไหล่ของเขาอย่างบ้าคลั่ง
มันรุนแรงมากจนผิวหนังของเขาแตกและเลือดเริ่มไหลออกมา
อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดทำให้หัวของเขาเย็นลง
"ไปหาฆ่าคนดีกว่า"
โอดินออกจากบ้านทันทีที่ตัดสินใจ
สิ่งที่เขาต้องทำคือห้ามใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเท่านั้น
แน่นอนโอดินมีความสามารถในการฆ่าใครบางคนและปกปิดร่องรอยของเขาโดยไม่ต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา
“…”
จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาใกล้ลำธาร
โอดินสังเกตเธอจากด้านข้าง
ใบหน้าที่สวยงามของเธอคุ้นเคยและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้ว่าเธอเป็นใคร
เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เคยออกไปเที่ยวกับสโนว์บ่อยๆก่อนที่สโนว์จะได้เป็นราชินี
“ไซแอ็กซ์”
โอดินยิ้มขณะที่เขากระซิบชื่อเธอ
* * *
“ฮู…”
ไซแอ็กซ์หลับตาลงขณะถอนหายใจ
เธอรู้สึกเหนื่อย
เธอไม่คิดว่าเธอจะนอนหลับเกินห้าชั่วโมงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
นี่เป็นเรืองปกติถ้าหากเธอเป็นทหารรับจ้าง แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะต้องทำแม้จะกลับบ้านแล้วก็ตาม
ร่างกายของเธอเรียกร้องการพักผ่อน
‘วันนี่ก็พอแค่นี่ละกัน’
มันเป็นเวลาดึกแล้ว การไปเยี่ยมใครบางคนในเวลานี้จะเป็นเรืองที่เสียมารยาท
เมื่อเธอตัดสินใจเธอก็หันกลับมา
"อา"
มีคนยืนอยู่ข้างหลังเธอ ไซแอ็กซ์ยืนแข็งตัวชั่วขณะ
“ฉันทำให้เธอตกใจหรอ? ฉันขอโทษ”
เธอได้ยินเสียงแผ่วเบาในขณะนั้นเมฆที่ปกคลุมดวงจันทร์ก็ได้เคลื่อนตัวและส่องแสงสว่างบนร่างของบุคคลนั้น
เมื่อเห็นใบหน้าที่เปิดเผยไซแอ็กซ์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นั้นคือโอดินพรีดิกวูด เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสเอลฟ์และพี่ชายของสโนว์
และเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับไซแอ็กซ์
"ท่านโอดิน”
“สวัสดี”
โอดินส่งรอยยิ้มสดใสตามปกติให้เธอ
ในขณะนั้นไซแอ็กซ์แข็งตัวไปชั่วขณะ ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
‘…มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ’
“คุณมาทำอะไรที่นี่ดึกๆหรือไซแอ็กซ์?”
“อ่าฉันเดาว่าคุณยังไม่รู้แต่ฉันพาคนนอกสองคนเข้ามาในหมู่บ้าน ฉันต้องจัดการกับบางสิ่งในขณะที่รายงานเรื่องพวกเขาให้…”
“คนนอก?”
“พวกเขากำลังช่วยฉันตามหาเนโครแมนเซอร์ที่แผงตัวอยู่รอบๆป่าใหญ่เมื่อเร็วๆนี้”
“…”
"ท่านโอดิน?”
"อา.. ขออภัย ฉันเหนื่อยนิดหน่อย …คุณนี่เองที่รับผิดชอบในการค้นหาเนโครแมนเซอร์ ”
มันเป็นภารกิจที่สโนว์มอบให้เธอ
ไซแอ็กซ์พยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
"ถูกตัอง"
“คุณมีเบาะแสแล้วหรือยัง?”
“น่าเสียดายที่ไม่มีเลย…”
"ฉันเข้าใจแล้วละ"
กระทืบ
โอดินพึมพำเบาๆขณะที่เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ
เมื่อเธอเห็นสิ่งนี้ความรู้สึกแปลกๆที่เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
มันคล้ายกับความรู้สึกเหมือนเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย
'เกิดอะไรขึ้น?'
โอดินเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่ปกป้องหมู่บ้านและเขาก็มีสายเลือดอันสูงส่งของตระกูลพรีดิกวูดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขา
เขาเป็นหนึ่งในเอลฟ์ที่ทำงานหนักกว่าคนอื่นๆเพื่อที่จะรักษาความสงบในป่าใหญ่
นอกจากนี้เขายังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไซแอ็กซ์มาเกือบหนึ่งร้อยปี
ในความเป็นจริงไซแอ็กซ์ถือว่ายังเด็กอยู่ เธอยังนับถือโอดินเป็นเหมือนพี่ชายของเธอ
เธอเป็นคนขี้อายดังนั้นเธอจึงไม่เคยแสดงหรือพูดอะไรมาก แต่มันเป็นความคิดของเธอที่ไม่เป็นอย่างนั่น
‘ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน?’
ในขณะที่เธอพยายามจัดเรียงความรู้สึกของเธอโอดินก็ยังคงค่อยๆเดินเข้าหาเธอ
ไซแอ็กซ์ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
น้ำเย็นๆจากลำธารทำให้ข้อเท้าของเธอเปียกแต่กระดูกสันหลังของเธอก็หนาวเย็นเช่นกัน
“ไซแอ็กซ์”
ในขณะที่โอดินกระซิบชื่อของเธอ
สาด
ไซแอ็กซ์ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปในลำธารทำให้น้ำกระเซ็นขึ้น
เธอไม่ได้ล้มลง
มีคนดึงเธอลงมา
เธอเห็นหลังของชายคนหนึ่ง
เป็นชายที่มีร่างกายใหญ่โตและมีกล้ามเนื้อที่เธอสังเกตเห็นได้ทุกที่
“อีวาน…?”
“ไง!”
อีวานปัดหน้าม้าขณะที่ตอบเธอ ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเพราะผมเขายังเปียกอยู่
ไซแอ็กซ์รู้สึกสับสนและอดไม่ได้ที่จะถาม
“นี่มันเรื่องอะไรกันอีวาน?”
“ช่างเป็นคำพูดที่หยาบคายกับคนที่ช่วยชีวิตเธอนะ หยุดคร่ำครวญและออกไปจากตรงนี่ ฉันสู้ไม่ถนัดในขณะที่ต้องปกป้องเธอไปด้วย”
“สู้อะไร? …”
ในขณะนั้นไซแอ็กซ์ก็สะดุ้งเมื่อจู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บที่แก้ม
แก้มของเธอถูกบาดและมีเลือดไหลออกมา
“นี่มัน…”
“นั่นคือวิญญาณใช่ไหม?”
อีวานเลิกคิ้วขณะถามเรื่องนี้
ข้างๆโอดินคือร่างที่พร่ามัวของผู้หญิงที่ดวงตาของเธอชี้ไปที่พื้น
ไซแอ็กซ์พึมพำเบาๆ
“สโตเนียวิญญาณแห่งสายลมระดับสูง…”
ตอนนั้นเองที่เธอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
โอดินพยายามฆ่าเธอด้วยพลังของสโตเนีย
ถ้าอีวานไม่ดึงเธอลงมาในขณะนั้นหัวของเธอคงจะหล่นไปที่พื้นแล้ว
"โอดิน…ทำไม…?”
โอดินยังคงยิ้ม
เขายิ้มอย่างสดใสจนฟันขาวๆของเขาดูเปล่งประกาย
“แกน่าจะเป็นหนึ่งในคนนอกที่ไซแอ็กซ์พาเข้ามาและฉันคิดว่าแกน่าก็เป็นนักรบเวทมนตร์ที่คอยทำลายพวกอันเดดที่ฉันสร้าง”
“โห 'อันเดธของแกหรอ'? แกไม่พยายามที่จะซ่อนตัวตนเลยนะ แม้ว่าแกจะเกี่ยวข้องกับราชินีหรืออะไรก็ตาม มันจบแล้วไอ้ระยำ!”
เขาพูดในสิ่งที่เขาอยากพูดราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าไซแอ็กซ์จะได้ยินเขา
โอดินหัวเราะกับคำพูดของอีวาน
“ฉันพูดอย่างนั้นไปเหรอ? ไม่ว่าในกรณีใดเราก็ต้องปะทะวาจากันอยู่ดี”
“แกดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติ ดีละให้ฉันนี้ช่วยแกในเรื่องนั้นเอง แกน่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่กินหมัดของฉันไปสองสามหมัด”
กระทืบ
ดูขาดสติ?
“คุคุ”
โอดินหัวเราะออกมา
นั่นไม่ใช่เรื่องผิด
เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด
ความกระหายเลือดของเขาพุ่งสูงขึ้น
เขาออกมาเพื่อฆ่าคน ในที่สุดเขาก็เห็นไซแอ็กซ์ แต่เมื่อโอดินพยายามที่จะฆ่าเธอเขากลับล้มเหลว
มันไม่มีอะไรน่ายินดี แต่โอดินกลับมีความสุข
ใช่ เขากำลังมีความสุข
เขารู้สึกถึงการปลดปล่อยที่ทรงพลังอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต
โอดินรู้สึกเหมือนว่าเมฆดำในใจของเขาได้หายไปอย่างแท้จริงในขณะนั้น
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!"
เขาเริ่มหัวเราะเหมือนคนบ้า
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรู้สึกโล่ง
เป็นเพราะเขาได้เปิดเผยตัวตนในที่สุดและยิ่งไปกว่านั่นยังเป็นในสถานที่ที่เขาเกิดและอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายร้อยปี
"ดี! ดีมาก!"
เขามีสายเลือดของตระกูลพรีดิกวูดซึ่งทำให้เขาเป็นขุนนางในหมู่ไฮเอลฟ์ แต่เขากลับใช้พลังของเดมิก็อดและทำให้ป่าเป็นมลทิน
ความรู้สึกที่ทำผิดศีลธรรมนั่นเสพติดมากจนดูเหมือนจะทำให้สมองของเขาเป็นอัมพาต
โอดินมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ
ลิลันด์หมูบ้านของไฮเอลฟ์ มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในป่าใหญ่เนื่องจากมันอยู่บนยอดรากของฮรูฮิราล
“ฉันมีความคิดที่น่าสนใจ”
พลังงานสีม่วงเริ่มไหลออกมาจากมือของโอดิน
อีวานขมวดคิ้ว
‘ไอ้เวรนี่วางแผนจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขา’
ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจเลิกซ่อนตัวตนของเขาอย่างแท้จริง
นี่คือสิ่งที่อีวานอยากเห็น แต่เขาไม่สามารถลดความวิตกกังวลในหัวใจของเขาได้
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ
“เฮ้เจ้ามนุษย์ แกรู้ไหมว่าทำไมพวกไฮเอลฟ์ถึงเลือกที่นี่เป็นที่ตั้งหมู่บ้าน?”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
“มันเป็นเพราะฮรูฮิราลเป็นต้นไม้โลกที่เชื่อมต่อกับต้นไม้ทุกต้นในป่าใหญ่เรย์นอล ดังนั้นราชินีแห่งป่าจะสามารถเข้าใจสถานการณ์ของป่าใหญ่ได้ทันทีเพียงแค่สังเกตจากต้นไม้โลก เช่นมีกี่เผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ที่นี่คอยตรวจผู้บุกรุกหรือหากป่าถูกมลพิษและยิ่งไปกว่านั่น…”
“แกกำลังพูดถึงอะไร?”
“สิ่งที่ฉันอยากรู้คือ…จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮรูฮิราลที่เป็นเสมือนแม่ของป่าแห่งนี้ต้องตาย?”
“… !!!”
ความตกใจเบ่งบานบนใบหน้าของไซแอ็กซ์
เธอรู้สิ
ถ้าหากฮรูฮิราลตายทุกอย่างในป่าก็จะตาย
“คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดเรืองอะไร”
ความตกใจของไซแอ็กซ์นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
สำหรับเอลฟ์ ฮรูฮิราลก็เปรียบเสมือนแม่
อย่างน้อยไซแอ็กซ์ก็เชื่อว่าเอลฟ์ทุกคนคิดเช่นนั้น
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นไฮเอลฟ์หรือวูดเอลฟ์ แม้แต่ดาร์กเอลฟ์ที่ก้าวร้าวกับเกรย์เอลฟ์ที่แยกตัวออกมาหรือไอซ์เอลฟ์ที่อาศัยอยู่ตลอดทางในดินแดนเยือกแข็ง
สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือความจริงที่ว่าคำพูดเหล่านี้มาจากริมฝีปากของคนในตระกูลพรีดิกวูดผู้สูงศักดิ์
"แน่นอนฉันรู้ ฉันรู้ดีกว่าพวกแกทุกคน เพราะฉันเป็นคนของตระกูลพรีดิกวูด”
ร่างของโอดินเริ่มลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆขณะที่ลมรุนแรงพัดรอบตัวเขา
มันเป็นพลังของสโตเนีย
“นี่ไม่ใช่แผนเดิมของฉัน ฉันตั้งใจว่าจะพักผ่อนสักพักก่อนออกเดินทางแต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ขณะนี้จิตของฮรูฮิราลนั่นไม่อยู่ซึ่งหมายความว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ ไซแอ็กซ์ฟังฉันให้ดีจากนั้นกลับไปบอกสิ่งที่ฉันจะพูดไปยังน้องสาวของฉันด้วย”
แตก! แตก!
พื้นดินเริ่มแตกและเหล่าปีศาจเริ่มคลานออกมาจากรอยแตก
เหงื่อเย็นๆหยดลงใบหน้าของไซแอ็กซ์
“พี่ชายคนเดียวของเจ้าจะเปลี่ยนป่าใหญ่ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย!”
แสงที่ดุร้ายส่องเข้ามาในดวงตาของโอดิน
ไซแอ็กซ์มองไปที่ปีศาจและกัดริมฝีปากของเธอ
'อันเดดเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าที่เราพบก่อนหน้ามาก'
ทุกคนในหมู่บ้านจะหยุดพวกมันได้หรือไม่?
…ไม่ มันไม่ใช่คำถามอีกต่อไปว่าพวกเขาจะหยุดพวกมันได้หรือไม่
พวกเขาต้องหยุดมัน
แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม!
“อะไรกันเนี่ย? ที่นี่ไม่มีศพสักศพแล้วแกสร้างอันเดดขึ้นมาได้ยังไง?”
อีวานอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสับสน
โอดินหัวเราะ
“แกเข้าใจผิดไปนะ ฉันไม่ใช่เนโครแมนเซอร์ ฉันเป็นอัครสาวกที่มีพลังแห่งความตาย อย่าเปรียบเทียบฉันกับเนโครแมนเซอร์กระจอกๆสิ”
“นั่น”
โอดินหัวเราะและหันไปหาไซแอ็กซ์อีกครั้ง
“ฉันจะฆ่าฮรูฮิราลด้วยอย่างช้าๆ ถ้าฉันใช้พลังทั้งหมดของฉันจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหยุดฉันก็แล้วกัน”
“แกคิดว่าฉันจะปล่อยให้แกทำตามที่แกต้องการหรือ”
“แกจะพูดอย่างนั่นก็ได้แต่แกต้องเอาชนะเพื่อนๆของฉันให้ได้เสียก่อน”
อีวานหัวเราะในขณะที่เขามองดูปีศาจ ความปรารถนาในการต่อสู้ของเขาไหลล้นออกมา
“หลังจากที่พวกแกเล่นกับพวกมันนานๆ แกอาจจะเรียกพวกมันว่าเพื่อนก็ได้นะ”
อีวานกำหมัดแน่นก่อนที่เขาจะแข็งตัวสักครู่แล้วยิ้ม
“พอดีเพื่อนของฉันหน้าตาดีกว่านั่นเยอะ”
"อะไรนะ?"
บรีม!
ในขณะนั้นพายุเพลิงอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าโอดินทำให้การแสดงออกของเขาแข็งกระด้างเมื่อถูกโจมตีด้วยความประหลาดใจ
“กั๊ก!”
โอดินเขย่ามือเขาอย่างรุนแรง
โครงกระดูกที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมดรีบกระโดดหนีเพื่อหลบลูกไฟ แต่พวกมันไม่สามารถหลบมันได้อย่างสมบูรณ์
โอดินเหวี่ยงตัวกลับโดยใช้พลังของสโตเนีย ร่างของเขากลิ้งไปตามพื้นดิน
อีวานหัวเราะให้กับฉากนี้
"ฉันมาสายไปหรือเปล่า?"
“ไม่ ตรงเวลาเป๊ะ”
"ดีแล้ว"
เฟรย์พูดแบบนี้ขณะที่เขามาหยุดอยู่ข้างๆอีวาน
เขามองไปที่โอดินด้วยสายตาที่เฉียบคม
“ฉันคิดว่าเขาจะฉลาดแต่กลับกลายเป็นว่าเขาค่อนข้างโง่ มิฉะนั้นเขาจะไม่มีวันเรียกอันเดดของเขากลางหมู่บ้านหรอก”
“แน่นอนว่าเขาหัวร้อนไปบ้างแล้ว อัครสาวกเป็นแบบนี้กันหมดเลยมั้ย?”
“ฉันคิดว่าอย่างนั้น”
ออเนอลุคล์เองก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติอย่างสมบูรณ์เมื่อได้พบกับเขา
“…อย่างไรก็ตามถ้าหากฉันรู้ว่าเขาเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ฉันคงจะยั่วโมโหเขาตั้งแต่แรกหรืออาจจะลอบโจมตีเขาก่อนแล้ว”
“ไม่สำคัญหรอก ตอนนี้เราจัดการกับเขาได้เลย”
อีวานยิ้มอย่างมั่นใจขณะที่หมอกควันสีแดงดูเหมือนจะลุกขึ้นจากร่างกายของเขา นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาเข้าสู่โหมดการต่อสู้เต็มรูปแบบ
“…”
โอดินลุกขึ้น
ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆในขณะที่เขากลิ้งไปตามพื้นดินเท่านั้น แต่เขามองไปที่เฟรย์ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออก
"ฉันเข้าใจละมีคนนอกถึงสองคน? นักรบเวทมนตร์ระดับเฟิร์สคลาสและพ่อมดที่…ทรงพลังเป็นอย่างมาก”
"โอ้โอ้ แกยังมีเวลาพูดมากอยู่อีกนะ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องสั่งสอนแกซักหน่อยแล้ว เฟรย์ฉันจะฆ่ามันเอง ”
"ไม่นะเดียวก่อน"
"ทำไม?"
อีวานรู้สึกรำคาญเล็กน้อยขณะที่ร่างกายของเขาโหยหาการต่อสู้
ในทางกลับกันเฟรย์กำลังสังเกตโอดินอย่างใจเย็น
การเปิดเผยตัวเองในหมู่บ้านเอลฟ์แสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะได้แม้ว่าทั้งหมู่บ้านจะกลายเป็นศัตรูของเขาก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะรู้ว่าเฟรย์และอีวานทรงพลังเพียงใด เขาก็ยังคงสงบนิ่ง
ชิ้ง
เฟรย์เสกไม้เท้าแห่งมหานักปราชญ์จากสร้อยข้อมือ
นี่คือคู่ต่อสู้ที่เขาต้องต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด เช่นเดียวกับที่เขาทำกับออเนอลุคล์
จากนั้นโอดินก็เริ่มพึมพำ
“เดิมทีฉันเคยทำสัญญากับราชันวิญญาณแห่งสายลม”
แม้ว่านี่จะเป็นข้อมูลที่เฟรย์ได้รับมาแล้วจากคามิลล์ แต่ก็ยังแปลกสำหรับเขาที่จะพูดสิ่งนี่ออกมา
อย่างไรก็ตามเฟรย์ยังคงฟังเขา
“แต่ราชันวิญญาณที่หยิ่งผยองไม่สามารถทนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายของฉันได้ ทันทีที่รู้สึกตัวมันก็ดันยกเลิกสัญญา คุคุ ถ้าพลังวิญญาณของฉันแข็งแกร่งพอฉันจะสามารถควบคุมวิญญาณและใช้มันเหมือนหุ่นเชิดได้”
‘วิญญาณมีสติสัมปชัญญะ’
เฟรย์รู้เรื่องนี้เพราะดาร์กมิงวิญญาณที่ทำสัญญากับเขามีบุคลิกในตัวของมันเอง
“การครอบงำทางจิต โอดิน …นี่คุณตั้งใจจะทำสัญญาต้องห้ามจริงๆหรือ?”
ความโกรธชัดเจนขึ้นในดวงตาของไซแอ็กซ์
มันไม่ใช่สัญญาที่เท่าเทียมกันแต่มันเป็นสัญญาทาส
วิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือกำเนิดและอาศัยอยู่ในธรรมชาติ ในทางหนึ่งอาจถือได้ว่าเป็นธรรมชาติในตัวของมันเอง
โดยธรรมชาติแล้วเอลฟ์ที่รักธรรมชาติก็จะได้รับความรักจากวิญญาณ
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะใช้วิญญาณเป็นเครื่องมือ ยิ่งไปกว่านั้นการบังคับให้พวกเขาเซ็นสัญญาและควบคุมจิตใจของพวกเขานั้นถือเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
ในขณะนั้นไซแอ็กซ์ตระหนักว่าโอดินได้ละทิ้งความเป็นเอลฟ์ไปอย่างสมบูรณ์
“พลังแห่งความตายนั้นทรงพลังมากแต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปบางอย่าง ฉันจึงได้เรียนรู้ทักษะใหม่”
โอดินถอดกริชออกจากกระเป๋าและกรีดเข้าที่ฝ่ามือของเขาเอง
เลือดไหลจากการบาดแผลและไหลลงบนพื้น
เฟรย์ตระหนักได้ทันทีถึงทักษะที่เขาได้เรียนรู้มา
"สัญญา แกเซ็นสัญญากับปีศาจ?”
“พวกมันมีพลังในการต้านทานเดมิก็อดซึ่งไม่เหมือนกับพวกวิญญาณ โชคดีที่ฉันมีความสามารถมากจึงสามารถทำสัญญาได้”
ตราประทับสีเลือดปรากฏขึ้นที่พื้น
เฟรย์คิ้วขมวดเมื่อเห็นสิ่งนี้เพราะมันเป็นตราประทับที่เขาคุ้นเคย
รูปร่างของประทับตราขึ้นอยู่กับปีศาจที่ถูกอัญเชิญ
และเฟรย์ก็รู้ตราที่โอดินกำลังใช้เป็นอย่างดี
“แกจะอัญเชิญอาชูร่า”
โอดินยืนตัวแข็งไปสักครู่ก่อนจะพูด
“…ดูเหมือนว่าแกจะรู้เรื่องปีศาจอยู่บ้าง แต่การรู้ไม่ได้หมายความว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
เฟรย์ลดไม้เท้าลงขณะที่มีแสงประหลาดส่องเข้าตา
อาชูร่า อาชูร่า
หนึ่งในสามของแกรนปีศาจแห่งโลกความตายที่เคยทำสัญญากับไอริสไพลส์ฟาวเดอร์
ถ้าโอดินตั้งใจที่จะเรียกอาชูร่าออกมาเฟรย์ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเขา
เพราะนี่อาจเป็นโอกาส