ตอนที่แล้วตอนที่ 12 โอสถอ่อนเยาว์
ทั้งหมดรายชื่อตอน

ตอนที่ 13 ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ


เจิ้งโม่เอ๋อร์ รู้สึกตกตะลึงและหันศีรษะกลับมาอย่างรวดเร็วจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาอ้อนวอน

ฉินหยู ได้หยิบขวดหยกออกมาและเทโอสถเม็ดลงบนมือของเขา"เท่านี้เพียงหรือไม่?"

ใบหน้าของ เจิ้งเฉินหมิง เต็มไปด้วยรอยยิ้มและพึมพัมออกมา"พอแล้ว! ยิ่งกว่าพอเสียอีก!"

สิ่งที่ ฉินหยู เทออกมา คือโอสถรวมปราณที่สมบูรณ์แบบที่สุด 4 เม็ด

"นี่คือโฮสถรวมปราณที่ท่านปรมาจารย์มอบให้ข้าไว้ใช้บ่มเพาะพลัง ในเมื่อ ตระกูลเจิ้งต้องการมัน ข้าจะให้เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ละกัน"

"มิกล้า! สหายน้อย เช่นนั้นถือว่าเจ้าก็เป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา!"เจิ้งเฉินหมิง ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้เดินไปหยิบโอสถรวมปราณคุณภาพสูงนี้มานางมองไปที่มันอย่างระวังและโค้งคำนับทันที

หลังจากทิ้งของขวัญที่นำมาไว้ที่นี่แล้ว คนของตระกูล เจิ้ง ทั้งหมดก็จากไป

ขณะที่ ฉินหยู กำลังจะปิดประตู เรือนร่างที่สง่างามก็ได้ปรากฏขึ้นที่ถนน มันได้ดึงดูดความสนใจของเขา"คุณหนูหนิงหลิงมีธุระอะไรงั้นหรือ?"

หนิงหลิง ได้พูดอย่างเฉยเมย"โม่เอ๋อร์ ได้บอกไปแล้วว่านางยินยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดสำหรับโอสถเหล่านั้น และ ข้าก็เข้าใจนางดีว่าที่นางพูดมาทั้งหมดก็หมายความตามนั้นจริง ๆ สหายเต๋าฉินหยู ไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสทองงั้นเหรอ?"

ฉินหยู ได้ฝืนยิ้มออกมา"คุณหนูหนิงหลิง อย่าได้ล้อข้าเล่นเลย ข้าไม่ได้คิดอะไรอื่นนอกจากนี้ข้าเพียงแค่ทำให้คนของตระกูลเจิ้งรู้สึกติดค้างเรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น"

หนิงหลิง ได้มองไปที่อีกฝ่ายราวกับว่ากำลังตรวจสอบสถานะของเขา สิ่งนี้ ทำให้ใบหน้าของ ฉินหยู แทบก้มลงทันที จากนั้นนางก็พูดขึ้น"ข้ามีทักษะอยู่อย่างนึงหากใช้ร่วมกับจี้นั่นแล้วแม้แต่ผู้ฝึกพลังขั้นก่อตั้งวิญญาณก็ยากที่จะตรวจจับอะไรได้"

ความสามารถในการซ่อนตัวจากผู้ฝึกพลังขั้นก่อตั้งวิญญาณนั้นไม่ธรรมดา แต่นางกลับจะมอบทักษะเช่นนี้ให้เขา

ฉินหยู ก้มมองลงไปที่จี้ที่อยู่บนหน้าอกของเขา จากนั้นเขาก็นึกภาพใต้กระโปรงของหนิงหลิงก่อนหน้านี้นี่ทำให้ใบหน้าของเขาแดงมากขึ้น

"เอ่อ...ขอบคุณมากคุณหนูหนิงหลิง"

เขาได้รับเอาทักษะมาและมองไปที่อีกฝ่ายเชิงรู้สึกผิดเล็กน้อย"บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"

หนิงหลิง ได้ยิ้มเบา ๆ และตอบกลับ"โชคดีที่แผลไม่ได้ติดเชื้อไม่งั้น..."

เสียงของนางได้หยุดชะงักลงทันทีและเงยหน้าขึ้นมองไปที่ ฉินหยู พร้อมกับแววตาเย็นเยือกที่ปลดปล่อยออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ

"สหายเต๋าฉินหยู ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าบาดเจ็บ?"

หน้าผากของฉินหยูได้ปรากฏเหงื่อเย็นไหลออกมา"กลิ่น! ใช่เป็นกลิ่น ข้าค่อนข้างมีสัมผัสไวกับกลิ่นคาวเลือดเป็นอย่างมาก ดังนั้น ข้าจึงคิดว่าคุณหนูหลิงหนิง ท่านจะต้องบาดเจ็บอย่างแน่น...แค่ก...ขอโทษที ข้าต้องไปช่วยท่านปรมาจารย์ปรุงยาแล้ว ลาก่อนคุณหนูหลิงหนิง"

ฉินหยู ได้หันหลังและเดินจากไปด้วยท่าทีตื่นตระหนกทันที

หนิงหลิง ได้กัดริมฝีปากของนางแน่นและมองไปที่ทางเข้าประตูด้วยใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวและอับอาย แต่ก็ถอนหายใจออกมา 'ฉินหยู คนนี้ ไร้ยางอายจริง ๆ เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นคนเห็นใต้กระโปรงของนางในตอนนั้นแต่ยังหาข้ออ้างมากล่าวถามเรื่องเหล่านี้?'

สิ่งที่ โม่เอ๋อร์ พูดนั้นถูกต้อง ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างไร้ยางอาย!

หนิงหลิง ได้หันหลังและจากไปด้วยท่าทีที่อับอายอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็นนัก

หลังจาก นางจากไป เงาร่างคนกลุ่มนึงก็ปรากฏขึ้นนอกลานบ้านและมองไปที่ทิศทางที่นางจากไปด้วยสีหน้าชื่นชม

สมกับเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์จริง ๆ แม้แต่ความสัมพันธ์หญิงสาว ก็ยังมีความสามารถที่โดดเด่นเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกนับถือ

แต่ก็มีกลุ่มคนบางคนพวกเขาได้สั่นศีรษะและรู้สึกอิจฉา ฉินหยู เมืองตงหลิวแห่งนี้ ได้รู้ข่าวเกี่ยวกับปรมาจารย์นักปรุงยา และ ลูกศิษย์ของเขา ศิษย์ของปรมาจารย์ได้พูดคุยอย่างสนิทสนมกับเทพธิดาหนิงหลิง นี่ทำให้ สายตาของชายหนุ่มนับไม่ถ้วนนั้นร้อนผ่าว หากไม่ใช่เพราะว่าชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของปรมาจารย์บางทีลานแห่งนี้คงจะถูกถล่มเละไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ตระกูลเจิ้ง หลังจากได้รับโอสถรวมปราณที่สมบูรณ์แล้ว เจิ้งจงซิว ก็ฟื้นคืนสติกลับมาจากความสิ้นหวังเขารู้สึกขอบคุณ ฉินหยู อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปเยี่ยมเยือน

"ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณของน้องฉินเลย สักวันข้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน!"ท่าทางของชายวัยกลางคน เจิ้งจงซิว ค่อนข้างมีความสุข หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ก็ทำให้เขารอดพ้นจากความสิ้นหวังกลับมาได้

ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนแสดงความจริงใจออกมา

ฉินหยู ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยความจริงใจเหล่านี้เขาได้กล่าวทักทายอย่างเหมาะสม"พี่เจิ้ง ก็พูดเกินไป เพียงแค่โอสถรวมปราณเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีค่าพอให้พูดถึงเรื่องบุญคุณอะไรหรอก"

เจิ้งจงซิว ได้หัวเราะทันที แต่การแสดงออกของเขาเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้ เขาได้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปลายสุดของลานและถอนหายใจ"ข้าล่ะอิจฉาน้องฉินจริง ๆ มีโอกาสได้เดินทางและร่ำเรียนกับท่านปรมาจารย์ ข้าเองก็หวังว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ในอนาคต"

ฉินหยู ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับการปรุงยา แต่ทว่า ' ปรมาจารย์นักปรุงยา' ที่ว่านี้ไม่มีอยู่ตรง แม้ว่าเขาจะรู้สึกชื่นชม เจิ้งจงซิว แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายได้

เห็น ฉินหยู เงียบ เจิ้งจงซิว คิดว่าตัวเองกำลังทำให้ ฉินหยู รู้สึกลำบากใจ"น้องฉิน เจ้าไม่ต้องคิดมากกับเรื่องนี้ ข้าเพียงแค่พูดพร่ำไปเรื่อย ในโลกที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แม้จะไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนกับท่านปรมาจารย์ แต่ข้าก็ยังมีโอกาสอื่น ๆ อีกมากมาย ข้าคิดว่าข้าจะเดินทางไปยัง หุบเขาอมตะโบราณ และ เข้าร่วมกับนิกายที่เชี่ยวชาญในการปรุงยา ถ้าน้องฉินมีโอกาสได้เดินทางไปที่นั่นพวกเราคงมีวาสนาได้พบกัน"

เมื่อเขาพูดจบเขาก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานและเดินออกจากลานบ้านไป

ฉินหยู ได้ส่งยิ้มออกมา"คนผู้นี้ค่อนข้างมีอัธยาศัยที่ดีแม้จะพบกันแค่ครั้งเดียวข้าก็สามารถสัมผัสความจริงใจของเขาได้"

เจิ้งจงซิว เป็นคนที่ค่อนข้างน่าคบหา 'ถ้าหากมีวาสนาพวกเราคงได้พบกันอีก'

ครึ่งวันหลังจากที่ เจิ้งจงซิว จากไป เจิ้งโม่เอ๋อร์ ก็ปรากฏตัวขึ้น และ มองไปที่ ฉินหยู ด้วยท่าทีสุภาพ โดยเฉพาะสายตาของนางที่ดูมีความเคารพและดูใสซื่อมากขึ้น

"พี่ใหญ่ฉิน ท่านลุงมาบอกลาท่านใช่หรือไม่? เป็นเพราะท่านแท้ ๆ ที่ช่วยท่านลุงเอาไว้ ข้ารู้สึกมีความสุขมากและเสียใจที่ทำตัวเสียมารยาทกับพี่ใหญ่ฉินไป หวังว่าท่านจะไม่ถือสา"เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้มองไปที่ ฉินหยู ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

"โอสถรวมปราณที่สมบูรณ์นั่นล้ำค่ามาก สิ่งของที่ตระกูลเจิ้งมอบให้ล้วนเป็นของธรรมดาไม่คู่ควรกับสิ่งที่ท่านให้มาเลย หากพี่ใหญ่ฉิน มีข้อเรียกร้องใด ๆ น้องสาวคนนี้ ในฐานะตัวแทนของตระกูลเจิ้ง จะตอบสนองต่อความต้องการของท่านเอง"

ไม่สิ ! แทนที่จะเป็นตัวแทนของตระกูลเจิ้ง ! ต้องพูดว่านางเป็นตัวแทนของตัวเอง

ฉินหยู ได้ฝืนยิ้มเล็กน้อย"ของขวัญที่ตระกูลเจิ้งมอบให้ ก็เพียงพอที่จะช่วยเสริมสร้างการบ่มเพาะพลังในขั้นรวมปราณของข้าแล้ว ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนี้ก็ได้"

แววตาแห่งความผิดหวังได้ลอดผ่านดวงตาของนาง แต่นางก็รีบทักทายอย่างรวดเร็ว หลังจากพูดคุยกันสักพัก ฉินหยู ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจนางอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน นางก็ถูกสมาชิกของตระกูลเรียกตัวให้กลับไป

เจิ้งโม่เอ๋อร์ รู้สึกไม่เต็มใจที่จะแยกจากในตอนนี้ดังนั้นนางจึงมองไปที่ฉินหยู

"พี่ใหญ่ฉิน ท่านจะอยู่ที่เมืองตงหลิวอีกนานแค่ไหน?"เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้กล่าวถามขึ้น

ฉินหยูได้สั่นศีรษะทันที"ข้าเองก็ไม่รู้ แล้วแต่ท่านปรมาจารย์เป็นคนตัดสินใจ อย่างที่ข้าได้บอกไป อย่างน้อยสองเดือนหรืออาจจะเร็วกว่านั้น"

เขาจำเป็นจะต้องไป

เมื่อไม่นานมานี้ชื่อเสียงของปรมาจารย์ได้แพร่หลายอย่างมาก หากเขาไม่รีบจากไปบางทีอาจมีหายนะเกิดขึ้นกับเขาไม่ช้าก็เร็ว

"อ่าน่าเสียดายจริง ๆ !"เจิ้งโม่เอ๋อร์ รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

ฉินหยู สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวตรงหน้า แต่ตัวตนในปัจจุบันของเขาอยู่บนพื้นฐานของการโกหก เขาไม่มีปรมาจารย์นักปรุงยาอะไรนั่น เขาเป็นเพียงศิษย์สายนอกของนิกายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่โชคดีเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องรักษาระยะห่างกับผู้คนเพื่อไม่ให้มีอันตรายเกิดขึ้นกับคนรอบข้างเขา

ขณะเดียวกัน หัวใจของ ฉินหยู ก็รู้สึกสั่นไหว เขาสัมผัสได้ถึงเสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นจากระยะไกล มันเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าฟาดทำลายพื้นที่โดยรอบ เศษหินเศษดินจำนวนมากได้ปลิวว่อนกระจายไปทั่วทุกที่

มีฝุ่นตลบอบอวลลอยขึ้นมาบนท้องฟ้า เขากระโดดขึ้นไปยังที่สูงและมองไปที่จุดเกิดเหตุจนมองเห็น คฤหาสน์ใหญ่ในเมืองตงหลิวกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง ตรงกลางของพวกเขาได้กลายเป็นหลุมลึกมีรอยแตกที่น่ากลัวแผ่กระจายออกไปด้านนอก

เสียงที่โศกเศร้าได้ดังขึ้น ฉินหยู ได้พา เจิ้งโม่เอ๋อร์ กระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้า อย่างรวดเร็ว มีหินก้อนใหญ่กลิ้นผ่านสถานที่ที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา หากช้ากว่านี้ พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกพลังขั้นรวมปราณแล้วก็ตาม

เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก นางมองไปที่พื้นที่ด้านหน้าอย่างตกใจ"บ้านของข้า นั่นคือบ้านของข้า!"

สีหน้าของ ฉินหยู ได้เปลี่ยนไป ตระกูลเจิ้ง เป็นผู้ปกครองเมืองตงหลิว มานานหลายชั่วอายุคน พวกเขามีผู้ฝึกพลังขั้นแกนทองคำ ใครกันที่อาจหาญกล้าที่จะบุกโจมตี?

*บึ้มม*

พลังงานปีศาจสีดำได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นปีศาจในชุดสีเขียวก็กำลังถือศพอยู่ในมือจากนั้นเขาก็คว้าเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายและหยิบแกนทองคำที่เต็มไปด้วยโลหิตออกมา ปีศาจชุดเขียวได้เลียริมฝีปากของเขาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะกัดไปที่คอของศพและดูดโลหิตภายในร่างกายทั้งหมด

ผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ...และคนที่ตายก็คือผู้นำตระกูลกง!

สีหน้าของ ฉินหยู ได้เปลี่ยนไป ที่นี่อยู่ทางตอนใต้และอยู่ในสถานที่ห่างไกลจากดินแดนผู้บ่มเพาะพลังปีศาจ แม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะพลังปีศาจหลุดเข้ามาแต่ว่าพวกเขาก็ถูกจัดการไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

นี่มันแปลกมาก!

"ท่านปู่!"เจิ้งโม่เอ๋อร์ ได้ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ

ฉินหยู ได้มองไปที่ นางและพูดขึ้น"ผู้อาวุโสเจิ้งยังไม่เป็นอะไร!"

ขณะที่เขาพูดเขาก็มองไปที่ตรงกลางพื้นที่อยู่อาศัยของตระกูล เจิ้ง ร่างสองร่างได้บินออกมา เป็นชายชราในชุดคลุมสีดำ เขาได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า

ใบหน้าของ เจิ้งเฉินหมิง ซีดเซียว เขาถือกระบี่ยาวในมือและมองไปที่บ้านของเขาด้วยความโกรธ แม้ว่าจะมีกองทัพบางส่วนกระจายตัวอยู่นอกเมือง แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้ ตระกูลเจิ้งของเขา เกือบจะถูกทำลายในครั้งเดียว!

"นิกายเจ็ดปีศาจสังหาร กลับมีความกล้าที่จะทำลายพันธสัญญาและบุกมาทางตอนใต้ เช่นนี้ วันนี้ชายชราคนนี้สาบานว่าจะต่อสู้กับเจ้าจนลมหายใจสุดท้าย!"

เขาได้ส่งเสียงร้องออกมา แต่ทว่า มีพลังงานสีดำสิบสองดวงพุ่งมาปิดผนึกเมืองตงหลิว โดยปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้คนภายนอกเมืองตงหลิวรู้สถานการณ์ข้างใน

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้ปรากฏตัวออกมา เขาได้เลียริมฝีปากของตัวเอง และ มองไปที่พื้นที่ด้านหน้าผมยาวสีดำได้ปลิวสยายไปกับสายลม หากเขาใส่ชุดของสตรี ก็คงมีความงามล่มบ้านล่มเมือง ริมฝีปากของเขาโค้งงอเผยให้เห็นรอยบุ๋มเล็กน้อย แต่การแสดงออกและรอยยิ้มของเขากลับค่อนข้างอบอุ่นดวงตาที่ดำสนิทได้มองไปที่เมืองตงหลิวแห่งนี้

"ประมุขน้อยแห่งนิกายปีศาจ!"

เหลียงไท่ซู่ ได้ยกมือขึ้่นทันที"ช่างน่าขันโดยแท้ ผู้อาวุโสเจิ้ง พยายามส่งข่าวออกไป นี่ทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังอย่างมาก คนของนิกายปีศาจมีจำนวนไม่มากนัก หากข่าวแพร่งพรายออกไปเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ข้า เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ถูกรบกวน ข้าจึงได้ปิดกั้นสถานที่แห่งนี้เอาไว้แล้ว"

ดวงตาของเขาได้กวาดมองไปรอบ ๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตระหนกมุมปากของเขาได้เผยรอยยิ้มออกมา"หนิงหลิง เจ้าพลาดแล้วที่มายังเมืองแห่งนี้ ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ใด เจ้าก็ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือของข้าไปได้ ดังนั้นจงเป็นผู้หญิงที่ดีและเชื่อฟังข้ากลับไปที่นิกายเจ็ดปีศาจสังหารในฐานะสหายเต๋าของข้าซะ"

"ถ้าไม่..."นิ้วของ เหลียงไท่ซู ได้รวบเข้าหากันแน่นและกวาดสายตามองไปทั่วพื้นที่แห่งนี้"คนพวกนี้จะต้องตายทั้งหมด!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด