ตอนที่ 311 - 312: คุยกับลู่เจิน, เข้าสู่วงการบันเทิง
ตอนที่ 311 คุยกับลู่เจิน
หลังจากวางสายจากต้วนลี่ซิน กู้หนิงก็บอกเลิ่งเชาถิงว่าเธอจะไปคุยธุรกิจกับต้วนลี่ซินที่โรงแรมจินหลิน และเขาไม่ต้องไปเป็นเพื่อนเธอหากเขาไม่ว่าง ได้ยินแบบนั้นเลิ่งเชาถิงก็ไม่พอใจ เพราะเหมือนกับว่าเขากำลังทิ้งเธอ “วันนี้ผมไม่ยุ่ง” หรืออีกความหมายหนึ่งเขาจะไปเป็นเพื่อนเธอถ้าเธอต้องการให้เขาไปด้วย
“ไหนคุณบอกว่าจะช่วยฉันหาเบอร์โทรของลู่เจินและช่วยหาออฟฟิศดีๆให้ฉันคะ?” กู้หนิงถาม เธอไม่ได้คิดจะไม่ให้เขาไปด้วย แต่กลัวว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญ
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเลิ่งเชาถิงก็ดังขึ้นและมีข้อความเด้งเข้ามา เขามองดูมันและยื่นโทรศัพท์ของเขาให้กู้หนิงดู “ผมได้เบอร์เขามาเรียบร้อยแล้ว”
หมายเลขโทรศัพท์ของลู่เจินอยู่ในข้อความพร้อมกับคำอธิบายว่าทำไมลู่เจินถึงถูกโยนออกจากวงการบันเทิง ถิงปิงเสิ่นเป็นคนโยนลู่เจินออกไป เมื่ออ่านชื่ถังปิงเสิ่น กู้หนิงรู้สึกประหม่าและสัมผัสของความเกลียดชังที่ฉายผ่านดวงตาของเธอเพราะถังปิงเสิ่นไเป็นพ่อของถังอันหนิงในชาติที่แล้ว
“เป็นอะไรไป?” เลิ่งเชาถิงถามเมื่อสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันของกู้หนิง “ไม่มีอะไรค่ะ” กู้หนิงตอบ แต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เลิ่งเชาถิงก็ไม่ถามอะไรต่ออีกเช่นกัน แต่รู้สึกกังวลเพราะเขาเห็นความเกลียดชังที่ชัดเจนในสายตาของเธอแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแววตานี้หมายถึงใคร
เมื่อสองปีก่อนลู่เจินได้วางแผนที่จะถ่ายทำละครทีวีที่ตระกูลถังเป็นผู้ลงทุน แต่อยู่ๆตระกูลถังก็ได้ตัดสินใจกะทันหันเปลี่ยนตัวนักแสดงนำเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่มีทักษะการแสดงใด ๆ ลู่เจินซึ่งมีมาตรฐานสูงในด้านคุณภาพผลงานมาโดยตลอดปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้นเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากวงการบันเทิง
ไม่นานกู้หนิงก็ปรับอารมณ์และสงบลง เธอมองไปที่เลิ่งเชาถิงและกล่าวชมเขาว่า “ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่รวดเร็ว!”
เลิ่งเชาถิงมีความสุขที่ได้รับคำชมจากกู้หนิงและกล่าวว่า “ผมได้ส่งคนไปหาร้านค้าและอาคารสำนักงานที่มีทำเลดีเยี่ยมแล้ว แต่ต้องใช้เวลาหน่อย” ไม่ว่ากู้หนิงต้องการอะไร เขาจะช่วยเธอทำทันที การหาหมายเลขโทรศัพท์ของใครบางคนเป็นเรื่องง่ายแต่ต้องใช้เวลาในการค้นหา
กู้หนิงยิ้มอย่างอ่อนใจ “โอเคค่ะ งั้นไปที่โรงแรมกันเถอะ!” เลิ่งเชาถิงต้องการใช้เวลาทุกวินาทีกับกู้หนิงซึ่งบางครั้งก็น่ารำคาญเล็กน้อย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ออกไปด้วยกัน
เมื่อทั้งสองพากันมาถึงโรงแรมจินหลิน เธอได้อ่านเรื่องย่อของนิยายต้วนลี่ซิน กู้หนิงไม่ใช่มืออาชีพ แต่เธอสามารถแยกแยะสิ่งที่ดีออกจากสิ่งที่ไม่ดีได้ เธอต้องยอมรับว่านี่เป็นนิยายที่ยอดเยี่ยม
หลังจากอ่านเรื่องย่อแล้ว กู้หนิงก็อ่านบทแรกของนิยายเรื่องนี้ มันเต็มไปด้วยความแปลกใหม่และกู้หนิงคิดว่ามันน่าจะเป็นที่นิยม “ฉันคิดว่านี่เป็นนิยายที่ดีจริงๆ มันจะเป็นที่นิยมอย่างแน่นอนค่ะ” กู้หนิงชมเชย
ต้วนลี่ซินตื่นเต้นที่กู้หนิงชอบนิยายของเธอ
“อย่างไรก็ตามฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าผู้กำกับชอบมันด้วย ผู้กำกับจะอยากถ่ายทำก็ต่อเมื่อเขาสนใจเรื่องราวจริงๆ” แม้ว่ากู้หนิงจะเป็นคนลงทุน แต่เธอก็ไม่ใช่เผด็จการ เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้หนิงพูด ต้วนลี่ซินก็รู้สึกประหม่าอีกครั้ง เธอไม่สามารถตกลงกับกู้หนิงได้มากกว่านี้เพราะโดยปกติแล้วผู้กำกับจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องบท
“ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว คุณกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านกับครอบครัวคุณก่อน แล้วเราจะคุยรายละเอียดกันอีกทีหลังปีใหม่ ฉันจะติดต่อคุนไปเองค่ะ ไม่ต้องกังวล” กู้หนิงกล่าว
“ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณค่ะ คุณกู้” ถึงแม้ต้วนลี่ซินจะกังวลใจ แต่เธอเลือกเชื่อกู้หนิง
หลังจากนั้นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ออกจากโรงแรม กู้หนิงโทรหาลู่เจิน
ลู่เจินอยู่ในร้านกาแฟ เอนกายพิงโซฟาถอนหายใจด้วยความเศร้า เขาเพิ่งคุยกับกรรมการคนอื่นเสร็จ แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ผู้กำกับต้องการให้เขาเป็นผู้กำกับร่วม แต่ชื่อของเขาจะไม่ปรากฏบนหน้าจอ เพราะไม่ต้องการให้บุคคลที่มีอำนาจที่ไล่ลู่เจินออกจากวงการบันเทิงล่วงรู้ นอกจากนี้เขาจะได้รับเงินเดือนพื้นฐานโดยไม่มีโบนัสซึ่งเป็นการเอาเปรียบกันชัดๆ! อย่างไรก็ตามหากเขาไม่เห็นด้วย เขาไม่เห็นว่ามีงานอื่นเหมาะสมมากกว่านี้
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ”
“คุณลู่ ฉันกู้หนิงค่ะ พวกเราเคยเจอกันแล้วบนเครื่องบิน ฉันต้องขอโทษด้วยที่ได้เบอร์คุณมาโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ฉันต้องการคุยกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือการผลิตละครทีวี คุณสะดวกมาพบฉันไหมคะ?” กู้หนิงถามอย่างสุภาพ
ลู่เจินไม่รู้จักชื่อของกู้หนิงแต่เขาจำเสียงของเธอได้ เขาแปลกใจมากที่เธอโทรหาเขา กู้หนิงขอโทษในตอนแรกเพราะเธอแอบไปหาเบอร์โทรของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เขาไม่ได้ว่าอะไร และเห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นผู้กำกับเพราะเธอต้องการคุยกับเขาเกี่ยวกับละครทีวี สำหรับคำเชิญของกู้หนิง ลู่เจินไม่รู้ว่าเธอจะจ้างเขา เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นนักเรียนที่เรียนวิชาเอกภาพยนตร์และต้องการเรียนรู้บางอย่างจากเขา
“ได้สิ ตอนนี้ผมว่าง” ลู่เจินยินดีไปพบเธอ กู้หนิงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา
“ดีค่ะ ตอนนี้คุณอยู่ไหนคะ?” กู้หนิงถาม
“ผมอยู่ที่แคลิฟอเนียคาเฟ่ โต๊ะ 8”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็มาถึงคาเฟ่ที่เขาอยู่ เมื่อเห็นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง ลู่เจินก็ลุกขึ้นต้อนรับพวกเขา “ยินดีที่พบ! เชิญนั่งๆ”
“คุณอยากดื่มอะไร?” ลู่เจินถาม
“มอคค่า 2 แก้วค่ะ” กู้หนิงตอบโดยไม่เปิดดูเมนู
“ได้ครับ กรุณารอสักครู่” พนักงานเอ่ย
"ผมถามได้ไหม? ทำไมคุณถึงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับรายการทีวีและภาพยนตร์?” ลู่เจินถาม เมื่อพูดถึงงานเขาก็แสดงสีหน้าจริงจังทันทีซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมืออาชีพจริงๆ
“ฉันอ่านข่าวเกี่ยวกับคุณและได้ยินมาว่าคุณถูกบังคับให้ออกจากวงการบันเทิงด้วยบุคคลที่มีอำนาจจนถึงตอนนี้”
“เป็นความจริง”
กู้หนิงยิ้มและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกลับมาไหมคะ? คุณอยากมีชื่อเสียงอีกครั้งและมากกว่าเมื่อสองปีก่อนไหมคะ?”
ตอนที่ 312 เข้าสู่วงการบันเทิง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่เจินก็มองไปที่กู้หนิงด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่กู้หนิงพูดแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดขึ้นมา เธอสามารถช่วยเขาได้งั้นเหรอ? “แน่นอนว่าผมอยาก”
เขาทำงานในวงการบันเทิงมากว่าครึ่งชีวิตและมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีมาตรฐานสูงสำหรับผลงานของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงรำคาญพวกคนมีอิทธิพลและเขาก็ถูกปิดตายจนถึงตอนนี้
“ถ้าคุณไว้ใจฉัน คุณสามารถร่วมงานกับฉันได้ค่ะ” กู้หนิงเอ่ย
“กับคุณ?” ลู่เจินทั้งประหลาดใจและสงสัย
กู้หนิงเอ่ยต่อว่า “ฉันรู้ค่ะว่าฉันยังเด็กและคุณคงสงสัยความสามารถของฉัน เพราะหลายคนเคยสงสัยแบบเดียวกัน แต่ในที่สุดพวกเขาก็เปลี่ยนใจ คุณไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ ฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันอยากมีส่วนร่วมในวงการบันเทิงมาโดยตลอดและฉันคิดว่าคุณเป็นตัวเลือกที่ดีในการเป็นผู้อำนวยการทั่วไปในบริษัทของฉัน คุณมีความคิดเห็นว่ายังไงคะ?”
ลู่เจินตะลึง อะไรนะ? เด็กสาวคนนี้อยากมีส่วนร่วมในวงการบันเทิง?
แน่นอนว่าลู่เจินสงสัยในความสามารถของกู้หนิงเพราะเธออายุยังน้อย อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับที่กู้หนิงกล่าวไว้ ไม่ควรตัดสินบุคคลจากรูปลักษณ์ภายนอก เขาได้พบกับผู้คนหลากหลายประเภทในวงการบันเทิงและเขาสามารถแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องของบุคคลได้ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อเห็นกู้หนิงจริงจังและจริงใจพร้อมกับความเป็นผู้ใหญ่ของเธอ ลู่เจินเชื่อว่าเธอไม่ได้โกหกและเธอไม่มีเหตุผลที่จะหลอกลวงเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ลู่เจินกังวลคือความจริงที่ว่ากู้หนิงจะได้รับผลกระทบเพราะเขา
“คุณกู้ ผมมีเรื่องกับคนที่มีอิทธิพลมาก มากจนสามารถไม่ให้ผมทำงานในวงการบันเทิงได้ แม้ว่าผมจะถ่ายทำรายการทีวีหรือภาพยนตร์แต่ก็ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์” ลู่เจินกล่าว แม้ว่าตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการทำลายอาชีพของใคร
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” คราวนี้เลิ่งเชาถิงเป็นฝ่ายพูด ตระกูลถังไม่อยากอยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
ลู่เจินประหลาดใจ พวกเขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ลู่เจินไม่ใช่คนโง่ และเขาสัมผัสได้ว่าเลิ่งเชาถิงมีอำนาจมากกว่าที่เขาจะคาดถึง อีกอย่างเลิ่งเชาถิงมีบรรยากาศของผู้มีอำนาจ
“ผู้กำกับลู่ อย่ากังวลเรื่องนั้นเลยค่ะ ในเมื่อฉันมาหาคุณเอง นั่นหมายความว่าฉันไม่สนใจคนที่กีดกันคุณ” กู้หนิงเอ่ยสำทับเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลู่เจิน
ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการช่วยลู่เจินจริงๆ “คุณรู้ไหมว่าใครที่แบนผม?” ลู่เจินถาม
กู้หนิงหัวเราะเบาๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตระกูลถัง”
ไม่ใช่คำตอบที่น่าแปลกใจสำหรับลู่เจิน เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนเอ่ยปากอีกครั้งว่า “คุณกู้ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมาก ในเมื่อคุณรู้จักผมอยู่แล้ว คุณต้องรู้วิธีการทำงานของผม ผมค่อนข้างเข้มงวดกับการคัดเลือกนักแสดงโดยเฉพาะนักแสดงนำ ผมไม่ได้ต้องการคนมีชื่อเสียงมาก แต่คนๆนั้นต้องมีทักษะการแสดงที่ดีมาก”
ลู่เจินยังกล่าวต่อไปว่า “สำหรับบทละคร ผมต้องมีส่วนร่วมด้วย ผมจะใช้บทที่ผมสนใจเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของคนดู แต่ผมไม่รับประกันว่าผลงานของผมจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำออกมาให้ดีที่สุด” ลู่เจินคิดว่าการกางหน้าไพ่ให้อีกฝ่ายรับรู้จัส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกันในอนาคต
กู้หนิงยิ้ม “ค่ะ ฉันเองก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพเช่นเดียวกัน”
ลู่เจินยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย “งั้นผมคิดว่านี่เป็นการร่วมงานกันที่ดีมาก!” พวกเขามีเป้าหมายแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงน่าจะทำงานด้วยกันได้ง่าย\
“ฉันกำลังมองหาอาคารสำนักงานที่เหมาะสมสำหรับบริษัทในขณะนี้และฉันจะไม่จดทะเบียนบริษัท ใหม่จนกว่าอาคารสำนักงานจะเสร็จสิ้น ดังนั้นเราจะเริ่มทำงานหลังเทศกาลปีใหม่” กู้หนิงกล่าว .
“ได้” ลู่เจินตอบ เขาไม่สบายใจนิดหน่อยที่บริษัทยังไม่ได้จัดตั้ง แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือรอ
“ส่วนนักแสดงกับบท คุณจัดการได้เลยเต็มที่ในฐานะผู้กำกับ” กู้หนิงอนุญาตลู่เจินตัดสินใจด้วยตนเอง แต่จะมีผู้กำกับมากกว่าหนึ่งคนในบริษัทของเธอ
“ฉันพบนิยายที่น่าสนใจเกี่ยวกับละครแนวจักรพรรดิ – ฮาเร็ม คุณลองอ่านเรื่องย่อเรื่องนี้ก่อนได้ ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ เราสามารถถ่ายทำก่อนบริษัทก่อตั้งได้ แต่ถ้าคุณไม่สนใจฉันจะจ้างผู้กำกับคนอื่นมาถ่ายเรื่องนี้ และคุณสามารถเตรียมบทละครของคุณเองได้” กู้หนิงกล่าว
“ได้ๆ ผมจะลองอ่านดู” กู้หนิงหยิบเรื่องย่อสองสามแผ่นให้ลู่เจิน
ลู่เจินอ่านเรื่องราวและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาชอบมันเช่นกัน หลังจากอ่านจบลู่เจินก็ชมเรื่องนี้ “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก! มันแตกต่างจากเรื่องก่อนๆมาก” ลู่เจินพอใจแต่เขายังไม่ได้อ่านนิยายทั้งเล่ม ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่ารายละเอียดของเรื่องนี้น่าสนใจหรือไม่
“ไว้ฉันจะส่งนิยายให้คุณ ถ้าคุณสนใจเราสามารถซื้อ IP นี้ได้ ฉันจ้างนักเขียนมาเป็นคนเขียนบทใน บริษัทของเราแล้ว คุณสามารถพูดคุยกับเธอได้หลังเทศกาลปีใหม่” กู้หนิงกล่าว