Ep.961 - ประจบซึ่งหน้า?
Ep.961 - ประจบซึ่งหน้า?
บางที สัญญาณของการล่มสลายดังกล่าว อาจเป็นสาเหตุให้พันธมิตรโลกมนุษย์ พยายามตามหาผู้ที่จะสามารถขึ้นเป็นจ้าวเหนือหัวอยู่ก็ได้
ตอนนี้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว!
“ไปเถอะ ได้เวลาเดินทางสู่เมืองหลวงแห่งความมืดแล้ว!” ฉินเฟิงบอกกับไป๋หลี เรื่องราวหลังจากนี้ของพันธมิตรวู้ดแลนด์ ฉินเฟิงไม่อยากมีส่วนร่วมอีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ วันนี้คือวันแรกของงานประมูล!
...
ท่าทีของฟีนิกซ์เพลิงดูเป็นกังวลมาก เธอพยายามติดต่อฉินเฟิงผ่านอุปกรณ์อยู่หลายครั้ง ต้องการให้เขามายังเมืองหลวงแห่งความมืด
แน่นอน หลังจากติดต่อได้แล้ว ฟีนิกซ์เพลิงไม่ได้ระบุสิ่งที่กังวลให้เขาฟังโดยละเอียด เพียงรายงานว่าวัสดุที่ฉินเฟิงต้องการ หามาได้มากแค่ไหน
ในกรณีนี้ หมายความว่าหากฉินเฟิงต้องการนำวัสดุเหล่านั้นไปหลอม เขาจำเป็นต้องกลับไปยังเมืองหลวงแห่งความมืด
ณ เมืองหลวงแห่งความมืด บนสะพานข้ามทะเล คนกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกัน และดูจากจำนวน คาดว่าน่าจะมากกว่าปีก่อนพอสมควร
ภายในรถคันหนึ่ง ผู้ใช้พลังสามคนกำลังซ่อนตัว สายตาจับจ้องไปยังเมืองที่กำลังคึกคักแห่งนี้ ร่องรอยของความละโมบฉายชัดในแววตาของพวกเขา
“เทพวูดู คนที่นายพูดถึง แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?”
“เหอ เหอ ก็ไม่รู้สินะ คราวก่อนฉันเห็นเขาโจมตีแค่กระบวนท่าเดียว แต่ถ้านายกับเขาเผชิญหน้ากัน คิดว่านายคงเป็นฝ่ายชนะ!”
บอกตามตรง เทพวูดูอันที่จริงก็ยังไม่มั่นใจ แต่ความคิดเขาเอนเอียงไปทางสหายมากกว่า คราวก่อนที่เจอกัน ฉินเฟิงเคยสลักความกลัวทิ้งไว้ให้เขาก็จริง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลา ตรงกันข้าม ดันเป็นความโลภที่เพิ่มมากขึ้น
ที่ตั้งของเมืองหลวงมังกรสมบูรณ์แบบเกินไป นอกจากนี้ สะพานข้ามทะเลไม่เพียงเชื่อมต่อกับกองกำลังของพันธมิตรหัวเซี่ย แต่ยังเชื่อมต่อกับน่านน้ำต่างๆ ทิศทางอื่นๆสามารถเบิกเส้นทางใหม่ได้ตลอดเวลา
ซึ่งสำหรับราชาเรือเดินสมุทรอย่างเช่าไท่ มันน่าดึงดูดใจเกินไป
เลเวล S คนสุดท้ายในกลุ่มนี้ เป็นผู้หญิงที่ไม่มีรูปร่างหน้าตา มีฉายาเรียกขานว่าเทพไร้ลักษณ์ ไม่ใช่เพราะเธอไม่มีหน้าจริงๆ แต่เจ้าตัวสามารถสลับสับเปลี่ยนใบหน้าได้นับล้าน ถือเป็นมือสังหารอันดับต้นๆ
ทั้งสามคนมารวมตัวกันในที่เดียว แน่นอนย่อมไม่นำพามาซึ่งเรื่องดี
ครั้งนี้ --พวกเขาคิดมาทดสอบ!
พวกเขาวางแผนที่จะประชันกับจอมมารซวนเฟิงมาสักระยะหนึ่งแล้ว หากอีกฝ่ายแข็งแกร่งจริงๆ ก็จะชักชวนมาเป็นพวก ทว่าหากอ่อนแอกว่า แน่นอนว่าย่อมปัดรังควานให้พ้นทาง
…
ภายในอาคารสำนักงานของเมืองหลวงแห่งความมืด ฉินเฟิงนั่งตำแหน่งประธาน รับฟังเลเวล A ที่กำลังระมัดระวังถ้อยคำ บรรยายเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของเมืองหลวงแห่งความมืด
รวมไปถึงการแจกแจงเป้าหมายที่อาจเป็นอันตรายต่อการบริหาร
“แม้เทพวูดูจะให้ความร่วมมือกับพวกเรา แต่เกรงว่าตอนนี้อาจคิดสร้างปัญหา เพราะหน่วยสอดแนมของเรารายงานมาว่า จู่ๆเขาได้หายตัวไป!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ได้ยินว่าคราวนี้ ราชาน้ำแข็งกับนักพรตเฉียนคุนก็จะมา … พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงของพวกเรา และยังเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่สามารถขับไล่ออกไปได้!”
“ดังนั้นพวกเราต้องระมัดระวังตัวให้มากเข้าไว้!”
ลูกน้องคนหนึ่งหยุดรายงาน อีกคนเริ่มพูดต่อ
จนถึงจุดนี้ ฟีนิกซ์เพลิงในที่สุดเอ่ยปากอีกครั้ง “ยังมีอีกหนึ่งคน ชายผู้นี้นับเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา!”
ฉินเฟิงเบนสายตามองฟีนิกซ์เพลิง แม้มีเกราะทมิฬและเสื้อคลุมดำสวมทับ แต่ฟีนิกซ์เพลิงรู้สึกได้ว่าจอมมารซวนเฟิงกำลังฟังเธอ คล้ายอยากทราบว่าศัตรูตัวฉกาจผู้นี้คือใคร
ฟีนิกซ์เพลิงกล่าวด้วยความกังวล “ทุกท่านในที่นี้น่าจะยังจำได้ เขาเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เลเวล B จากพันธมิตรมนุษย์ --ฉินเฟิง!”
เมื่อชื่อนี้เปล่งออกมา ทุกคนต่างขมวดคิ้ว ฉินเฟิงผู้ซึ่งในตอนแรกรู้สึกนั่งไม่ติดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินคนอื่นๆวิเคราะห์ถึงตนเอง ก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้
“จอมมารซวนเฟิงอาจยังไม่ทราบ ฉินเฟิงผู้นี้มิใช่ตัวตนเล็กจ้อย!” คล้ายไม่เห็นฉินเฟิงมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ หวูหยวนอดไม่ได้ที่จะเผยเอกลักษณ์เสื้อปั้นหน้ายิ้มของตน กล่าวอธิบายว่า
“ฉินเฟิงผู้นี้ เคยเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งความมืดเมื่อปีที่แล้ว เวลานั้นเขายังคงมีความแข็งแกร่งในเลเวล B แต่กลับสามารถรับมือคมดาบของเหอเทียนสิงได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ ทั้งยังสามารถตัดกำลังเหอเทียนสิงออกไปส่วนหนึ่ง ยังไม่พอ เขาใช้เวลาแค่ปีเดียว ก็สามารถตัดผ่านขึ้นสู่เลเวล A ได้แล้ว ในมือเขาครอบครองอบิลิตี้เลเวล S ถึงสามเทคนิค ใช้เวลาเร่งเร้าอักษรรูนไม่นานก็สามารถปลดปล่อยพวกมันออกมา แม้แต่เลเวล S ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!!”
“ข่าวล่าสุดรายงานว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนในพันธมิตรวู้ดแลนด์ ฉินเฟิงได้สังหารจ่าฝูงตั๊กแตนมิติ โค่นตาปีศาจในเวลาไม่กี่นาที และปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไป สามารถกล่าวได้ว่า แม้ตอนนี้เขายังอยู่แค่เลเวล A แต่มีความแข็งแกร่งสูงถึงเลเวล S อย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าเขามา เกรงว่าอาจเกิดเรื่องแย่ขึ้น”
ฟีนิกซ์เพลิงถอนหายใจ “นั่นคือสิ่งที่ฉันกังวล ไม่รู้ว่าฉินเฟิงทราบเรื่องเหอเทียนสิงตายแล้วหรือไม่ แต่ที่แน่ๆในมิติธารโลหิต ทั้งสองมีความบาดหมางร้ายแรง และตอนนี้เขาแข็งแกร่งมาก มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมาแก้แค้น!”
ถ้าฉินเฟิงไม่โคตรมั่นใจว่าคนพวกนี้ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาแน่ๆ เวลานี้ฉินเฟิงคงคิด ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาแห่งคลับมังกรดำ กำลังพูดประจบสอพลอเขาซึ่งหน้า
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินเฟิงกล่าว จากนั้นกล่าวโปรยยาระงับประสาทให้คนอื่นๆด้วยวาจา “ไม่ว่าจะมาหรือไม่ แต่ถ้าเจอกัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เขากลับไป!”
แน่นอน ผู้ใช้พลังนามฉินเฟิงจะไม่มีทางปรากฏตัว ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แม้หลายคนยังคิดว่าฉินเฟิงกำลังต้านทานกระแสกองทัพสัตว์ร้ายในพันธมิตรวู้ดแลนด์ก็จริง แต่เขาจะไม่ประมาท
เหอเทียนสิงไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นเป็นเวลานานแล้ว แบบนี้ยิ่งจะทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยจนไม่อาจเก็บงำเอาไว้ในหัวใจ
ท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงเองก็ยังไม่รู้จักเหอเทียนสิงดีพอ ขอบเขตกิจกรรมที่เหอเทียนสิงทำไม่ได้จำกัดอยู่ในมิติโลกมนุษย์เท่านั้น แต่อาจยังมีในพันธมิตรองค์กรมืดด้วย เรื่องที่อีกฝ่ายตาย ถึงสามารถปกปิดเป็นความลับได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตลอดไป ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีคนบุกเข้ามาตรวจสอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพวูดู
นี่คือหนึ่งในคนที่ทราบว่าเหอเทียนสิงตายแล้ว
แต่ยังไงซะ ฉินเฟิงในตอนนี้ ก็มิใช่ฉินเฟิงคนก่อนเช่นกัน!
หลังเสร็จการประชุม ฉินเฟิงมุ่งหน้าสู่วิลล่าของเขาเพื่อพักผ่อน ต่อมาไป๋หลีปรากฏกายขึ้นเงียบๆโดยไร้สรรพเสียง เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์
อยู่ในพันธมิตรวู้ดแลนด์เกือบเดือนเต็มๆ เขาและเธอยังไม่ได้พักผ่อนแบบดีๆเลย ในที่สุดก็ได้นอนบนเตียงนุ่มๆซักที
ไป๋หลีเปิดเว็บไซต์ช้อปปิ้ง ส่วนฉินเฟิงตรงเข้าห้องฝึกฝน หยิบเอารูบิควิเศษออกมา
จากนั้น มีดกษัตริย์ครามที่ไม่นานมานี้สามารถอัพเกรดขึ้นมาถึงเลเวล S และศพจ่าฝูงตั๊กแตนมิติ ทั้งหมดถูกนำออกมาตามลำดับ
ฉินเฟิงเลาะเอาเขาและแก่นอบิลิตี้ของจ่าฝูงตั๊กแตนมิติออกมา แม้มนุษย์จะไม่สามารถครอบครองอบิลิตี้มิติ แต่การสร้างอาวุธโดยใช้วัสดุจากสัตว์ยักษ์มิติ เพื่อให้ได้พลังมิติมาใช้งาน ยังพอเป็นไปได้
ดังนั้น เมื่อครั้งไป๋หลีได้รับแส้มิติ เธอจึงถูกผู้ใช้พลังเลเวล B เข้าข่มขู่ คิดหมายจะแย่งชิง เห็นได้ชัดว่าอุปกรณ์รูนดังกล่าว เป็นที่ต้องการเพียงใด
วัสดุหลายชนิดถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน แต่นับว่าหายากนัก ที่การหลอมรวมภายในรูบิควิเศษจะช้ามากถึงขนาดนี้
“ตอนแรกฉันคิดว่ารูบิดวิเศษไร้ขีดจำกัด แต่ดูเหมือนว่า รูบิควิเศษลูกนี้ น่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะในระดับ S หรือ SS เท่านั้น”
แก่นอบิลิตตี้มิติค่อยๆหลอมละลาย เขาของจ่าฝูงตั๊กแตนที่มักใช้พุ่งชนศัตรูก็เริ่มซีดจางลง แก่นแท้ของมันค่อยๆถูกสกัด จากนั้นหลอมรวมเข้ากับวัสดุเลเวล S ชิ้นอื่นๆ สุดท้ายกลืนเข้ากับมีดกษัตริย์คราม
ทันใดนั้นเอง แสงสีเงินท่วมท้นไปทั้งมีดกษัตริย์คราม ต่อมาเกิดรอยปริร้าวเป็นชั้นบางๆ แต่ว่ารอยปริร้าวนี้ไม่ใช่ร่องรอยที่เกิดจากความเสียหาย มันอยู่เพียงพื้นผิว เป็นลวดลายสีเงิน
เปลวไฟบนมีดกษัตริย์ครามค่อยๆหดกลับเข้ามารวมกันอีกครั้ง เพลิงทมิฬไม่เผยโฉมอีกต่อไป แต่จิตวิญญาณข้างในกำลังคำราม ในระหว่างการหลอมรวมแก่นอบิลิตี้มิติ มันได้ทำลายสัตว์ร้ายระดับต่ำจำนวนมาก
ทันใดนั้นเอง มีดกษัตริย์ครามเปล่งประกาย เบ่งบานงดงามไปด้วยแสงสีเงิน!