Chapter 9 : หุ่นเชิดคาเสะคาเงะ
“ซาโซริแห่งทรายสีแดง?!”
เมื่อมองไปที่ชายผมแดงตรงหน้าเขา มิซุย และ คุโรโตะ ก็อุทานออกมาโดยพร้อมกัน
ตัวตนของอีกฝ่ายไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับทั้ง 2 คนที่เพิ่งผ่านประสบการณ์ในมหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 มา
ซาโซริแห่งทรายสีแดง ปรมาจารย์นักเชิดหุ่นอัจฉริยะ หนึ่งในนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดของ หมู่บ้านซึนะ ที่หายตัวไปพร้อมกับการหายตัวไปของ คาเสะคาเงะรุ่น 3 ในที่สุดเขาก็ถูกจัดให้เป็นนินจาถอนตัวระดับ S
เขาปรากฏตัวในสนามรบอยู่หลายครั้งเพื่อรวบรวมซากศพของนินจาและมีรายงานว่าเขาได้สังหาร โจนินขั้นสูง อยู่หลายครั้ง เขาแข็งแกร่งมากจนแม้แต่หมู่บ้านนินจาก็ยอมแพ้ที่จะไล่ล่าเขา เขาเป็นปัญหาที่หมู่บ้านใหญ่ทั้ง 5 ไม่อยากยุ่ง
ซาโซริ เท้าสะเอวแล้วหัวเราะเบา ๆ “จำฉันได้แล้วเหรอ? ใช่แล้ว ฉันเอง ไหน ๆ พวกแกก็เจอฉันแล้ว ก็ช่วยมาลองผลงานศิลปะชิ้นใหม่ของฉันหน่อยก็แล้วกัน!”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น ซาโซริ ก็หยิบม้วนหนังสือขึ้นมาและเมื่อม้วนมันออกมามันก็มีคำว่า ‘สาม’ เขียนอยู่
ปุ้ม!!!…
ควันสีขาวระเบิดออกมา และหลังจากที่ควันเหล่านั้นหายไป หุ่นเชิดตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้า มิซุย และ คุโรโตะ
เมื่อมองไปที่ทรายเหล็กสีดำที่ลอยอยู่รอบ ๆ หุ่นเชิดมนุษย์ มิซุย ที่ตกตะลึงก็พูดอย่างด้วยเสียงสั่นว่า “นั่นมันทรายเหล็กเหรอ? คา...คาเสะคาเงะ...คาเสะคาเงะรุ่น3 เหรอ?!”
คุโรโตะ รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน เขาไม่แปลกใจกับการได้เห็น หุ่นคาเสะคาเงะรุ่น 3 แต่เขาตกใจเพราะความจริงที่ว่าเขาได้พบกับนินจาที่แข็งแกร่งอย่าง ซาโซริแห่งทรายสีแดง ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ต่างหาก!
ช่างโชคร้ายเหลือเกิน!
เป็นเรื่องยากสำหรับ คุโรโตะ ที่จะรู้ได้ว่าตอนนี้ ซาโซริ แข็งแกร่งขนาดไหน แต่อย่างน้อยที่สุดความแข็งแกร่งของ ซาโซริ ในตอนนี้ก็น่าจะอยู่เหนือกว่า โจนินขั้นสูง ซาโซริ เป็นศัตรูที่เขาไม่สามารถรับมือได้ในตอนนี้ ดังนั้นในขณะที่เขามองไปที่ ซาโซริ เขามีเพียงความคิดเดียวที่เหลืออยู่ในใจของเขา
นั่นก็คือ!…………….เขาจะรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้อย่างไร?!
หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ค่อย ๆ ลอยขึ้นในขณะที่ ซาโซริ ยิ้มและพูดอย่างซุกซน “นี่เป็นผลงานที่ฉันประทับใจที่สุด นินจาโคโนฮะ ขอให้สนุกกับงานศิลปะของฉันก็แล้วกัน!”
สิ้นเสียงพูดของ ซาโซริ ทรายเหล็กที่ลอยอยู่รอบ ๆ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ก็กลายเป็นเข็มขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าและพุ่งตรงเข้าหา มิซุย และ คุโรโตะ ราวกับเม็ดฝน
มิซุย ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าด้านหลังและหยิบคุไนที่ติดยันต์ระเบิดออกมา 3 อันแล้วขว้างมันขึ้นไปบนฟ้า
คุโรโตะ ที่อยู่ด้านหลัง มิชุย กระโดดถอยหลังทันที
ตูม…ตูม…ตูม…
ยันต์ระเบิดทั้ง 3 ระเบิดออกจนทำให้เกิดควันพวยพุ่งบนทะเลทราย
เมื่อเห็นว่ายันต์ระเบิดที่โยนขึ้นไปนั้นสามารถสกัดเข็มทรายเหล็กได้ มิซุย ก็มองไปที่ คุโรโตะ อย่างเย็นชา จากนั้นก็รีบใช้จังหวะนี้วิ่งหนีเพื่อกลับไปที่ด่านชายแดนโดยไม่ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว
แม้ว่าคุณจะไม่พูดอะไรเลย แต่คุณจะหนีไปคนเดียวแบบนี้ไม่ได้!
เห็นได้ชัดว่า มิซุย สนใจเพียงแค่ชีวิตตัวเองและนั้นก็คือตัวตนที่แท้จริงของเขา แถมยังไม่ได้ปกปิดความมุ่งร้ายของเขาที่มีต่อ คุโรโตะ อีกต่อไป
เมื่อเห็นแบบนั้น คุโรโตะ ก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไปและหนีไปเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทั้ง 2 คนหนีไปหลังจากที่ป้องกันการโจมตีของเขาได้ ซาโซริ ก็ยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนหลังของ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 จากนั้น หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ก็เปลี่ยนทรายเหล็กให้เป็นปีกทรายเหล็กขนาดใหญ่แล้วบินไปยังทิศทางที่ มิซุย หนีไป เห็นได้ชัดว่า นารา มิซุย เป็นหัวหน้า ดังนั้นเขาจึงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ของ ซาโซริ
“บินได้เหรอ?!”
หางตาของ มิซุย เหลือบไปเห็น ซาโซริ ที่กำลังบินตรงมาหาเขาโดยใช้ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ทำให้หัวใจของ คุโรโตะ จมลงสู่ความกลัว
ในโลกนินจา ความสามารถในการบินเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก เมื่อคุณพบกับนินจาที่มีความสามารถในการบินแบบนี้คุณก็จะตกอยู่ในความเสียเปรียบในทันที
เท่าที่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ความเร็วของ คุโรโตะ ที่วิ่งบนพื้นนั้นไม่เร็วเท่า ซาโซริ ที่บินอยู่บนท้องฟ้า
คุโรโตะ เฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของ ซาโซริ อย่างใจเย็นขณะที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ของเขาอย่างเงียบ ๆ
‘เราเห็น หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 แล้ว ซาโซริ คงจะไม่ปล่อยเราไปแน่!’
ความจริงที่ว่า คาเสะคาเงะรุ่น 3 ได้กลายเป็นหุ่นเชิดของ ซาโซริ ไปแล้ว าจะยังคงเป็นความลับ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ซาโซริ จะไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่รู้ความลับนี้มีชีวิตอยู่แน่นอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทันทีที่ ซาโซริ เปิดเผย หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ออกมา มิซุย และ คุโรโตะ ก็อยู่ในรายชื่อเป้าหมายที่ต้องถูกสังหารแล้ว
‘ด่านชายแดนที่อยู่ใกล้ที่สุดจากตรงนี้ก็อยู่ห่างออกไปเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง และแม้ว่าเราจะไปถึงที่นั่นได้ แต่นินจาประจำการที่นั่นก็ไม่สามารถต้านทานศัตรูระดับ ซาโซริ ได้’
‘ดังนั้นการพยายามหนีไม่ใช่ทางเลือก ฉันต้องหาทางขับไล่ ซาโซริ เท่านั้น!’
ในขณะที่ คุโรโตะ กำลังครุ่นคิดถึงวิธีรับมืออยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็ พบว่า มิซุย ที่วิ่งนำหน้าเขาไปได้ล้มไปนอนกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?!” หลังจากตกใจเล็กน้อย คุโรโตะ ก็ตอบสนองทันที “หรือว่าเพราะเข็มทรายเหล็ก!”
ยันต์ระเบิดที่ มิซุย ขว้างไปก่อนหน้านี้ได้ป้องกันเข็มทรายเหล็กไว้ได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีเข็มทรายเหล็ก 1 หรือ 2 อันสามารถผ่านไปได้และพุ่งเฉี่ยวแขนของ มิซุย ไปจนทำให้เกิดเป็นแผลถาก ๆ
ตอนแรก มิซุย และ คุโรโตะ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก
แต่ตอนนี้เมื่อเห็น มิซุย ล้มไปนอนแน่นิ่งกับพื้น คุโรโตะ ก็ตอบสนองทันทีและเขาก็จำได้ในที่สุดว่า ซาโซริ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยาพิษ
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้ว เขาก็รู้ว่าการหนีอย่างต่อเนื่องก็รังแต่จะทำให้เสียพละกำลังไปเสียเปล่า ๆ ดังนั้น คุโรโตะ จึงหยุดวิ่ง
ซาโซริ ก้าวไปข้างหน้าในขณะที่นำคุไนออกมาและสังหาร มิซุย ที่ขยับตัวไม่ได้เพราะพิษ จากนั้นก็เดินมาหา คุโรโตะ อย่างสบาย ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “ทำไมไม่วิ่งหนีต่อล่ะ?”
คุโรโตะ มองไปที่ ซาโซริ “ฉันสงสัยมาโดยตลอด ทำไมคุณถึงออกจากหมู่บ้านล่ะ? ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของคุณ แม้แต่ คาเสะคาเงะ คุณก็เป็นได้สบาย ๆ ใช่ไหม?”
ซาโซริ ไม่คิดว่า คุโรโตะ จะดูสงบได้ถึงขนาดนี้ เขาเหลือบมองไปที่ คุโรโตะ อีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพยายามยื้อเวลาเลย ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก”
ในขณะที่ ซาโซริ ยังคงเดินไปข้างหน้า คุโรโตะ ก็ยังพูดต่อไป “ใช่สิ คุณจงใจลักพาตัว คาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่ได้ชื่อว่าเป็น คาเสะคาเงะ ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ แล้วคุณจะสนใจ หมู่บ้านซึนะ ไปทำไม?! จริงไหม?!”
ซาโซริ ไม่ตอบ แต่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความขี้เล่น เขาอยากรู้จริง ๆ ว่า คุโรโตะ ต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงเดินเข้าหา คุโรโตะ อย่างช้า ๆ
‘19 เมตร…’
‘17 เมตร…เหลืออีก 2 เมตร...จะถึงแล้ว’
‘14 เมตร...อีกนิดเดียว’
ท่าทีภายนอก คุโรโตะ ยังคงดูสงบ แต่ในใจของเขาก็คอยคำนวณระยะห่างระหว่างตัวเองกับ ซาโซริ อย่างเงียบ ๆ
ใช่แล้ว โอกาสเดียวที่เขาจะเอาชนะ ซาโซริ ได้ก็เขาต้องใช้ จุติเหนี่ยวสวรรค์ เพื่อดูด ซาโซริ เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ใช้กระบวนท่ามวยอ่อนเพื่อสกัดจุดจักระและหยุดการไหลของจักระของ ซาโซริ
และระยะที่มีประสิทธิภาพของ จุติเหนี่ยวสวรรค์ ในตอนนี้ของเขาอยู่ที่ประมาณ 15 เมตร ดังนั้น คุโรโตะ จึงต้องให้ ซาโซริ เข้ามาใกล้ให้ได้มากที่สุด
เมื่อ ซาโซริ เข้ามาใกล้ คุโรโตะ ในระยะประมาณ 11 เมตร เขาก็ยกมือขึ้นช้า ๆ
หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่เชื่อมต่อด้วยด้ายจักระสีฟ้าอ่อนลอยมาอย่างรวดเร็วและทรายเหล็กที่อยู่รอบ ๆ ก็กลายเป็นหอกเหล็ก
เมื่อรู้ว่าใกล้ถึงระยะที่พอดีแล้ว คุโรโตะ ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือออกไปทันทีและใช้ จุติเหนี่ยวสวรรค์ ด้วยกำลังทั้งหมดของเขา!
ในขณะที่ คุโรโตะ ยกมือขึ้น ซาโซริ ซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนานในการต่อสู้ ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาควบคุม หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ให้มาอยู่ด้านหน้าเพื่อเป็นโล้ป้องกันตัวเขาเอาไว้
ในสายตาของ ซาโซริ การกระทำของ คุโรโตะ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้วิชาบางอย่างเพื่อสละชีพและฆ่าทั้งคู่ไปด้วยกัน เขาเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้งและเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ในฐานะที่เป็นผู้สร้าง หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ซาโซริ จึงเข้าใจความสามารถในการป้องกันของหุ่นตัวนี้ได้เป็นอย่างดี แม้แต่คาถานินจาระดับ A ก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของทรายเหล็กได้ ดังนั้นนินจาที่พยายามจะโจมตีเขาด้วยพลังครั้งสุดท้าย ในที่สุดนินจาคนนั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชันของเขาและไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
“นี่มัน...?!”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดขึ้น แต่ในทางกลับกันรอยยิ้มบนใบหน้าของ ซาโซริ ก็หายไป
พร้อมกับเสียงโหยหวนของลมที่ดังสนั่น หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ที่อยู่หน้า ซาโซริ ก็ถูกดูดเข้าหา คุโรโตะ ด้วยแรงดูดที่ทรงพลัง แรงดูดนี้แรงมากจนทำให้ด้ายจักระที่เชื่อมต่อระหว่างนิ้วของ ซาโซริ และ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 ขาดออกจากกันในทันที
อย่างไรก็ตาม ซาโซริ ก็ไม่ได้ถูกดูดเข้ามาด้วย มีเพียงแค่ หุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 เท่านั้นที่ถูกดูดเข้ามา เมื่อ คุโรโตะ เห็นแบบนั้นเขาก็ถึงกับพูดไม่ออก!
ติดตามข่าวสาร และ อ่านก่อนใคร ได้ที่เพจ Facebook : Chan's Translation นิยายแปลไทย@TranslatedByMild