Chapter 37
ฟรอสต์ตื่นเต้นมาก ในที่สุดเขามีความคิดหนึ่ง เขาได้สมรู้ร่วมคิดกับแวมไพร์คนอื่นเพื่อทรยศอาวุโสแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์โดยการฆ่าดราโก้และเอาผู้อาวุโสทั้ง 12 คนไป.
แท่นบูชาพร้อมแล้ว เบลดก็ถูกหลอกซ้ำยังถูกจับด้วย.
คืนนี้ เขาจะกลายเป็นตัวให้เลือดและเรียกผู้คุมกฏของโลก!
เบลดถูกแวมไพร์แขวนอยู่บนแท่นบูชาอย่างอ่อนแรงและจากนั้นก็มีเหล็กแหลมแทงเข้าไปใสร่างกายของเขา เลือดของเขาไหลไปตามทางแท่นบูชาและหยดลงบนหน้าผากของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ทุกคน.
พร้อมกับกรีดเลือดตัวเองเพื่อสังเวยให้กับรามาก้า แท่นบูชามีออร่าแปลกๆพวยขึ้นมาจากมัน.
แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ทั้ง 12 ที่อยู่บนแท่นบูชาก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติตามร่างกายของพวกเขาก่อนที่จะถูกเผาไหม้และกลายเป็นโครงกระดูกบินออกมาจากร่างกายของพวกเขา ฉากนี้มันทั้งแปลกและน่ากลัวมากๆ.
แต่ในเวลานี้ บนหลังคาที่ถูกทุบจนเป็นรู มีชายในเกราะเหล็กเข้ามาฆ่าพวกเขา.
แบล็คควีนพบว่าเบลดตกอยู่ในมือของแวมไพร์ เมื่อรวบรวมเบาะแสของเบลดตามคำสั่งของซอด หลังจากที่รายงานให้กับซอดแล้ว เขารู้ว่าในเนื้อเรื่องเดิมฟรอสต์จะทำการสังเวยเลือดสำเร็จ แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ในเมื่อซอดมาพร้อมกับอาวุธครบมือ.
ไม่เพียงแต่ซอดที่มาเท่านั้น เขายังเตรียมยาต้านทานการแข็งตัวของเลือดมาจำนวนมาก ท้ายที่สุดเขาจะไม่สู้กับศัตรูหากว่าตัวเขาไม่ปลอดภัย พลังของคริปตอนนั้นเป็นไพ่ใบสุดท้าย
มองไปที่โครงกระดูกที่บินอยู่บนแท่นบูชา ซอดรู้ว่าแผนการนี้ได้มาถึงจุดที่เลวร้ายมาก แต่โชคดีที่ฟรอสต์ยังไม่ได้กลายเป็นเทพโลหิต.
ฟรอสต์ยืนอยู่ตรงกลางแท่นบูชาและเห็นซอด เขาต้องการที่จะหยุดคนที่ทำให้เขาไม่สบายใจคนนี้.
ผลก็คือ เขาเห็นสายตาของซอดเปล่งแสงสีแดง!
ตาเลเซอร์!
เลเซอร์ที่ออกมาจากตาตกกระทบเข้ากับร่างของฟรอสต์และอุณหภูมิโดยรอบก็สูงขึ้นมาก ฟรอสต์กรีดร้องและหันไปมองขี้เถ้าที่หลุดลอยออกไปจากจุดที่ตาเลเซอร์กระทบ หลังจากที่โครงกระดูกบินสูญเสียเป้าหมาย พวกมันก็ลอยอยู่กลางอากาศและซอดก็ยังเก็บเอาโครงกระดูกบินเหล่านี้ไปด้วยและไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับมันดี เขากวาดสายตาสองสามครั้งเพื่อฆ่าแวมไพร์ที่เหลือเพราะเกรงว่าพวกมันจะกลายเป็นเทพโลหิต อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าโครงกระดูกได้พบเป้าหมายแล้ว มันยังเป็นเป้าหมายของหลายๆตัว ทุกตัวบินเข้าหาเบลด.
"และแล้วก็มา!"
ทันใดนั้นซอดก็รู้สึกกระวนกระวาย พลังวิญญาณสีทองระเบิดออกมาและพุ่งเข้าหาโครงกระดูก โครงกระดูกที่ถูกวาดโดยพลังวิญญาณแข็งตัวกลางอากาศราวกับว่าอากาศได้แข็งตัวและไม่อาจทำอะไรได้ แต่ก็ยังมีโครงกระดูกที่บินเข้าไปในร่างของเบลด.
จากนั้นเบลดก็ลุกขึ้นยืนได้อย่างแปลกประหลาดโดยไม่สนใจแรงโน้มถ่วง ซอดได้เตรียมอาวุธของเขา ถ้าเบลดกลายเป็นเทพโลหิต เขาจะยิงสารต้านการแข็งตัวของเลือดทั้งหมดไปที่เขาทันที
"เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?"
เบลดลืมตาขึ้น เลือดของเขาถูกรีดเสียจนเขาไม่มีแรงแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง?
"นายไม่เป็นไรนะ?"
ซอดถาม เขารู้สึกว่าเบลดไม่ได้สูญเสียความคิดของเขาและเขาควรจะพูดคุยกันได้.
"นายเป็นใคร?"
เบลดมองไปที่ซอด มันมีเถ้าถ่านปลิวออกไปเป็นจำนวนมาก มันน่าจะเป็นเพราะแวมไพร์ถูกฆ่า อย่างไรก็ตามเบลดที่ยังอยู่ในอาการโคม่าก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายอีกคนที่เป็นคนทำหรือไม่.
"ฉันเป็นแค่ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ผ่านทางมาก ไม่ต้องสนใจฉันหรอก แต่ฉันคิดว่านายต้องตรวจร่างกายตัวเองเสียแล้ว."
ซอดพูดเอาดีเข้าตัว.
"ไม่จำเป็น."
เบลดไม่งับเหยื่อชุดนี้.
"ถ้านายไม่ต้องการกลายเป็นแวมไพร์ก็ควรจะฟังฉันดีกว่า ฉันมีโรงพยาบาลเอกชนที่จะตรวจให้นายได้."
ซอดยังคงเชิญเบลดแบบเล่นใหญ่และโครงกระดูกที่ค้างอยู่บนอากาศก็สลายไปแล้ว ทำให้ซอดต้องการรักษาม้าตายดั่งม้าเป็น แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลังวิญญาณจะใช้ได้จริงๆ.
เบลดลังเลอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็ถูกซอดที่"กระตือรือร้น"เชิญ เขาไม่อาจต้านทานได้เพราะคิดว่าเกราะเหล็กของซอดนั้นแข็งแกร่งเกินไป.
แม้ว่าจะเป็นเวลา 4-5 ทุ่มแล้ว แต่ดร.คอนเนอร์ที่รับสายจากซอดก็มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว ไม่มีทาง ใครบอกให้ซอดพูดว่าเขาได้เอาต้นแบบวิจัยยาครอบจักรวาลที่ยังมีชีวิตกลับมา.
สำหรับแฟนสาวผิวดำของเบลด เธอก็ถูกพาตัวมาด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้กังเวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเบลด จนกระทั่งเธอได้เห็นเบลดเทคโนโลยีอินดัสทรีย์ เธอก็แสดงความประหลาดใจ เป็นอันว่าอีกฝ่ายเป็นบอสของบริษัทนี้นั่นเอง?
คนใหญ่คนโตถึงกับทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง?
เพื่อความตื่นเต้น?
เบลดยอมรับการตรวจสภาพทั้งหมดอย่างกังวล ส่วนดร.คอนเนอร์ระมัดระวังมากและไม่พลาดการเก็บตัวอย่างใดๆเลย ซอดยังรอคอยให้แบล็คควีนแสกนเบลดและรับข้อมูลโดยละเอียดของเบลด.
จากนั้นเบลดก็ถูกส่งกลับบ้านและบอกให้เขากลับมาดูผลลัพธ์ในอีกไม่กี่วัน.
จากนั้นดร.คอนเนอร์ก็ง่วนอยู่กับการวิจัยทั้งกลางวันกลางคืน ซอดรู้สึกผ่อนคลายมากเมื่อมีแบล็คควีนและเขาก็รู้สถานการณ์ของเบลดแล้ว.
เบลดที่ถูกเจาะเลือดหลังจากที่รวมร่างกับโครงกระดูกบินเหล่านั้น มันจะแตกต่างกันก่อนหน้านี้หรือไม่ อย่างน้อยๆเทคโนโลยีในตอนนี้ก็ไม่น่าจะบอกได้ แบล็คควีนวิเคราะห์ว่าเซลล์ของเบลดนั้นทำงานผิดปกติ พูดอีกอย่างก็คือการเผาผลาญของเขานั้นรวดเร็วอย่างมาก อย่างไรก็ตามในกรณีนี้เซลล์ของเบลดจะไม่มีขีดจำกัดในการแบ่งตัว เว้นแต่ว่าเซลล์ส่วนนี้จะหายไป เขาจะกลายเป็นอมตะ.
เมื่อเทียบกับยีนของมนุษย์แล้ว เบลดมีความแตกต่างกับมนุษย์เพียง 10% คาดว่า 10% นี้เป็นยีนของแวมไพร์ ที่น่าสนใจคือเมื่อเทียบกับการทดลองแวมไพร์ที่ถูกจับมา เบลดมียีนแวมไพร์ที่มากกว่าและยังมีอีกหลายอย่างที่แวมไพร์ไม่มี.
"บอส เซรุ่มถูกสร้างแล้ว!"
ดร.คอนเนอร์ยิ่งตื่นเต่น เบลดเป็นเหมือนกับสมบัติ มันช่วยแก้ปัญหาโรคระบาดในมนุษย์ได้ตรงๆที่มีมาอย่างยาวนานหลายพันหรือหลายหมื่นปี ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน เขาควรจะถูกนำกลับมาและกลายเป็นพ่อพันธุ์!
"ทดลอง ดร. ผมเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าคุณต้องทำการทดลองและแยกตัวอย่างเพื่อสังเกตเป็นระยะเวลาหนึ่ง อย่าวิ่งมาหาผมหลังจากที่คุณยังไม่ได้ทดลอง."
ซอดพูดกับดร.คอนเนอร์อย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะไม่ล้มเหลวเลย?
ด้วยความร่วมมือกับทหารสัตว์ ดร.คอนเนอร์ได้รับคนเลวจำนวนมากรวมทั้งพวกที่มีปมด้อยและคนที่ยอมมีส่วนร่วมส่วนหนึ่งกับการทดลอง พวกเขาจะได้รับการปลูกถ่ายด้วยไวรัสหรือโรคที่ร้ายแรงที่สุดในมนุษย์ จากนั้นก็ฉีดเซรุ่มครอบจักรวาลเพื่อดูว่ามันสามารถรักษาหายได้หรือไม่ และคำถามที่ว่าจะกลายเป็นแวมไพร์ไหม? ซอดจึงตั้งกรอบของเวลา'1 ปี' แต่ถ้ามีระยะฟักตัวนานมันก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน เขาเคยทำได้แค่พูดว่าให้เขาระวัง.