WS บทที่ 82 การต่อสู้ PART 2
คูกไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ตอนนี้แขนขวาของเขาบาดเจ็บสาหัส การที่แขนขวาของเขาใช้ไม่ได้แบบนี้นั่นก็หมายความว่าความสามารถในการต่อสู้ลดลงไปครึ่งหนึ่ง
ทางด้านเคานต์เซลินกำลังมองสถานการณ์ด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก เขาหันไปตะโกนใส่พ่อมดฮิลล์ท่าทางกระวนกระวาย
“พ่อมดฮิลล์เร็วเข้า!”
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของพ่อมดฮิลล์ได้เงยหน้าขึ้นมามองเบื้องหน้าและพูดเบา ๆ ว่า
“นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้ทำอะไรแบบนี้...พ่อมดที่ใช้เวทย์สามธาตุได้งั้นเหรอ หึหึ ถ้าเขาสามารถใช้ได้ถึงสามธาตุ มันก็ไม่แปลกเลยที่เขาจะสามารถเข้าหอคอยอเวจีได้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงที่ได้สู้กับเจ้า!”
*หวู่ม!!*
ทันทีที่พ่อมดฮิลล์พูดจบ เขาก็พุ่งข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างของเขาหายไปในพริบตา
“คุณกล้าสอดมือเข้ามายุ่งแบบนี้ ไม่กลัวโครงสร้างเวทมนต์ของคุณพังรึไง”
เมอแรงค์เหล่ตาไปมองพ่อมดฮิลล์ที่กำลังพุ่งมาหาเขา ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันจริงจังทันที ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับพ่อมดฮิลล์
อย่างไรก็ตามพ่อมดฮิลล์จ้องมองเบื้องหน้าอย่างสงบทำทีไม่ได้ยินสิ่งที่เมอแรงค์พูด จากนั้นเขายกมือขึ้นสูงขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า
*ฟลุ่บ ฟลุ่บ ฟลุ่บ*
ลูกไฟห้าลูกได้ปรากฏขึ้นมา พวกมันบินตรงไปหาเมอแรงค์
นี่คือคาถาระดับศูนย์ลูกไฟ รูปร่างของมันไม่ได้แตกต่างจากของเมอร์ลินมากนักแต่อย่างไรก็ตามลูกไฟที่พ่อมดฮิลล์ปล่อยออกมามีรูปร่างที่เล็กกว่าสามารถเสกออกมาได้อย่างรวดเร็ว
เขาสามารถควบคุมได้ดั่งใจนึกด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งของเขา
ส่วนในเรื่องของพลังและความเสถียร ยังไงลูกไฟของเมอร์ลินก็ต้องเหนือกว่าเพราะลูกไฟของเมอร์ลินนั้นได้รับการคำนวณจากเดอะเมทริกซ์
ลูกไฟทั้งเรียงตัวเป็นเรียงบินตรงไปหาเมอแรงค์ ด้วยการที่เขาเคยผ่าน ‘โรงเชือด’ มาก่อน การโจมตีของเขาคงไม่ทื่อ ๆ แบบนี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถรอดออกมาได้
หลังจากที่ส่งลูกไฟไปแล้ว พ่อมดฮิลล์ก็นิ่งอยู่พักหนึ่งจากนั้นก็มีคลื่นพลังไฟที่แข็งแกร่งแผ่ออกมา ทำให้เมอร์ลินที่อยู่แถวนั้นถึงกับหน้าซีด
*หวู่ม!!*
ลูกไฟจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง พ่อมดฮิลล์ยังคงเสกขึ้นมาเรื่อย ๆ ความเร็วให้การเสกของชายชรานั่นน่าอัศจรรย์มาก
เมอร์ลินประเมินคร่าว ๆ ว่าความเร็วในการเสกลูกไฟของพ่อมดฮิลล์นั้นน่าจะมากกว่าสองหรือสามเท่าของเขา
ด้วยลูกไฟจำนวนมากที่พ่อมดฮิลล์เสกขึ้นมา ทำให้เมอแรงค์ถูกล้อมไปด้วยลูกไฟในพริบตา ภาพตรงหน้ามันดูเหมือนกับเมอแรงค์กำลังถูกนักธนูระดมยิงลูกศรไฟใส่เขา
ทางด้านเมอแรงค์จ้องมองพวกลูกไฟอย่างเงียบ ๆ จากนั้นพลังงานธาตุดินได้สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง
*ครืน!!*
แนวกำแพงสีเหลืองได้พุ่งขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็วและพวกมันได้ล้อมรอบเมอแรงค์อย่างแน่นหนา
*ปัง! ปัง! ปัง!*
ลูกไฟกว่ายี่สิบลูกชนเข้ากับกำแพงทีละลูก แต่ด้วยคาถาธาตุดินของเมอแรงค์นั้นเป็นเพียงคาถาระดับศูนย์จึงทำให้มันสามารถรับได้เพียงไม่กี่ลูกเท่านั้น มันไม่สามารถรับการโจมตีทั้งหมดได้
ถ้าให้พูดในเรื่องพลังเวทย์ เมอแรงค์ไม่มีโอกาสชนะพ่อมดฮิลล์ได้
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สนว่าโครงสร้างเวทมนต์ของคุณจะพังยับเยิน นี่คุณตั้งใจจะสละทุกอย่างเพื่อคนอย่างเซลินอย่างนั้นเหรอ?”
ตอนนี้สีหน้าของเมอแรงค์ไม่ค่อยจะสู้ดี หากเขายังเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างนี้ต่อไปมีหวังพลังของเขาต้องหมดก่อนแน่นอน
แล้วอีกอย่างพ่อมดฮิลล์ยังไม่ทันจะเอาจริงด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเขาต้องแพ้อย่างแน่นอน
ในแผนการแก้แค้นของเขา มีเพียงชายชราชุดดำตรงหน้าเท่านั้นที่เป็นอุปสรรคขวางเขาไว้ หากเขาสามารถกำจัดพ่อมดฮิลล์ได้ เขาก็จะสามารถแก้แค้นได้สำเร็จ เขาจะได้เอาเลือดของเซลินมาล้างให้กับหลุมศพของตระกูลของเขา
“เมอแรงค์ร่ายคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ามาสิ หึหึ ไม่ใช่ว่าป้อมอเวจีโดดเด่นในเรื่องคาถาแห่งความมืดไม่ใช่เหรอ นำมันมาใช้กับตาแก่คนนี้สิ!”
ดูเหมือนชายชราจะรู้จักป้อมอเวจีเป็นอย่างดี ทำให้เขารู้ว่าเมอแรงค์มีอะไรซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของเขาบ้าง
“โครงสร้างเวทมนต์? พังทลายงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินที่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล เขาได้ฟังการสนทนาของทั้งคู่ มันก็ทำให้เขาเข้าใจถึงความลับของพ่อมดฮิลล์
เมอร์ลินนั้นสงสัยมาตลอดว่า คนที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างพ่อมดฮิลล์แต่กลับไม่กล้าใช้มันทั้งหมดราวกับว่าเขากลัวอะไรบางอย่าง สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าโครงสร้างเวทมนต์ในจิตใต้สำนึกของเขาไม่เสถียร เขาจำเป็นต้องใช้พลังจิตในการรักษาความเสถียรตลอดเวลา หากเขาใช้พลังเวทย์มากเกินไป อาจทำให้โครงสร้างเวทมนต์ของเขาแตกสลาย
ตามตำราเวทมนต์ของชายชราอีธานได้เขียนไว้ว่า หากโครงสร้างเวทมนต์ได้พังสลาย จิตใต้สำนึกของผู้ครองจะได้รับผลกระทบอันใหญ่หลวง
ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้พ่อมดฮิลล์ที่มีพลังจิตเทียบเท่ากับจุดสูงสุดของนักเวทย์ระดับหนึ่ง กลับต้องใจพลังจิตกว่าครึ่งในการรักษาพลังจิตให้เสถียร มันจึงไม่สามารถใช้เวทย์มากเกินไปได้ แล้วด้วยสภาพเช่นนี้เขาจึงไม่สามารถสร้างโครงสร้างเวทมนต์ระดับหนึ่งได้ด้วย มันเลยทำให้เขาไม่สามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง เขาต้องอยู่ในระดับเริ่มต้นตลอดชีวิต
“ถ้าคุณต้องการที่ตายก็ดี!! ฉันจะมอบมันตามที่คุณต้องการ!!”
หลังจากที่เมอแรงค์กล่าวจบก็มีคลื่นพลังธาตุที่แปลกประหลาดแผ่ออกมาจากตัวของเขา เมอร์ลินไม่เคยสัมผัสกับพลังธาตุเช่นนี้มาก่อน
“หมอกรัตติกาล!!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเมอแรงค์ ร่างของเขาก็หายไปในอากาศ เมอร์ลินรีบค้นหาเขาด้วยพลังจิตอย่างรวดเร็วแต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาหายตัวไปราวกับตัวเขาไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อนเลย
จากนั้นตรงบริเวณที่เมอแรงค์ยืนอยู่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด
“นี่คือธาตุมืดที่แสนจะลึกลับสินะ...”
พ่อมดฮิลล์จ้องมองเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เคร่งเครียด เมอร์ลินสามารถมองเห็นเขาได้ลาง ๆ แต่จากนั้นไม่นานตัวเขาก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“หายตัวไปอีกคนแล้ว นี่เป็นคาถาธาตุมืดที่เป็นคาถาของหอคอยอเวจีสินะ”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธาตุมืด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหมอกรัตติกาลของเมอแรงค์นั้นทำงานยังไง
อย่างไรก็ตามหมอกรัตติกาลนี้ทำให้พ่อมดสองคนได้หายตัวไป เขาหวังว่าพ่อมดฮิลล์ที่รอดชีวิตจาก ‘โรงเชือด’ จะมีแผนการรับมือการโจมตีนี้ เมอแรงค์คงไม่สามารถจัดการเขาได้ง่ายๆ
ตอนนี้เมอร์ลิน เคานต์เซลินและคนอื่น ๆ ทำได้แต่ยืนดูและเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ พวกเขาไม่มีทางทราบได้ว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นแบบไหน