ตอนที่แล้วChapter 35
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 37

Chapter 36


แม้ว่าเขาจะเชื่อ ดร.ออตโต้ แต่ซอดก็ยังต้องการใครสักคนที่คอยจับตาดูเขาอยู่เพื่อไม่ให้ ดร.ออตโต้ใช้เงินมากโดยไม่ตั้งใจ.

เขารวยก็จริง แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียเงินไปง่ายๆ.

ในฐานะที่เป็นสุดยอดผู้ช่วย นี่เป็นหนึ่งในงานของเธอ.

"ดร.ออตโต้ ห้องทดลองของเขายังไม่ถูกสร้างขึ้น."

โอลด์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว อาชีพของเธอมีการแข่งขันสูง หากเธอทำผลงานไม่ดี เธออาจจะตกงานได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเธอจึงต้องใชฉลาดและมีความสามารถในการจดจำ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีค่ากับเงินเดือนเงินประจำปีมากมายเช่นนี้.

"เร็วอีก ใช่แล้ว ต้องใช้อะไรถึงจะทำให้เร็วขึ้น?"

ซอดมีสมองที่ยอดเยี่ยมและเขาจำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ.

"มันถูกจองและแก้ไขแล้ว."

โอลด์วางบิลด์ เธอยังไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตัวเอง แน่นอนเพราะเธอไม่เข้าใจว่า เธอจึงถามเพือนที่ดีจากมหาวิทยาลัยด้วย.

"เรามีเครื่องปฏิกรณ์แพลเลเดียมอยู่แล้ว ทำไมเราต้องศึกษาเครื่องปฏิกรณ์ทรีเดียมด้วย?"

โอลด์ถามคำถามที่เธอไม่เข้าใจ.

"ข้อโต้แย้งของคนธรรมดาคือองค์ประกอบหลายอย่างที่เขาไม่รู้จักและเราต้องอธิบายจนเหนื่อย แต่ข้อโต้แย่งของคนวงในคือการพัฒนาวิทยาศาตร์ไม่ได้มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น เราต้องการรากฐานที่มากขึ้นและมีรวมให้มันเป็นเส้นทางเดียว ในกรณีนี้ปัญหาคอขวดก็น่าจะติดไปตลอดชีวิตเพราะวิทยาศาตร์ก็คือการพัฒนาแบบแผนภูมิต้นไม้..."

ซอดพูดอย่างจริงจังว่าเครื่องปฏิกรณ์อาร์ก(แพลเลเดียม)เป็นเทคโนโลยีที่ดำเกินไป แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีสีดำมากมายในโลกมาเวล แต่ซอดก็คิดว่ามันจะดีกว่าถ้ามันอยู่แค่ในโลก อย่างที่สองเขาต้องการดูว่าเครื่องปฏิกรณ์ทรีเดียมสามารถตอบสนองกับความต้องการของเขาได้หรือไม่.

ในความเป็นจริง ซอดเองก็กำลังศึกษานิวเคียร์ฟิวชั่นทรีเดียม เขาได้อ่านวิทยานิพนธ์ของดร.ออตโต้และไม่มีปัญหาเชิงตรรกะ ส่วนสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุน่าจะเกิดเพราะความไม่เสถียร.

จากนั้นก็มีเรื่องของคริปตอนโกลด์ส่วนสอง หลังจากสร้างแบล็คควีนแล้ว ซอดก็ปล่อยเธอทำการจำลองการทดลอง.

คริปตอนโกลด์แต่เดิมคือเกราะรบของซอดที่เป็นคนทำเองกับมือ คริปตอนโกลด์แต่เดิมนั้นทรงพลังมาก แม้ว่าซอดจะรู้สูตรดั้งเดิมของคริปตอนโกลด์ แต่เขาก็ยังอยู่ในโลกคอสมิกและไม่มีทางที่จะออกไปจากโลกได้.

"ท่าน อัลลอยด์ได้รับการคำนวนแล้ว หลังจากการทกสอบ ความแข็งแกร่งจะสูงกว่าคริปตอนโกลด์ส่วนสอง 80%."

แบล็คควีนฉายข้อมูลและการจำลองการทดลองให้กับซฮดที่กำลังถือแก้วโค้กดื่มขณะมองไปที่ภาพฉาย.

"ดีมาก อัลลอยด์ตัวนี้จะเรียกว่า คริปตอนโกลด์ระดับ A."

ซอดพูดหลังจากอ่านมัน คริปตอนโกลด์ระดับ A นั้นใกล้เคียงกับไวเบรเนียม อย่างไรก็ตามข้อมูลของไวเบรเนียมยังไม่ได้อยู่ในข้อมูลของแบล็คควีน.

"ท่าน นอกจากอัลลอยด์แล้ว ยังมีการค้นพบสิ่งอื่น."

แบล็คควีนฉายวิดีโอคนหนึ่งที่ใส่เสื้อโค้ทสีดำที่กำลังฟันแวทไพร์ด้วยมีด คุณภาพของวิดีโอนี้คลุมเครือมากราวกับว่ามันถูกทุบกับพื้นคอนกรีตและเตะลงไปในถังขี้ แล้วแบล็คควีนก็เป็นคนเอามันมาซ่อมให้ใช้ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน.

แต่แล้วแบล็คควีนก็ฉายข้อมูลทั้งหมดของชายชุดดำ รวมถึงประวัติการเกิดของเขาในโรงพยาบาล ชีวิตในวัยเด็กและสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา.

"เบลด..."

ซอดจำเบลดได้และแบล็คควีนก็ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม ข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในเน็ตไม่อาจหลบหนีแบล็คควีนไปได้.

และวัสดุเหล่านี้เป็นข้อความหรือรูปแบบที่ไม่สามารถเข้าใจได้ มีกระดาษแผ่นหนึ่งที่โทรมมากๆถูกเขียนว่า.

"วิสเลอร์?"

ซอดได้นึกถึงสิ่งต่างๆมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องของเบลด.

"ถ้ามันเป็นวิสเลอร์ นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นพล็อตแรกของเบลดเวอร์ชั่นภาพยนต์."

พล็อตแรกของเบลดนั้นเรียบง่ายมาก ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่จากหนังการ์ตูนและผู้กำกับก็ฉลาดมากเช่นกัน เขาแสดงลักษณะทั้งหมดของการ์ตูน ซึ่งมีคนติดตามอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนบทนักแสดงในภายหลัง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดูดีมาก.

ในฐานะวายร้าย ดีคอน ฟรอสต์* เป็นแวมไพร์เลือดผสมและเป็นผู้นำของแวมไพร์เลือดผสมในเขตอเมริกาเหนือ เขาขัดแย้งกับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์มาตลอด เหตุง่ายๆดีคอน ฟรอสต์ที่เปลี่ยนจากมนุษย์เป็นแวมไพร์และเชื่อว่ามนุษย์นั้นไม่อยากตาย การเฝ้าดูแวมไพร์เติบโตนั้นมันคงอยู่เฉยไม่ได้ พวกเขาจะดำเนินการกับแวมไพร์อย่างแน่นอนและผู้อาวุโสแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่ได้ลงมติสนธิสัญญาสงบศึกกับมนุษย์ก็จะไร้ประโยชน์พร้อมกับเสียเทคโนโลยีเพื่อให้มนุษย์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาไม่เปลี่ยนมนุษย์ทั้งหมดมาเป็นแวมไพร์ เขาจะต้องรอให้มนุษย์พร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นแวมไพร์? มันกลายเป็นการทดลองหรือเปล่าถ้าอย่างงั้น?

(ผู้แปล:อันนี้ก็เลี่ยงบาลี พยายามหาชื่ออื่นที่ไม่เกี่ยวกับมาเวลมาลง ชื่อเดิม Dicken Firth วิสเลอร์ก็เป็น หมิงเว่ย)

จากนั้นเขาก็ยังเรียนรู้ที่จะใช้คอมฯในการถอดรหัสใน'หนังสือยา'ที่ไม่มีใครตีความได้มาจนถึงตอนนี้ บันทึกวิธีการสังเวยโลหิต จากตระกูลแวมไพร์ หลังจากถอดรหัสแล้วเขาก็รู้ว่าต้องใช้เลือดบริสุทธิ์ของแวมไพร์ 12 คนเพื่อเรียกเทพโลหิต รามาก้า แวทไพร์เลือดผสมและสาวกแวมไพร์จะใช้เทพโลหิตมาเพื่อเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นแวมไพร์.

พูดตรงๆก็คือเพื่อรับเอาสายเลือดเทพเข้ามา ท้ายที่สุดก็มีคนใหญ่คนโตมากมายในโลกมาเวล แค่เอเชี่ยนวันคนเดียวก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้เทพโลหิตตนนี้ประสบความสำเร็จ เว้นแต่จะเป็นการอัญเชิญในการ์ตูนเวอร์ชั่น แดรกคูล่า ที่ยังคงคุ้มค่าที่จะเห็น.

แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนคนทั่วโลกเป็นแวมไพร์ คำถามก็คือเขาจะหาเลือดที่ไหน?

เมื่อทุกคนกลายเป็นเสือ แต่กลับไม่มีแกะ พวกเขาจะไม่ฆ่ากันเอง?

ซอดไม่สนใจเรื่องนี้ แต่เขาสนใจเบลดมาก เพราะเบลดไม่มีประวัติเจ็บป่วยเลย.

ยกเว้นบันทึกการเกิดของเขาตอนเด็กๆ เขาก็ไม่มีบันทึกว่าเคยเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและเขายังได้รับการขึ้นทะเบียนว่าตายไปแล้วด้วยซ้ำ.

นี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก แม้ว่าจะมียาพิเศษ แต่โรคส่วนใหญ่มักจะร้ายแรงพอที่จะไปพบแพทย์และแพทย์ส่วนตัวก็มีราคาแพงมากเสียจนคนจนๆอย่างเบลดก็ไม่อาจจ่ายไหว.

แต่เมื่อมาคิดถึงการค้นพบของ ดร.คอนเนอร์แล้ว ซอดก็รู้คำตอบ.

เบลดมีร่างกายที่เต็มไปด้วยภูมิคุ้มกัน!

เขามีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสของมนุษย์และแม้แต่โรคต่างๆ ไวรัสแวมไพร์ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับร่างกายของเขาหรือไม่?

ท้ายที่สุด เบลดก็เป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งแวมไพร์ตามกำหนดของโลกนี้ เขายังไม่ได้กลายเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์ เขาโชคดีพอที่จะปลอมตัวได้ ในฐานะมนุษย์เขายังมีพลังและความเร็วของแวมไพร์และความสามารถในการสร้างแขนขาขึ้นมาใหม่ มันยังไม่ถึงจุดที่เขาจะต้องกินเลือดเพื่อความอยู่รอด.

"แบล็คควีนตั้งค่าไฟล์ของเบลดทันทีที่การตรวจสอบทั้งหมด ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน."

ซอดรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่จะได้ยาครอบจักรวาลในจิตนาการของ ดร.คอนเนอร์นั้นอยู่ที่ตัวของเบลด.

เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ชาติ เรามาทำงานให้และหาวิธีให้เบลดให้ความร่วมมือ อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องการร่างกายเพื่อวิจัย เพียงแค่สุ่มตัวอย่างก็พอ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด