ตอนที่ 5 แอบชอบเธอ
ตอนที่ 5 แอบชอบเธอ
สำหรับเจ้าของร่างเดิม ฮันเป่าเม่ยเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดปีเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เธอกำลังรอการประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นปกติแล้วเธอจึงมีเวลาว่างมากนัก แต่ช่วงนี้เธอต้องช่วยคุณย่าดูแลคุณพ่อที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง
อย่างไรก็ตามผลการเรียนของเธออยู่ในระดับปานกลาง ดังนั้นเธอจึงเป็นเด็กสาวที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือผลการเรียน มันจึงกลายเป็นปมด้อยในใจของเธอมาโดยตลอด มิหนำซ้ำครอบครัวของเธอยังมีฐานะยากจน ดังนั้นเธอจึงเศร้าหนักขึ้นไปอีก
และเธอเคยแอบชอบเด็กผู้ชายที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน โดยเด็กผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งที่บ้านของเขายังมีฐานะร่ำรวยมาก มันจึงทำให้เธอรู้สึกว่า ตนเองไม่คู่ควรกับผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย
แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและพยายามทำตัวให้อยู่ในสายตาของเขา ทว่ามันก็ยังไม่สำเร็จสักที ดังนั้นเมื่อวันปัจฉิมนิเทศมาถึง เด็กสาวจึงตัดสินใจบอกรักผู้ชายคนนี้ เนื่องจากวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะไปโรงเรียน เพราะพวกเขาเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว
และคำตอบก็เป็นที่รู้กัน โดยผู้ชายคนนั้นตะโกนด่าเธอว่า
“ดูสารรูปตัวเองซะบ้าง ที่บ้านไม่มีกระจกเหรอ? อ้วนดำอย่างเธอใครจะไปสนใจ... ต่อไปห้ามพูดแบบนี้กับผมอีกนะ”
“เปรี้ยง!!!”
คำกล่าวเหล่านี้เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาตรงกลางศีรษะของเธอ และมันทำให้เธอถึงกับมึนงงจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะมันทั้งเจ็บทั้งอาย โดยเธอทำได้แค่เพียงก้มหน้าและเดินจากไปอย่างไร้จิตวิญญาณ
วันนั้นหลังจากเดินออกมาจากโรงเรียนแล้ว เธอเดินอย่างไร้สติพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียอกเสียใจอย่างสุดซึ้ง จนกระทั่งมาถึงบริเวณสี่แยก เธอเดินข้ามถนนโดยไม่ได้มองดูรถที่แล่นผ่านไปมา ส่งผลให้เด็กสาวโดนรถเฉี่ยวชนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราในที่สุด
ตอนนี้เมื่อแม่มดสาวเข้ามาในห้องนอนแล้ว เธอก็รีบล็อกห้องและเริ่มร่ายเวทมนตร์เพื่อตรวจสอบความเป็นมาของคนในครอบครัวนี้ทั้งหมด ทำให้ทราบว่าเด็กสาวคนนี้ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน
ทันใดนั้นเสียงเจ้าตัวแสบก็ดังขึ้น
“เมียว... เมียว... เป็นไงมั่ง?”
“มุ้งมิ้ง! หายไปไหนมา?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น
“ไปสำรวจพื้นที่มาน่ะสิ…”แมวน้อยกล่าวอย่าอารมณ์เสีย
“หาทางกลับบ้านเจอหรือยัง?...”
“ยังไม่เจอเลย!!!…ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี”
“ว้า! เซ็งเลย” เธอกล่าวอย่างหดหู่
“ในเมืองนี้มีบ้านตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วทำไมถึงเลือกมาอยู่ในรูหนูแบบนี้?...” เจ้าแมวสอบถาม
“ก็ข้าใช้ร่างของลูกสาวพวกเขาอยู่นี่.. มันเลือกได้ซะที่ไหนล่ะ?!!!” หญิงสาวกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
“…ก็ออกมาจากร่างนี้สิ” แมววัยทองกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ลองดูแล้ว...มันออกไม่ได้”
“จบกัน!”
____
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากตื่นนอนแล้วเธอได้พบว่า มารดาออกไปทำงานตั้งแต่ตีสี่แล้ว และมีเพียงคุณย่ากับคุณพ่อของเธออยู่บ้าน จากนั้นเธอได้ยินคุณย่าร้องเรียกให้มาทานอาหารเช้า
“เป่าเม่ย! มากินข้าว”
“มาแล้ว...มาแล้ว”
และเมื่อเห็นสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารเธอก็กล่าวว่า
“มนุษย์... เอ๊ยไม่ใช่... เราต้องกินอาหารแบบนี้ทุกมื้อเลยเหรอคะ?” เด็กสาวเอ่ยถาม
“ใช่! แต่วันนี้พูดเพราะกว่าเมื่อวานนี้เยอะเลยนะ” คุณย่าชื่นชมทันที
“เมื่อวานหนูเห็นมนุษย์ที่อยู่ในทีวีเค้าพูดกันแบบนี้ ก็เลยจำมาพูดบ้าง! ดีมั้ยคะ?”
“ดีมากจ้า... น่ารักที่สุดเลย.. หลานย่า... แต่ทำไมพูดจาแปลก ๆ”
คำกล่าวและแววตาของหญิงชราทำให้แม่มดสาวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก จึงต้องการจะตอบแทนครอบครัวนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี?
หลังจากกวาดสายตามองโดยรอบแล้ว แม่มดสาวจึงตัดสินใจว่า จะต้องช่วยผู้ชายคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงก่อน หญิงชราจะได้สบายขึ้น
เมื่อทานอาหารเช้าแล้ว เธอก็บอกกับหญิงชราว่าต้องการพักผ่อนในห้องสักครู่ เนื่องจากรู้สึกเวียนศีรษะ จากนั้นจึงปรึกษากับแมวน้อยคู่ใจว่าเธอสามารถหาสมุนไพรสำหรับปรุงยาได้จากที่ไหน ขณะที่แมวน้อยตอบว่า
“ข้าเห็นว่า ทางด้านโน้นมีภูเขาอยู่ น่าจะมีสมุนไพรมากมายให้เราเก็บ”
“จริงเหรอ?! อย่างนั้นไปกันเลย” เป่าเม่ยกล่าวด้วยอาการตื่นเต้น และเริ่มร่ายคาถาเคลื่อนย้าย
“โอม... ด้วยอำนาจแห่งเวทมนตร์... จงพาข้าไปที่ป่าบนเขาณ.บัดนี้….”
ในพริบตาทั้งสองร่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ผลปรากฏว่าตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ที่สี่แยกไฟแดงที่แสนจะวุ่นวายด้วยอาการสับสน ทำให้เจ้าแมวน้อยตะคอกว่า
“เอาอีกแล้ว... เอาอีกแล้ว... ร่ายมนตร์ผิดอีกแล้วใช่หรือเปล่าเนี่ย?!”
“แฮ่..แฮ่.. โทษที.. โทษที... ขอลองอีกครั้งนะ”
ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึงป่าใหญ่บนภูเขาเพื่อตามหาสมุนไพรที่เธอต้องการนำไปปรุงยาสำหรับรักษาอาการป่วยของฮันจ้าวหยางผู้เป็นบิดาของร่างที่เธอใช้งานอยู่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะเป็นแม่มด แต่ถ้าจะต้องรักษาอาการป่วยของผู้คนเธอก็จะต้องปรุงยาร่วมด้วย และการปรุงยาเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ เพราะยาที่ใช้รักษาคนอาจกลายเป็นยาพิษได้ หากใช้ในปริมาณที่มากเกินกว่าข้อกำหนด หรือใช้ส่วนผสมผิดพลาด หรือแม้แต่การดื่มผิดเวลา
สำหรับเรื่องเวทมนตร์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน โดยเวทมนตร์เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงาน ซึ่งมันจะแทรกซึมอยู่ในตัวเรา รวมทั้งสัตว์และพืช และโอบคลุมเราอยู่เช่นเดียวกับธรรมชาติ เพราะเวทมนตร์คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
การปรุงยาเป็นการใช้เวทมนตร์อย่างหนึ่ง โดยเป็นการส่งผ่านเวทมนตร์เข้าไปในตัวยาและส่วนผสมจนเกิดเป็นยาที่มีสรรพคุณตามต้องการ
เมื่อได้สมุนไพรครบตามที่ต้องการแล้ว หญิงสาวก็กล่าวว่า
“ไป! กลับกันเถอะ”
“ได้ของครบแล้วเหรอ?” แมวน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เหลืออีกอย่างเดียว”
“แล้วทำไมไม่หาให้ครบไปเลยทีเดียว... ขาดอะไร?”
“น้ำตาแมว!” หญิงสาวตอบ
แมวน้อยได้ยินจึงรีบหันหน้าไปหาหญิงสาวทันที
“… …”
*********’’