ตอนที่ 4 สงสัยทุกอย่าง
ตอนที่ 4 สงสัยทุกอย่าง
เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ฮันเป่าเม่ยพบว่าภายในบ้านดูธรรมดาและเรียบง่ายมาก โดยบ้านหลังนี้มีสองห้องนอนกับห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก และถัดไปมีโต๊ะอาหารกับเก้าอี้นั่งที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งสีเข้มสี่ตัว ส่วนห้องครัวอยู่บริเวณหลังบ้านซึ่งมีพื้นที่สำหรับใช้สำหรับซักล้างรวมอยู่ด้วย
ตอนนี้มีเตียงผู้ป่วยวางอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามาและมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้นด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง มิหนำซ้ำร่างกายของเขายังผ่ายผอมมากจนหนังแทบจะติดกระดูกก็ว่าได้
สำหรับในห้องนั่งเล่นนี้มีชุดโซฟารับแขกหนึ่งชุดที่ค่อนข้างเก่า อีกทั้งยังมีร่องรอยขาดวิ่นหลายแห่งวางอยู่บริเวณข้างเตียง
ขณะนี้มีหญิงชรากำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเล็กด้วยสีหน้าจริงจัง แต่เมื่อเห็นมารดากับบุตรสาวคู่นี้เดินเข้ามา เธอก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาเด็กสาวพร้อมกับท่าทางตื่นเต้นดีใจขณะที่มีน้ำตาซึมจนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
“เป่าเม่ย...กลับมาแล้วเหรอ? เป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า?”
หลังจากยิงคำถามรัวเป็นชุด หญิงชราก็ได้ยินเด็กสาวกล่าวว่า
“นี่ใครอะ?”
หญิงชรา
“… …”
เมื่อเห็นหญิงชรามีอาการตกใจ มารดาของเด็กสาวจึงรีบกล่าวว่า
“แม่คะ... เป่าเม่ยได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราวค่ะ แต่แม่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะคุณหมอบอกว่าเธอจะค่อย ๆ ดีขึ้น”
“โธ่! เป่าเม่ยหลานย่า เดี๋ยวย่าจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้หลานเอง”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นอะไร? ทำไมถึงเอาแต่นอน” ฮันเป่าเม่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ.. นี่คือพ่อของหนูไง เขากำลังป่วยอยู่”
หญิงชราอธิบายอย่างใจเย็น แต่แม่มดกลับน้ำตาคลอเบ้าจนตาแดงก่ำ เนื่องจากผู้ชายคนนี้ทำให้เธอนึกถึงบุตรสาวของตนเองที่กำลังนอนหลับใหลเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ในโลกคู่ขนาน
ทันใดนั้นหญิงชราก็กล่าวแทรกว่า
“เป่าเม่ย! เวลาพูดกับคนอื่นต้องมีหางเสียงด้วย พูดแบบนั้นมันไม่สุภาพรู้หรือเปล่า?”
“หางเสียงเหมือนกับหางเสือหรือเปล่า?”
“… …” หวังลี่จิน
จากนั้นมารดาก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวรวมถึงมารยาทในการพูดจากับผู้ใหญ่ และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเธอ ขณะที่หญิงสาวรับรู้เพียงว่า ตนเองต้องพักอาศัยอยู่กับผู้คนเหล่านี้ไปก่อน
แต่ทันใดนั้นท้องของเธอก็เริ่มส่งเสียงร้องดังครวญครางอย่างต่อเนื่องด้วยความหิวจนผู้คนรอบข้างหัวเราะด้วยความขบขัน
“จ๊อก...จ๊อก…”
“สงสัยลูกคงจะหิวแล้วล่ะสิ”
“หิวคือ…”
ตอนที่เป็นแม่มดเธอไม่เคยมีอาการหิวมาก่อนเลย เนื่องจากแม่มดในโลกของเธออิ่มทิพย์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องทานอาหารเหมือนกับผู้คนบนโลกมนุษย์ มันจึงทำให้เธอรู้สึกงุนงงกับปรากฏการณ์นี้ ขณะที่ไม่ทราบว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดี
“เอาอย่างงี้... รอแม่แป๊บเดียว”
จากนั้นเธอได้เรียนรู้ว่า เมื่อวิญญาณของตนเองเข้ามาอยู่ในร่างของมนุษย์ก็จะต้องทานอาหาร ทำให้พบว่า รสชาติของอาหารในเมืองมนุษย์นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว โดยวันนั้นเธอได้ทานไข่เจียวกับผัดผัก ซึ่งเป็นอาหารหลักของบ้านนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับเธอ
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น ขณะที่เด็กสาวพบว่ามนุษย์มีเครื่องมือวิเศษอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้จัก โดยหนึ่งในนั้นคือ วัตถุสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง แต่มันมีคนอยู่ด้านในหลายคนจนทำให้เธอเกิดความสงสัยว่า ผู้คนไปรวมตัวกันอยู่ในนั้นได้อย่างไร
เด็กสาวจึงรีบวิ่งไปดูที่ด้านหลังของโทรทัศน์พร้อมกับร้องเสียงดังว่า
“จะขังพวกเขาเอาไว้ทำไม?”
“กลับมานั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้” มารดาของเธอกล่าวอย่างอดทนอีกว่า
“มันเป็นแค่ภาพเท่านั้น อันนี้เค้าเรียกกันว่า ‘โทรทัศน์’หรือ ‘ทีวี’...”
มันคือโทรทัศน์สีขนาดสิบสี่นิ้วที่มีอายุยาวนานมากว่ายี่สิบปี ทำให้สีของมันเริ่มจะกลายเป็นขาวดำเข้าไปทุกที แต่เธอก็ยังคงจ้องมองมันด้วยความสนใจอย่างเพลิดเพลินจนลืมเจ้าแมวน้อยไปเสียสนิท
โอ้ว! มนุษย์นี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ พวกเขาสามารถใช้เครื่องมือวิเศษแบบนี้โดยไม่ต้องใช้เวทย์มนตร์ด้วยซ้ำ!
ทันใดนั้นเด็กสาวก็สะดุ้งสุดตัวเนื่องจากเสียงโทรศัพท์ของมารดาดังขึ้น ปรากฏว่าเป็นเพื่อนของหวังลี่จินโทรมาสอบถามอาการของเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง ครั้นวางสายแล้วบุตรสาวก็ขอดูสิ่งที่มารดาถืออยู่ในมือ หลังจากใช้นิ้วของเธอเขี่ยมันอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“อันนี้ที่แม่บอกว่ามันคือโทรศัพท์มือถือใช่หรือเปล่าคะ?” เด็กสาวพลิกโทรศัพท์หน้าที่มีจอขาวดำไปมาด้วยความงุนงง
“ถูกต้อง”
“แล้วทำไมมันถึงไม่เหมือนกับของคนอื่นล่ะ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่เหมือนยังไง?”
“ก็ตอนที่นั่งรถมา หนูเห็นคนนั้นใช้นิ้วเขี่ยมัน แล้วเจ้าของโทรศัพท์ก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว… แล้วทำไมของแม่มันถึงทำไม่ได้ล่ะ?”
“อ๋อ...มันเป็นโทรศัพท์เหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกัน”
“อ้าว!” เเม่มดสาวงงหนักเข้าไปอีก
“ครอบครัวเราไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของแบบนั้นหรอก มันแพงมาก!”
จากนั้นมารดาก็ต้องตอบคำถามของบุตรสาวจนดึกดื่น ขณะที่รู้สึกว่าตนเองกำลังสนทนาอยู่กับเด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรเลย ต่อมาเมื่อถึงเวลาหวังลี่จินก็ส่งเด็กสาวเข้านอน
โดยมารดาของเธอปูที่นอนและนอนอยู่ที่บริเวณพื้นด้านข้างสามี ส่วนคุณย่าผู้ชราก็นอนอยู่ในห้องนอนแรกคนเดียว สำหรับแม่มดสาว เธอนอนในห้องถัดไปเพียงผู้เดียวเช่นกัน
โอ้! ที่นอนนี้ก็นับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็ยังมีที่ซุกหัวนอน!
ฮ่าฮ่าฮ่า…
***********