ตอนที่ 3 นอนในถังขยะ
ตอนที่ 3 นอนในถังขยะ
เมื่อถึงเวลาเที่ยงวันพอดิบพอดี ทันใดนั้นเองเด็กสาวที่ชื่อฮันเป่าเม่ยก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเพียงพบว่าตนเองกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แต่ทำไมบนร่างของเธอถึงมีสายอะไรก็ไม่รู้ห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ขณะที่รู้สึกว่าร่างกายของเธออ่อนแรงโดยไร้พลังอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังรู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก จึงรีบลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงง
เราเป็นอะไรไป? แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?
ทำไมทุกคนในนี้ต้องนอนอยู่บนเตียง? เอาสายยางพวกนี้มาเชื่อมต่อกับร่างกายของฉันทำไม?
ทำไมที่นี่ถึงมีกลิ่นฉุนคล้ายกับกลิ่นยา?
มุ้งมิ้ง!!! มุ้งมิ้งไปไหน? มุ้งมิ้งหายไปไหน?
โธ่ ! ทาสผู้ซื่อสัตย์ของข้า!
เมื่อรำพึงรำพันถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเสียงร้องของสัตว์ชนิดหนึ่งก็ดังขึ้น
“เมียว.… เมียว... สวัสดีชาวโลก... รู้หรือยังว่าที่นี่เค้าเรียกว่า ‘โลกมนุษย์’”
“เฮ้ย! อยู่นี่เองเหรอ ไปไหนมา? ตกใจหมดเลย... นึกว่าจะไม่ได้เจอกันซะเเล้ว... เเต่เอ๊ะ.. นั่นมันกลิ่นอะไร? เหม็นพิลึก” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดจมูก
"จะไม่ให้เหม็นได้ยังไง? ก็ตอนที่ฟื้นขึ้นมา... ข้าพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในถังขยะ!" มันยกขาหน้าข้างขวาขึ้นมาปิดจมูกพร้อมกับกล่าวอีกว่า
"นายหญิง! ช่วยขจัดกลิ่นเหม็นให้ข้าด้วย! เหม็นจะตายอยู่แล้ว…อ้าว! แล้วทำไมจิตวิญญาณของท่านถึงเข้าไปอยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงคนนี้ล่ะ?"
"ร่างใคร? ร่างใครที่ไหน?" หญิงสาวร้องถามด้วยความสับสน
"ก็ยัยอ้วนนี่ไง? ลองก้มดูตัวเองสิ!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็รีบร้อนก้มลงดูมือและยกมือขึ้นมาสัมผ้สใบหน้าของตนเองอย่างเคร่งเครียดพร้อมกับร้องตะโกนออกมาว่า
"อ้าวเฮ้ย! ทำไมมันดำอย่างนี้อะ? แถมยังอ้วนอีกต่างหาก"
"ฮ่าฮ่าฮ่า... สมน้ำหน้า"
ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่ด้านหน้าเด็กสาวพร้อมกับกล่าวว่า
"เป่าเม่ยฟื้นแล้วเหรอลูก? เป็นอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บตรงไหนอยู่บ้างหรือเปล่า?..."
"เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร?"
"ทำไมถึงพูดกับแม่แบบนี้! พูดไม่เพราะเลยนะ" มารดารีบตำหนิทันที
"ใครเป็นแม่? เป็นแม่ใคร? จำคนผิดหรือเปล่าป้า?"
"เอ่อ.. เอ่อ.. รอแป๊บนะเดี๋ยวแม่มา!"
อย่างไรก็ตามชื่อแซ่ของแม่มดสาวคนนี้ดันไปเหมือนกับเด็กสาวอย่างน่าเหลือเชื่อ จากนั้นหญิงวัยกลางคนก็รีบร้อนวิ่งออกไปหาคุณพยาบาลที่เข้าเวรอยู่หน้าห้อง เพื่อให้เธอช่วยตามหมอมาตรวจบุตรสาว
เมื่อเข้ามาถึง คุณหมอก็กล่าวอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสว่า
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ในช่วงแรกความทรงจำของเธออาจจะยังไม่เข้าที่ แต่หลังจากนี้เธอจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติในไม่ช้า"
เขากล่าวตามที่อาจารย์หมอเคยกล่าว และสั่งอีกว่า
"พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว และสิ่งที่คุณแม่ต้องทำคือ ควรกระตุ้นความทรงจำของเธอบ่อย ๆ โดยเฉพาะการเล่าถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอเอง"
“เล่าตั้งแต่แรกเกิดเลยหรือเปล่าคะ?
ตกลงยัยป้าคนนี้คงจะเป็นแม่เจ้าของร่างนี้สินะ!
จากนั้นเมื่อเธอต้องการทำธุระส่วนตัวก็ขอตัวมารดาเข้าห้องน้ำ ขณะที่มีเจ้าแมวน้อยเดินคลอเคลียไม่ห่าง แต่เมื่อเดินเข้าไปแล้ว ผู้คนทั้งโรงพยาบาลก็ต้องตื่นตระหนกกับเสียงกรีดร้องดังลั่นของเด็กสาว ราวกับว่าเธอเสียสติไปแล้ว เนื่องจากเธอเห็นใบหน้าของตนเองในกระจกเงา
“มุ้งมิ้งทำไมฉันถึงมีหน้าตาแบบนี้... รับไม่ได้... รับไม่ได้จริง ๆ ...ช่วยฉันด้วย”
“จะให้ช่วยยังไงล่ะ? ข้าน้อยไม่ใช่แม่มด” แมวน้อยเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้
“…”
ในพริบตามารดาของเด็กสาวก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?”
“เอ่อ...คือ ข้าจำตัวเองไม่ได้!” หญิงสาวกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“... …” มารดา
“… …” แมวน้อย
——-
วันต่อมาเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว มารดาของเธอก็พากลับบ้านท่ามกลางความตื่นตระหนกของหญิงสาวที่ได้พบสิ่งแปลกใหม่มากมายบนท้องถนนที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุที่มีลักษณะสี่เหลี่ยมซึ่งคนสามารถเข้าไปอยู่ในนั้นได้หลายสิบคนโดยชาวโลกเรียกกันว่า ‘รถเมล์’ หรือรถประจำทางและถ้ามีขนาดเล็กลงมาก็จะเรียกว่า ‘รถยนต์’
สำหรับโลหะขนาดมหึมาที่มีปีกและสามารถบินไปมาอยู่บนท้องฟ้าได้นั้น ชาวโลกเขาเรียกมันว่า ‘เครื่องบิน’
แล้วไหนจะไอ้วัตถุสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่ทุกคนมักจะถือเอาไว้และเฝ้ามองดูแต่มันโดยไม่ยอมคลาดสายตา ราวกับกลัวว่ามันจะสูญหาย แต่เมื่อสอบถามจากมารดาของเธอแล้วทำให้ทราบว่า เจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่า ‘โทรศัพท์มือถือ’
แต่เมื่อซักถามมากขึ้น มารดาของเธอก็เริ่มรำคาญจึงกล่าวว่า
“อันนี้ความจำเสื่อมจริง หรือว่าแกล้งเสื่อมกันแน่”
ฮันเป่าเม่ย “…”
แล้วไอ้สิ่งนี้ชาวโลกเค้าเอาไว้ทำอะไรกัน?
แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็ยิ่งงงงันหนักขึ้นไปอีก เนื่องจากเธอไม่เคยเห็นที่อยู่อาศัยที่เก่าซอมซ่อและดูวังเวงมากเช่นนี้มาก่อน เพราะในชาติที่แล้วเธออยู่แต่ในถ้ำ
“อันนี้เรียกว่าอะไรอะ?”
“… บ้าน” มารดาตะโกนเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
*******