ตอนที่ 1 โลกคู่ขนาน
ตอนที่ 1 โลกคู่ขนาน
ณ โลกคู่ขนานซึ่งเป็นดินแดนอันห่างไกลจากโลกมนุษย์หลายล้านปีแสง แม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ไกลมาก แต่สภาพแวดล้อมกลับเหมือนโลกมนุษย์ในยุคหินไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย
ยกเว้นวิหารทรงโดมขนาดมหึมาที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณและมีความสูงสามชั้นโดยมีอิฐเผาก้อนใหญ่เป็นโครงสร้างหลักที่ใช้สำหรับเป็นที่ประชุมของบรรดาแม่มดในดินแดนนี้ ซึ่งมันมีอายุไม่น้อยกว่าแปดหมื่นปี
แม่มดเป็นผู้ที่มีพลังทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ปรุงยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรค อีกทั้งยังมีการบูชาธรรมชาติ เช่น พระอาทิตย์ พระจันทร์ ภูเขา แม่น้ำ และเทพเจ้าต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามแม่มดแบ่งออกเป็นแม่มดสายขาวกับสายดำ ซึ่งมันไม่ได้หมายถึงสีผิว แต่เป็นลักษณะของเวทย์มนตร์ที่แม่มดใช้และต้นสังกัดที่บรรดาแม่มดทั้งหลายสังกัดอยู่ต่างหาก
โดยแม่มดสายดำคือพวกที่เคารพบูชาซาตานและใช้เวทย์มนตร์โดยอาศัยความช่วยเหลือภูตผีปีศาจร้ายและวิญญาณชั่ว ส่วนแม่มดสายขาวเป็นพวกที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ
กลางดึกสงัดในยามค่ำคืนมีผู้หญิงในชุดคลุมสีขาวกำลังยืนหลบอยู่บริเวณมุมตึกด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ขณะที่ดวงตาของเธอฉายแววแห่งความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"รออะไรอยู่ล่ะ รีบเข้าไปสิ" เจ้าแมวสีขาวตัวน้อยเร่งเร้านายหญิงอย่างหงุดหงิด
"รู้แล้วน่า รอแป๊บ" ฮันเป่าเม่ยกระซิบอย่างแผ่วเบา
แมวตัวนี้มีอายุเกือบจะสองหมื่นปีแล้ว มันจึงค่อนข้างเจ้าอารมณ์ราวกับว่ากำลังอยู่ในวัยทองที่พร้อมจะเกรี้ยวกราดได้ทุกห้านาทีโดยไม่ต้องมีเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น
ใช่! มันอายุเกือบจะสองหมื่นปีจริง ๆ เพราะดินแดนแห่งนี้คือเมืองแม่มด เมืองแห่งเวทย์มนตร์ที่น่าหลงใหล
แมวสีขาวขนยาวปุกปุยที่มีดวงตาข้างหนึ่งเป็นสีฟ้าสดใสและอีกข้างหนึ่งเป็นสีเหลืองอำพันที่แสนจะงดงามจนน่าอิจฉา มิหนำซ้ำมันยังสามารถหายตัวได้และไปมาอย่างไร้ร่องรอย
อีกทั้งมันยังเป็นแมวแสนรู้ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้และล่วงรู้ความคิดที่อยู่ในใจผู้คนด้วยการมองผ่านเพียงแวบเดียวเท่านั้น
สำหรับนายหญิงของมันก็มีอายุเท่ากัน เพราะทั้งสองเกิดวันเดือนปีเดียวกัน และอยู่ร่วมกันมานับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ดังนั้นคงไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องความสนิทสนมหรือการรู้ใจเพราะแค่มองตาพวกเขาก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จากนั้นนายหญิงก็สั่งว่า
"มุ้งมิ้ง!นำทางไปสิ!"
"ได้เลย นายหญิง"
และด้วยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวของผู้หญิงคนนี้ ทันใดนั้นประตูก็ค่อย ๆ แง้มออกจนเปิดกว้างในที่สุด
เมื่อเข้ามาด้านในแล้วหญิงสาวก็รีบปิดประตูให้เหมือนเดิมอย่างแผ่วเบาโดยไม่มีเสียงเกิดขึ้นเลย และค่อย ๆ ย่องตามเจ้าแมวตัวแสบไป
ท่ามกลางความเงียบสงบเธอก็ดีดนิ้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันทำให้เกิดเปลวไฟขึ้นที่ปลายนิ้วชี้ของเธอเพื่อใช้เป็นแสงส่องนำทาง
ในชั่วอึดใจต่อมาสิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดก็เดินขึ้นมาถึงบริเวณชั้นสามของวิหารที่บรรยากาศแสนจะเงียบสงบ
"ทางนี้..ทางนี้..เร็ว ๆ เข้า มัวแต่ชักช้าอยู่นั่น.."
"รู้แล้ว! อย่าส่งเสียงดังสิ! เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หรอก" หลังจากดุสัตว์เลี้ยงตัวน้อยแล้ว เธอก็เอ่ยถามมันว่า
"อยู่ในห้องนี้เหรอ?"
"ก็ใช่น่ะสิ ห้องนี้ต้องใช้คาถานะถึงจะเปิดได้"
"ตกลง! ถ้าอย่างนั้นหยุดพูดก่อน"
"..."
ห้องนี้คือห้องลับที่อยู่ในอาคารของกระทรวงเวทย์มนตร์แห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บตำราสำคัญ ๆ มากมายเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่มด โดยภายในมีลักษณะเหมือนกับห้องสมุดขนาดใหญ่มหึมา ขณะที่หนังสือแต่ละเล่มก็มีขนาดใหญ่กว่าหนังสือบนโลกมนุษย์เราถึงสี่เท่า
เมื่อเข้าไปด้านใน หลังจากดับไฟที่ปลายนิ้วชี้แล้ว เธอก็เริ่มร่ายเวทย์มนตร์เพื่อให้ทั้งห้องสว่างขึ้นด้วยแสงสีเหลืองอ่อนที่ค่อนข้างสลัว ส่งผลให้มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นจนต้องร้องอุทานออกมาว่า
“โอ้โห! ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้ล่ะ! แล้วจะหาเจอได้ยังไงเนี่ย?”
“แล้วจะมีเวทย์มนตร์เอาไว้ทำไม?...มีแล้วก็ใช้สิ!...”เจ้าแมววัยทองเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง
ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน บุตรสาวของเธอที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับการร่ายมนตร์เพื่อต้องการไต่อันดับขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้นำแม่มดน้อย
ซึ่งปรากฏว่าบุตรสาวของเธอร่ายมนตร์ผิดบทหรือลืมเนื้อหาของบางเวทย์มนตร์บางประโยคก็ไม่ทราบได้ แต่ผลลัพธ์ของมันคือ ปิงเอ๋อผู้เป็นบุตรสาวของเธอเกิดอาการชักกระตุกอยู่นานจนหมดสติไปในที่สุด และจนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย แม้ว่าจะพยายามแก้ไขมาแล้วหลายร้อยวิธี
แต่นับว่ายังโชคดีที่ร่างกายของเด็กสาวยังมีอุณหภูมิปกติและชีพจรกับหัวใจยังเต้นคงที่ ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่เธอต้องมาที่นี่ในตอนนี้ เนื่องจากเธอต้องการค้นหาตำราที่สามารถทำให้บุตรสาวของเธอฟื้นขึ้นมาได้
จากนั้นเธอจึงรวบรวมพลังและเพ่งจิตวิญญาณไปทั่วทุกมุมห้องเพื่อสอดส่องหาตำราที่ต้องการ และในที่สุดเธอก็พบว่า บริเวณมุมห้องทางด้านขวามือเกิดประกายสว่างวาบเจิดจ้าขึ้นจนทำให้เธอกับเจ้าแมวน้อยต้องยกมือขึ้นมาปิดตา
โดยไม่รอช้าทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปที่ตำแหน่งนั้นทันที
“ใช่แล้ว..ใช่แล้ว...เล่มนี้แหละ”แมวน้อยร้องขึ้นด้วยความดีใจพร้อมกับกระโดดขึ้นไปเกาะบนไหล่ของนายหญิงและสั่งว่า
“ไหนลองเปิดดูสิ”
“ตกลง ใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าวเนี่ย? สั่งทุกเรื่องเลยนะเราอะ!”
“แฮ่...ลืมตัวไปนิสนุง...ฮ่าฮ่าฮ่า”
“มันอยู่ชั้นบนสุดอะ..ข้าสูงไม่ถึง” ฮันเป่าเม่ยบ่นพึมพำ
“ท่านเป็นแม่มดไม่ใช่เหรอ? เสกให้มันลงมาสิ!”
“อ้าวเหรอ? เออ..เออ..ลืมไป โทษที!”
“...”
ของแบบนี้มันลืมกันได้ด้วยเหรอวะเนี่ย?