Ep.948 - ดาวแห่งความมืดของจ้าวเหนือหัว
Ep.948 - ดาวแห่งความมืดของจ้าวเหนือหัว
ฉินเฟิงฝืนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนเขาไม่ต้องการปิดบังมันจากไป๋หลี บอกเล่าถึงประสบการณ์ในช่วงที่แยกจากกันแก่อีกฝ่าย
ฉินเฟิงเดิมคิดว่าไป๋หลีคงโกรธเขา สำหรับการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตนี้ แต่ผลลัพธ์ดันตรงกันข้าม ไป๋หลีมิได้เก็บเรื่องดังกล่าวมาใส่ใจ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะทำแบบนั้น แต่ช่างเถอะ ขอแค่คุณปลอดภัยกลับมาก็พอ อย่าลืมสิ พวกเราทำพันธสัญญากัน คุณไปทำอะไรมา ฉันสามารถรับรู้ถึงมันได้ทั้งหมด โชคยังดีช่วงที่ผ่านมาคุณไม่ได้พาตัวเองไปตกอยู่ในวิกฤตร้ายแรง ถ้าใช่ล่ะก็ ฉันคงกระโจนออกมาทุบตีคุณไปแล้ว”
“เพื่อไม่ให้จิ้งจอกน้อยทุบตี ฉันเลยเน้นความปลอดภัย ไม่ให้ตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายไง” ฉินเฟิงกล่าว ในแววตาเขาทอประกายอ่อนโยน “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะไป๋หลี”
ฉินเฟิงเป็นเด็กกำพร้า แม้หลังจากถูกส่งกลับมาเกิดใหม่ เขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น , ความสามารถในการต่อสู้เหนือล้ำกว่าชีวิตก่อน , สามารถช่วยชีวิตสหายสนิทของตนได้ แต่สำหรับเขา สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปจริงๆ คือการทำพันธสัญญากับไป๋หลี
เธอเปรียบเสมือนดั่งครอบครัว เป็นคู่หูรู้ใจ!
ไป๋หลีพอได้ฟังคำของฉินเฟิง คล้ายรู้สึกได้ว่าฉินเฟิงกำลังคิดอะไร ขยับตัวเข้าไปใกล้ จุ๊บลงบนแก้มของฉินเฟิง
ทั้งสองโอบกอดกันและกัน เติมเต็มความเงียบเหงาที่ห่างหาย สนทนาถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้รับรู้มา
ระหว่างสนทนา ไป๋หลีฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง โพล่งว่า “ในเมื่อแก่นอบิลิตี้ของจ้าวเหนือหัวสามารถเปลี่ยนเป็นดวงดาวได้ งั้นก็หมายความว่า ประโยคสุดท้ายที่มารกระดูกเคยบอก ก็น่าจะเป็นดวงดาวรูปแบบหนึ่งใช่ไหม?”
“อืม ฉันกะว่าจะรอให้เธอออกมาก่อน แล้วค่อยเรียกมารกระดูกออกมาถาม คราวก่อนพวกเรายังซักไซ้รายละเอียดได้ไม่พอ ข้อมูลเลยไม่ครบถ้วน และบางที เขาอาจยังปกปิดสิ่งต่างๆไว้อีกมาก!” ฉินเฟิงกล่าว
“เข้าใจแล้ว ไอ้กระดูกผุนั่น กล้าดียังไงมาโกหกพวกเรา!”
ไป๋หลีเหยียดแขน กางฝ่ามือออก ใจกลางฝ่ามือปรากฏกรงสี่เหลี่ยมขนาดสิบเซนติเมตร และมีอะไรบางอย่างถูกขังอยู่ข้างใน ย่อมเป็นมารกระดูก
แน่นอน มารกระดูกมิได้ตัวหดลง แต่เป็นไป่หลีที่ควบคุมการบีบอัดของมิติ มารกระดูกในตอนนี้เลยไม่ต่างจากกบในบ่อน้ำ ไป๋หลีกับฉินเฟิงที่ก้มมองลงมีสภาพไม่ต่างจากยักษ์ใหญ่
มารกระดูกเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป ก็บังเกิดความสุขขึ้นมา พาลคิดว่าสัตว์ยักษ์มิติคงตายไปแล้ว พื้นที่มิติจึงพังทลาย ในที่สุดมันก็จะได้เป็นอิสระ รอดพ้นจากนรกบ้าๆแห่งนี้ไปเสียที
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างโง่เขลา พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะขังข้าได้ตลอดไป ความโลภคือบาปอันมหันต์ หากพวกเจ้าไม่ไปยังดาวดวงนั้น ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าคงไม่ตาย แต่ผู้ใดเล่าจะทานทนสิ่งล่อลวงใจเช่นนั้นได้”
มารกระดูกหัวเราะ
แต่ไม่นาน พลังสมาธิถูกถ่ายทอดเข้าหามัน เสียงดังดั่งระฆังเงิน ก้องกังวานไปทุกทิศทาง ข่มขวัญมันจะสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ไม่ผิดแล้ว คราวก่อนแกยังไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด!” ฉินเฟิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
เสียงหัวเราะของมารกระดูกหยุดลงทันใด เงยหน้าขึ้นข้างบน ทันใดนั้นคู่ดวงตาของมันหดลีบ ปากที่กำลังอ้าหัวเราะหุบลงทันที
ฉินเฟิงกับไป๋หลีปัจจุบันตัวใหญ่กว่ามันมาก ดังนั้นจึงไม่ทันสังเกตเห็น แต่ตอนนี้มันพบทั้งสองคนแล้ว
แต่เดิมในมุมมองของมารกระดูก มันคิดว่ากำแพงอุปสรรคของมิติกำลังล่มสลายลงอย่างช้าๆ แต่ปรากฏว่ากลับไม่ละลายหายไป ตรงกันข้าม พื้นที่มิติเปลี่ยนรูปลักษ์กลายเป็นกรงสีเงิน อีกทั้งมันยังอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย ขอแค่บีบก็ตาย
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋หลีในตอนนี้ ให้ความรู้สึกทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ฝั่งฉินเฟิงก็เช่นกัน
กึก กึก กึก! ฟันของมารกระดูกกระทบกัน มันพยายามหุบปากเงียบ หากไม่ใช่เพราะมันอยู่ในสภาพร่างคนตาย ตอนนี้คงกำลังกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เหงื่อเย็นหลั่งทั่วแผ่นหลัง
แม้สิ่งที่กล่าวมาจะไม่เกิดขึ้น แต่มารกระดูกยังสั่นสะท้านไปทั้งตัว นี่คือสัญชาตญาณของความหวาดลัว
“รูปแบบชีวิตที่อยู่มานานกว่า 800 ปี แท้จริงแล้วมีสติปัญญาเช่นนี้เอง เอาล่ะ ตอนนี้ได้เวลาแล้ว รีบบอกมาซักที … เรื่องดาวของจ้าวเหนือหัว!” ฉินเฟิงเปิดคำถาม
“เหตุใดเจ้าถึงรู้เรื่องนั้น?” มารกระดูกลอบร้องผิดท่าในใจ
มารกระดูกดำรงชีวิตอยู่มานานแล้ว ที่ยังคงรูปลักษณ์ในสภาพกึ่งมนุษย์เอาไว้แบบนี้ เพราะในความเป็นจริง มันเคยเป็นสมาชิกเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน
อย่างไรก็ตาม มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่แสวงหาพลัง เมื่อครั้งมารกระดูกยังเป็นมนุษย์ มันไม่สามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S ได้ ดังนั้นตัดสินใจใช้วิชามาร เปลี่ยนร่างตนให้กลายเป็นหุ่นเชิดแห่งความตาย ปีนป่ายขึ้นสู่เลเวล S ได้ในที่สุด
และด้วยประการฉะนี้ เขายังประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรองค์กรมืด ได้รับทราบถึงหลายสิ่งที่ตัวตนต่ำกว่าเลเวล S ไม่มีทางล่วงรู้
ดังนั้น เมื่อมารกระดูกเห็นฉินเฟิงกับไป๋หลี แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมาก แต่ดูเหมือนยังไม่ได้เป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษย์ มันจึงคิดอาศัยประโยชน์จากข้อมูลที่ตนมี ล่อลวงฉินเฟิงกับไป่หลีออกไปหาความตาย
มารกระดูกบอกพิกัดมิติของดาวดวงนั้นไป แท้จริงแล้วนั่นคือแก่นอบิลิตี้ธาตุมืดของจ้าวเหนือหัวที่เพิ่งตกตายลงได้ไม่นาน อยู่มาได้ 100 กว่าปีเท่านั้นเอง เรื่องนี้สมาชิกองค์กรมืดหลายคนก็ทราบ
แต่เพราะข้างในมันอันตราย สสารทมิฬปกคลุมดาวทั้งดวง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตใดย่างกรายลงไปล้วนถูกกลืนกิน
กระทั่งมารกระดูกก็ยังไม่กล้าเข้าไปลึก ครั้งก่อนที่ไปเยือน มันจงใจชะลอตนลอยในอากาศ จัดการระเบิดมิติด้วยวิธีการพิเศษ และนั่นคือที่มาของศิลานรก
แต่เนื่องจากแรงระเบิดรุนแรงเกินไป ส่งผลให้เกิดรอยแยกมิติขึ้น เป็นเหตุให้ศิลานรกร่วงหล่นไปตกลงในมิติของฉินเฟิง
ก่อนหน้านี้ที่เอ่ยปากบอกเรื่องพิกัดมิติ มารกระดูกหลงคิดว่าฉินเฟิงกับไป๋หลีจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้ว ซึ่งต่อให้ทั้งสองตระหนักถึงอันตราย มิได้ย่างกรายลงบนดวงดาว แต่รอบๆดาวมีเลเวล S จากพันธมิตรองค์กรมืดประจำการอยู่มากมาย หากเข้าไปใกล้ ยังไงก็ต้องตาย
แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าฉินเฟิงจะยังไม่ได้ไปที่นั่น
“มารกระดูก บอกในสิ่งที่แกรู้มาตรงๆดีกว่า ถ้าให้ฉันใช้เทคนิคยึดครองจิตสำนึก ด้วยพลังวิญญาณน้อยนิดที่แกมีตอนนี้ มันอาจถูกทำลายเป็นเถ้าถ่านได้!” ไป๋หลีข่มขู่คุกคาม
แม้เทคนิคยึดครองจิตสำนึกจะทำให้อีกฝ่ายไม่โกหก แต่สามารถถามได้แค่ทีละคำถามเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ ไป๋หลีใช้เทคนิคยึดวิญญาณ มารกระดูกยอมคายที่อยู่ของศิลานรก ทำให้เธอทราบตำแหน่งของมัน แต่ยังไม่รู้ว่าข้างในสถานที่แห่งนั้น มันมีสภาพแวดล้อมอย่างไร
“พวกเจ้าต้องการให้ข้าพูดอะไร? สิ่งที่รู้ ข้าได้บอกพวกเจ้าไปหมดแล้ว!”
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น “แน่นอนว่ายังไม่หมด อย่างเช่นเรื่องที่ว่าจ้าวเหนือหัวบนดาวดวงนั้นได้ทิ้งมรดกไว้ให้จริงๆรึเปล่า? หรือบางที ความจริงแล้วมันอาจไม่มีมรดกใดเหลือทิ้งไว้เลยก็ได้ ที่นั่นเป็นเพียงสถานที่แห่งความตาย!”
ในมิติของพระเจ้าที่ฉินเฟิงเข้าไปก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าจ้าวเหนือหัวเจ้าของดวงดาวคือหญิงหิมะ หญิงหิมะเดิมไม่มีความปรารถนาหรือความต้องการใด แต่เนื่องจากบ้านของเธอถูกทำลายลงโดยจ้าวเหนือหัวอสูรกายทมิฬ สุดท้ายหัวใจเธอเลยแปดเปื้อนไปด้วยความเกลียดชัง
ทว่าความเกลียดชังมิได้ทำให้ดวงตาและจิตวิญญาณของเธอมืดบอด เธอยังคงมีน้ำใจ ดังนั้นหลังจบชีวิตลง จึงทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง หวังว่าคนที่ได้รับมัน จะสืบทอดเจตจำนง เข้าต่อกรกับเผ่าอสูรกาย
เช่นนั้นแล้วตัวตนที่มารกระดูกเรียกขานว่าจ้าวเหนือหัว กาลก่อนยามมีชีวิตอยู่มันคือสิ่งมีชีวิตประเภทใด? มีทัศนคติแบบไหน? ทำอะไรหลังจากได้กลายเป็นจ้าวเหนือหัวแล้ว ข้อมูลทั้งหมดนี้ สามารถรวบรวมมาอนุมานได้ ว่าอีกฝ่ายทิ้งมรดกเอาไว้ให้จริงๆ หรือจะเป็นคนประเภทที่ว่า หลังจากตัวเองตาย สิ่งมีชีวิตอื่นใดก็ห้ามเข้าใกล้ ไม่อนุญาตให้ตนต้องมัวหมอง
สีหน้าของมารกระดูกแปรเปลี่ยนกลับกลาย มันเหลือบมองไป๋หลี
เนื่องจากปัจจุบันไป๋หลีตัวใหญ่มาก ดังนั้นมารกระดูกไม่สามารถหลบดวงตาสีเงินของไป๋หลีได้ เมื่อย้อนนึกไปถึงพลังงานที่แทบจะกลืนกินจิตวิญญาณของมันก่อนหน้านี้ มารกระดูกก็สั่นสะท้าน ยอมปริปากเอ่ยความจริงในที่สุด
“จ้าวเหนือหัวผู้นั้นคือเผ่ามังการปีศาจหุบเหว หลังจากการตาย ตัวเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นทวีปขนาดใหญ่ ตำแหน่งแก่นอบิลิตี้ของจ้าวเหนือหัวอยู่บริเวณศีรษะ พลังงานแห่งความตายที่เอ่อล้นออกมาน่าสยดสยองมาก สิ่งมีชีวิตใดถูกสัมผัสจะต้องตาย!”
“เห็นหรือไม่ว่าข้าไม่ได้โกหกเจ้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถไปรับเอาศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดมาได้ จงปล่อยข้า แล้วข้าจะนำมันมาให้ ข้อตกลงที่ดูยุติธรรมเช่นนี้ฟังดูเป็นอย่างไร!”