บทที่ 356
หลังจากเนี่ยฟงพุ่งหลบออกไป คนของทังจือเทียนแอบเข้ามาช่วยเหลือ ชั่วน้ำเดือดชายฉกรรจ์เผ่าเทพก็เริ่มรู้สึกตัว ทังจือเทียนที่หันไปมองเห็นรีบสั่งให้คนของตนสังหารชายฉกรรจ์เผ่าเทพ หลังจากที่สังหารชายฉกรรจ์เสร็จสิ้นมีดสั้นสีดำพุ่งทะยานจ้วงแทงไปที่ลำคอจากด้านหลังทะลุออกด้านหน้าเลือดสีแดงพุ่งกระฉูด ทังจือเทียนตกตายโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน เนี่ยฟงหาที่หลบซ่อนในเมืองตรวจสอบแหวนของชายฉกรรจ์ถึงกับขมวดคิ้ว เขานำออกมาเป็นม้วนหนังรัดด้วยเชือกสีดำประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ ประกายสายฟ้าออกมาจากมือขวาพุ่งไปที่เชือกสีดำวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏออกมา เขาจ้องมองอยู่นานเกือบสองเค่อจึงเริ่มแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจัดการแก้ไขเสร็จสิ้นแกะม้วนหนังออกมาพบว่ามันคือแผนที่สมบัติ เขาจ้องมองในแผนที่ก็พบว่าเป็นที่เดียวกับที่เขาพบเจอก่อนหน้า แต่ที่เขาสนใจคือมันมีบางสิ่งซ่อนอยู่ข้างในนั้น ทางด้านเผ่าเทพอีกสองคนที่เหลือรับรู้ได้ทันทีว่าอีกคนตกตายแล้วจึงมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว
“ไอ้หนูเจ้าคิดจะสังหารพวกเทพที่เหลือ”
“ขอรับหากไม่เช่นนั้นพวกมันคงสังหารผู้คนที่เมืองแห่งนี้จดหมดแน่ อีกอย่างจะให้คนย้ายคงไม่ทันแล้ว เหอะข้าตั้งใจฝากของขวัญไปให้พวกมันแต่ว่าทังจือเทียนสังหารชายผู้นั้นเสียก่อน”
“เจ้าจะเอาสิ่งใดไปสู้กับพวกมันในเมืองเจ้าไม่อยากใช้ดาบดับอสูร”
“ดาบของเทพผู้นั้นยังพอรับพลังของข้าได้อยู่ เมื่อถึงเวลาจำเป็นคงต้องใช้ดาบดับอสูร ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลคือหัวหน้าพรรคสุขาวดีฟ้าดินและพรรคอัคคี เพราะตัวข้ายังไม่เคยพบเจอพวกเขาทั้งสอง”
เนี่ยฟงรีบเก็บม้วนหนังเอาไว้พร้อมกับแอบพุ่งทะยานออกมาด้านหน้าของเมือง เขายังเห็นผู้คนมากมายดื่มกินปกติโดยยังไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตน เขาแอบแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์บริเวณกำแพงเมืองอยู่นานเกือบสองเค่อ แรงกดดันมหาศาลก็แผ่ลงมาจากท้องฟ้าไม่ถึงสามลมหายใจปราณดาบสีทองพุ่งทะยานลงมากลางเมือง เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่มือทั้งสองข้างซัดไปที่กำแพง เปรี้ยง ประกายสายฟ้าพุ่งไปที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ แสงสว่างวางบริเวณกำแพงโดมสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏออกมาต้านรับปราณดาบ เปรี้ยง เสียงดังสนั่นผู้คนด้านในเมืองตื่นตกใจพุ่งออกมาด้านนอก มองเห็นชายฉกรรจ์สวมชุดสีดำสองคนลอยอยู่เหนือท้องฟ้า
เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งออกไปนอกเมืองสะบัดมือขวากำชับดาบในมือแน่นพร้อมกับฟาดฟันออกไปด้วยทักษะตัดสายฟ้า ปราณดาบห้าเล่มพุ่งทะยานเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งสอง มีชายผู้หนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
“ไอ้ลูกหมานั้นใช้ดาบของหยีเหยียน ต้องเป็นมันแน่ที่เป็นคนสังหารเขา”
ปราณดาบของเนี่ยฟงถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์ทั้งสองพุ่งทะยานลงมาด้านล่าง เนี่ยฟงเร่งความเร็วพุ่งหลบหนีพร้อมกับหลบหลีกปราณดาบที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง เกือบสามเค่อก็พบกับพื้นที่โล่งมีก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นอยู่รอบด้าน เขาชะลอฝีเท้าหลังจากนั้นก็หันหลังฟาดฟันดาบออกไป ปราณดาบสีฟ้าห้าเล่มพุ่งทะยาน แต่ก็ถูกจัดการโดยง่ายเช่นเคย เขาหรี่ตามองไปที่ดาบพบว่ามันเริ่มมีรอยร้าวขึ้นมาถึงแม้จะใช้พลังไม่กี่ส่วนก็ตาม ดาบในมือถูกโยนทิ้งยืนสงบนิ่งเร่งโคจรลมปราณเอาไว้ทั่วร่าง ชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ติดตามแสยะยิ้มฟาดฟันดาบในมือออกไปหวังสังหารชายหนุ่มด้านหน้า ปราณดาบสีทองสองเล่มพุ่งทะยานเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ชายฉกรรจ์ทั้งสองถึงกับตื่นใจที่ชายหนุ่มด้านหน้ายังคงยืนนิ่งร่างกายไร้บาดแผล
เกราะสายฟ้าปรากฏออกมาต้านรับเนี่ยฟงสะบัดมือขวากำชับดาบดับอสูรในมือแน่นประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากดาบ ดาบในตันเถียนสั่นสะท้านทั้งหกเล่ม เขาถีบเท้าขวาพุ่งเข้าประชิดชายฉกรรจ์เผ่าเทพผู้หนึ่งฟาดฟันดาบในมือ ชายฉกรรจ์เผ่าเทพแสยะยิ้มยกดาบในมือขวาต้านรับ ทักษะจิตแห่งเทพมังกรถูกเรียกใช้ ชายฉกรรจ์ยืนนั่งไปชั่วขณะ ฉับ คมดาบวาดผ่านดาบที่ยกขึ้นสกัดกั้นประดุจเต้าหู้ เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกจากบาดแผลพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ของสายฟ้า ร่างกายถูกฝ่าออกเป็นสองซีกร่วงลงพื้น เสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วบริเวณชายฉกรรจ์อีกคนร้องคำรามระเบิดพลังปราณออกมาอย่างสุดกำลัง ตูม เนี่ยฟงหาได้สนใจซัดดาบในมือออกไป ปลายดาบทะลุออกไปด้านหลังชายผู้นั้นตกตายโดยยังไม่ทันได้ทำสิ่งใด เขารีบปลดแหวนของทั้งสองพุ่งยานออกไปทิศทางเขาอู่ไถอย่างเร่งรีบ
บนเทือกเขาสูงเสียดฟ้า เมฆลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณอันเป็นที่อยู่ของเทพภายในตำหนักหลังหนึ่ง เวิ่นเทียนก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่างกลางห้องโถง ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประตูดังแว่วเข้ามาพร้อมกับเสียงเอ่ยวาจา เวิ่นเทียนกล่าววาจาออกมาเช่นกันไม่ถึงสองลมหายใจประตูห้องเปิดออกมาอย่างช้าๆ ชายชราผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับปิดประตู
“คุณชายคนของเราที่ส่งไปชิงดาบตอนนี้ตกตายลงไปหมดแล้วขอรับ”
เวิ่นเทียนถึงกับสบถเสียงดังลั่น
“บัดซบ ไหนท่านกล่าวอ้างว่าส่งมือดีไปจัดการ เหตุใดมือดีของท่านถึงตกตายหมด ว่าแต่ท่านส่งผู้ใดไปที่นั่น”
“เทพเก่อมู่ไป๋”
เวิ่นเทียนถึงกับตื่นตกใจ
“ผู้ใดกันสังหารท่านรู้หรือไม่”
“เรื่องนั้นข้าเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด สถานที่แห่งนั้นมีเพียงสองคนที่สามารถต่อกรกับเก่อมู่ไป๋ได้คือ หนานซือกงอดีตเทพตกสวรรค์และเซียนอสูรซุนมู่เทียน แต่ทั้งสองถึงแม้จะร่วมมือกันก็หาได้สังหารเขาได้ อาจเป็นบุคคลอื่นจากดินแดนอื่น”
“ส่งเทพเฉียนฟางลงไปจัดการ สังหารใครก็ตามที่คิดครอบครองดาบดับอสูร ดาบเล่มนั้นต้องเป็นของข้าเท่านั้น”
“เรื่องนั้นหากเราส่งเทพเฉียนฟางไปจัดการที่นั่นบิดาของท่านจะทรงทราบได้ เรื่องนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อท่านเองหากเขาร่วงรู้ว่าท่านกำลังคิดทำสิ่งใด”
“โธ่เว้ย”
ชายชรานิ่งเงียบหาได้กล่าวสิ่งใดนานนับสิบลมหายใจเขาก็เอ่ยวาจาออกมา
“ข้าพอคิดออกว่าเราจะใช้เทพเฉียนฟางไปจัดการที่นั่นอย่างไรโดยที่บิดาของท่านไม่รับรู้ว่าเทพเฉียนฟางไปที่ใดและทำงานให้ใคร”
เวิ่นเทียนเงยหน้ามองชายชราด้านหน้า
“ข้าจะให้คนของข้าวางยาภรรยาเทพเฉียนฟาง แล้วให้เขาไปหาสมุนไพรรักษาที่ดินแดนแห่งนั้นพร้อมกับชิงดาบดับอสูรมามอบให้ท่าน”
เวิ่นเทียนยกยิ้มอย่างดีใจเมื่อได้ชินเช่นนั้น
“ดี เช่นนั้นท่านรีบจัดการเถอะ”
ชายชรายกยิ้มก้มศีรษะคารวะกำลังจากเดินออกไปจากห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่นมาจากด้านหน้า เวิ่นเทียนยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใดตอบสิ่งใดชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะสีทองก็ทำลายประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วจับกุมตัวเวิ่นเทียนเอาไว้
“ต้องขออภัยคุณชายเวิ่นเทียน เป็นคำสั่งขององค์เทพให้นำตัวทีานเข้าพบเป็นการด่วน”
เวิ่นเทียนพยักหน้าตอบรับหันไปสบตากับชายชรา ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกไปจากตำหนัก
ผ่านไปหลายสิบวันเนี่ยฟงตอนนี้เขากลับมาที่ถ้ำบริเวณเขาอู่ไถแล้ว เขากำลังสำรวจด้านในอีกครั้ง ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากมือขวาเพื่อตรวจสอบแต่ก็ไม่พบสิ่งใด เขาสะบัดมือขวานำม้วนหนังออกมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ผ่านไปเกือบชั่วยามทุกอย่างนิ่งเงียบเขาจึงนำดาบดับอสูรออกมาตรวจสอบ ทันทีที่เร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบประกายสายฟ้าพุ่งออกมาพุ่งหายเข้าไปในผนังอีกฝั่ง เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานเข้าไปตรวจสอบ เมื่อเข้าใกล้ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากดาบอีกครั้ง วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีทองปรากฏออกมาที่ผนัง เนี่ยฟงใช้เวลาแก้ไขนานเกือบชั่วยามก็พบช่องลับตรงผนัง เขาพบเกราะอ่อนสีฟ้าวางอยู่ด้านในเมื่อนำเกราะอ่อนออกมา ดาบดับอสูรอยู่ๆก็ปรากฏออกมาจากแหวนในมือขวาประกายสายฟ้าจากดาบพุ่งเข้าหาเกราะอ่อนในมือซ้ายสั่นสะท้าน ชั่วน้ำเดือดทั้งดาบและเกราะอ่อนก็หยุดสั่น
เนี่ยฟงตรวจสอบเกราะอ่อนพบว่ามันมีเกร็ดขนาดเล็กสีฟ้าถักทอต่อกันจนเป็นเกราะอ่อน เขาทดลองใช้ดาบในมือกรีดไปที่เกราะอ่อนหาได้สร้างแม้แต่รอยขีดข่วน เนี่ยฟงเร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบถึงหกส่วนใช้แรงกดไปที่เกราะอ่อนแต่ก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเช่นเดิม เนี่ยฟงแสยะยิ้มรีบถอดเสื้อผ้าสวมใส่เกราะอ่อนเอาไว้ด้านใน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดสีเทาหลังจากนั้นเขาก็ออกจากถ้ำ